หนามหัวใจ ตอนที่ ๑๓

กระทู้สนทนา
ตอนที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/32341623/comment1

              รพีพัฒน์ไขกุญแจห้องหนังสือ เขาอยากให้เธอถอนหมั้นพี่ชาย ชายหนุ่มรับไม่ได้ที่เธอจะมาเป็นพี่สะใภ้ของเขา ตั้งใจว่าจะทำทุกวิถีทาง แม้ว่าจะต้องทำร้ายจิตใจเธอมากแค่ไหนก็ตาม เสียงเปิดประตูตามด้วยเสียงปิดไม่ได้เรียกความสนใจจากพรีม หญิงสาวยังนั่งอยู่ในท่าเดิม รพีพัฒน์กระแทกตัวลงนั่งบนปลายเก้าอี้ตัวเดียวกับเธอ

“เงียบแบบนี้แสดงว่าท้อง”

              พรีมหันไปมองคนพูด นึกอยากเอาหมอนอิงฟาดหน้านัก แต่เธอก็ไม่อยากเติมเชื้อเพลิง เขาอาจจะคิดน้อยใจแบบเด็กๆ ก็ได้ว่าเธอจะมาแย่งความรักจากพี่ชาย

“คุณภูเป็นสุภาพบุรุษ”น้ำเสียงหญิงสาวเย็นชา

“พี่ชายผมคงป้องกันอย่างดี คงสงสัยว่าการแต่งงานครั้งนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า แต่คุณคงไม่สงสัยอะไรหรอก เพราะเหมือนตกถังข้าวสารถังเบ้อเริ่ม”รพีพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามอีกฝ่าย

“อ๋อ คุณคงหวงสมบัติตัวเองสินะ หายไปตั้งห้าปี พอรู้ว่าคุณภูจะแต่งงานก็รีบกลับมา ไม่ได้มาแสดงความยินดี แต่กลัวฉันจะฮุบสมบัติ ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่เคยคิดอยากได้ของของพวกคุณ”

“อย่าทำหยิ่งผยองจองหองนักเลย พี่ผมคงให้คุณมากพอดู รีบๆ ตักตวงซะล่ะ”

                   พรีมไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมไม่ลุกหนี ปล่อยให้เขานั่งด่าเธออยู่ได้ตั้งนาน หญิงสาวจ้องดอกกุหลาบมอญสีเหลืองดอกใหญ่ราวกับจะใช้เป็นจุดโฟกัสเพื่อไม่ต้องสนใจคนนั่งร่วมเก้าอี้ รพีพัฒน์รู้ตัวว่าพูดมากเกินไป เขาแค่ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หลายปีที่ผ่านมาเขาพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวการเสียชีวิตของว่าที่พี่สะใภ้สองคนก่อน แต่ก็คว้าน้ำเหลวจนชายหนุ่มถอดใจ ทว่า ครั้งนี้กับเจ้าสาวของพี่คนนี้ เขาจะปล่อยให้เกิดเรื่องเศร้าไม่ได้เด็ดขาด

                 ภูวดลเคาะประตูห้องหนังสือก่อนจะเปิดเข้าไป ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยที่เห็นน้องชายกับคู่หมั้นนั่งกันคนละมุมห้อง ชายหนุ่มทักน้องชายซึ่งยืนเลือกหนังสือ

“วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ”

“ผมเห็นคุณพี่สะใภ้มาเลยอยากอยู่เป็นเพื่อนครับ”

“จะออกไปข้างนอกตอนนี้ก็ได้นะ พี่ไม่ได้ไปไหนแล้ว”

“ไม่ดีกว่าครับ”

                 ภูวดลตบไหล่น้องชาย ชายหนุ่มเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของพรีมก็พอจะเดาอารมณ์หญิงสาวได้ พรีมได้ยินเสียงคู่หมั้น เธอกำลังปรับอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลง

“คิดอะไรอยู่หรือครับ”

“คิดถึงคุณภูค่ะ”พรีมยิ้มให้คู่หมั้น ภูวดลไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากปากเธอ

“ผมก็คิดถึงคุณพรีม”ภูวดลวางมือเรียวงามลงบนมือเล็กของหญิงคู่หมั้น

“คุณสองคนคงลืมไปว่ามีผมอยู่ด้วย”รพีพัฒน์พูดแทรก ชายหนุ่มแสยะยิ้มให้หญิงสาว

“ขอโทษที”ภูวดลหันมาพูดกับน้องชาย เขาหันไปบอกคู่หมั้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เราออกไปกันเถอะครับ พีจะได้มีสมาธิอ่านหนังสือ”

                 รพีพัฒน์เขวี้ยงหนังสือที่ถืออยู่ในมืออย่างโกรธเกรี้ยว คอยดูเถอะ เขาจะก่อกวนเธอจนเธอทนไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายไปเสียเอง  พรีมหันหลังไปมองห้องหนังสือ เธออยากถามเขาตรงๆ ว่าไม่อยากให้เธอแต่งงานกับพี่เขาเพราะอะไร หรือเขาแค่เกลียดเธอจนไม่อยากให้เธอร่วมสกุล หญิงสาวตามภูวดลเข้าไปในห้องทำงาน ชายหนุ่มมีเอกสารสำคัญที่อยากขอความเห็นจากเธอ

“ให้พรีมทำงานเหมือนเดิมก็ดีแล้วนี่คะ”พรีมมองคู่หมั้นด้วยสีหน้าน้อยใจ

“คุณพรีมเหงาหรือครับ”

“ค่ะ”

“ผมอยากให้เจ้าสาวผมพักผ่อนเยอะๆ วันงานจะได้สวยๆ ผมจองสปากับคอร์สเจ้าสาวให้คุณแล้วด้วยนะ”

“พรีมสวยไม่พอหรือคะ”หญิงสาวหยอกชายหนุ่ม

“ไม่ใช่ครับ ผมอยากให้คุณผ่อนคลาย หลังแต่งงานคุณอยากไปฮันนีมูนที่ไหน”

“ที่ไหนก็ได้ค่ะ”

“ไม่ได้หรอกครับ ไปฮันนีมูนทั้งที ผมอยากใช้เวลากับคุณคนเดียว”

                 พรีมอายจนหน้าแดง ภูวดลเห็นก็ยิ้มอย่างเอ็นดู ยิ่งได้ใกล้ชิดเธอก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกขอบคุณบิดา ชายหนุ่มเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานมองดูคู่หมั้นอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ

“มะรืนนี้เราไปเที่ยวหัวหินกันนะครับ”ภูวดลพูดขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบกันมาครู่ใหญ่

“ค่ะ”พรีมรับคำ

“คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะชวนพีไปด้วย”

“ได้ค่ะ”

“ชลธีบอกว่าตอนนี้สวนดอกไม้ในงานใกล้เสร็จแล้ว”

“พรีมอยากเห็นจัง”

“พรุ่งนี้คุณขับรถไปดูที่โรงแรมก่อนก็ได้ครับ”

“ค่ะ”

                    อาหารเย็นผ่านไปอย่างเงียบหงอย ภูวดลเป็นฝ่ายคุยเสียมากกว่า พรีมคิดว่าคงต้องให้เวลารพีพัฒน์รวมถึงตัวเธอเองด้วย ต่อไปต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แรงปะทะคงมีมากกว่านี้แน่นอน เดี๋ยวมันต้องดีขึ้น พรีมบอกกับตัวเองอย่างไม่แน่ใจ

                    ชลธีออกมาต้อนรับว่าที่เจ้าสาวอย่างกระตือรือร้น ชายหนุ่มคิดว่างานแต่งงานของภูวดลกับพรีม น่าจะเป็นการเปิดตัวโรงแรมที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เพราะฝ่ายชายเป็นนักธุรกิจดังครองความโสดมาหลายปีเลือกเจ้าสาวที่เป็นผู้หญิงธรรมดา แค่นี้ก็มีประเด็นให้เล่นตั้งเยอะแยะแล้ว ตอนนี้โรงแรมเกือบเสร็จสมบูรณ์รอก็แต่เก็บงานเล็กๆ น้อยๆ

“คุณพรีมมาคนเดียวหรือครับ”

“ค่ะ”หญิงสาวเดินตามเจ้าของโรงแรมไปที่ห้องจัดเลี้ยง ภูวดลจัดการเรื่องงานแต่งงานด้วยตัวเอง เธอเป็นเจ้าสาวที่ไม่ต้องกระดิกตัวทำอะไรเลย

“ดอกไม้สวยจังเลยค่ะ”พรีมชื่นชมกับสวนลอยฟ้าของโรงแรม

“เพื่อนผมออกแบบให้ครับ เขาเคยได้รับรางวัลจัดสวนของ เชลซี ฟลาวเวอร์เมื่อหลายปีก่อน”

“เก่งจัง คนไทยหรือเปล่าคะ”

“คนไทยครับ”ชลธียิ้ม “พูดถึงก็มาพอดีเลย พี พี ทางนี้”ชายหนุ่มตะโกนเรียกเพื่อนซึ่งเดินเข้ามาดูห้องจัดเลี้ยง

              พรีมหน้าเจื่อน ไม่คิดว่าโลกจะกลมแบบนี้ คงมีแต่เธอคนเดียวที่ไม่รู้ว่ารพีพัฒน์ดูแลดอกไม้ในงานแต่งงาน ชลธีรู้สึกโล่งอกที่ไม่ต้องคอยเลี่ยงตอบคำถามของเพื่อน

“ผมดีใจที่ไม่ต้องเก็บความลับอีกแล้ว คุยกันตามสบายนะครับ ผมจะให้พนักงานยกของว่างมาให้”ชลธีปล่อยให้ญาติอยู่กันตามลำพัง

“คุณพีจัดดอกไม้สวยเหลือเกินค่ะ”พรีมชมจากใจจริง ดวงตาหญิงสาวเป็นประกายแบบที่ชายหนุ่มไม่เคยเห็นมาก่อน

               รพีพัฒน์เดินชนไหล่หญิงสาวออกไปที่สวน พรีมมองตามพลางนึกสงสัยว่าเธอพูดอะไรผิดไปหรือ หญิงสาวไม่กล้าเดินตามชายหนุ่มออกไปจึงยืนมองอยู่ด้านใน

“ดูมีความสุขจัง”พรีมรำพึงอย่างอิจฉา นี่คงเป็นงานที่เขารัก

             รพีพัฒน์ทำงานอย่างเกร็งๆ ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ ชายหนุ่มเดินไปหาคนที่มองอยู่ด้านใน

“เกะกะจริง ผมจะทำงาน”รพีพัฒน์พูดเสียงดังจนพรีมสะดุ้ง

“พรีมแค่ยืนมองเฉยๆ ไม่ได้ไปกวนคุณสักหน่อย”พรีมเถียงเสียงดังไม่แพ้กัน

“สายตาคุณน่ะแหละเกะกะ ไม่มีงานมีการทำหรือไง”

“ฉันไม่ดูก็ได้”พรีมพูดเสียงสั่นด้วยความโกรธ พร้อมกับหมุนร่างสูงระหงเดินหนีน้องของคู่หมั้น

               รพีพัฒน์สบถเมื่อร่างของพรีมลับตา ชายหนุ่มยืนสงบสติอารมณ์อีกสักพักจึงทำงานต่อ


                  ชายหาดหัวหินช่วงโลว์ซีซั่น แถมยังเป็นวันธรรมดาเงียบสงบ แต่ไม่ได้น่ากลัว พรีมเดินเล่นริมหาดเพียงลำพัง ภูวดลพักอยู่ในห้อง เธอหลบออกมาเพื่อให้เขาได้มีเวลาส่วนตัว รพีพัฒน์จะขับรถตามมาทีหลัง เธอคิดว่าเขากำลังหลบหน้าเธออยู่ ส่วนตัวเธอก็อึดอัดทุกครั้งที่พบหน้าเขา     ภูวดลเป็นเจ้าของห้องชุดทั้งชั้นในโครงการคอนโดมิเนียมสไตล์เฟรนช์ ริเวียร่า ริมชายหาดหัวหิน พรีมไม่ชอบสิ่งก่อสร้างที่เลียนแบบสถาปัตยกรรมของประเทศอื่น มันให้ความรู้สึกแปลกแยกไม่เข้าที่เข้าทาง แถมดูตลกอีกต่างหาก หญิงสาวกดลิฟท์ส่วนตัวเพื่อไปยังห้องพัก ประตูลิฟท์เปิด พรีมเกือบร้องออกมาด้วยความตกใจ ดีที่เสียงไม่หลุดออกมา สตรีอ่อนวัยกว่ายืนรอลิฟท์ด้วยใบหน้าบวมช้ำ เนื้อตัวมีร่องรอยถูกทำร้ายอย่างหนัก เด็กสาวก็ตกใจที่เห็นเธอ

“ฉันจะทำแผลให้ค่ะ”พรีมแตะที่แขนของเด็กสาว

“ฉันจะกลับ”พูดจบก็เบี่ยงตัวเดินเข้าลิฟท์ แต่พรีมไม่ยอมแพ้

“พี่จะเดินไปส่ง ขับรถมาหรือเปล่าคะ”พรีมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“ไม่ต้องมานับญาติกับฉันหรอก”เด็กสาวพูดเสียงสะบัด พร้อมกับปรายตามองพรีมอย่างไม่พอใจ

“ออกไปแบบนี้ใครเห็นต้องตกใจ ทายาทำแผลสักหน่อยก็ดีนะ”พรีมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน สงสารเด็กสาวจับใจ

“กลัวฉันเรียกตำรวจมาจับ เขา เหรอ”เด็กสาวมองไปทางห้องพักที่เธอเพิ่งออกมา “ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันเต็มใจทำ เพื่อเงิน”ประโยคสุดท้ายเจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

                      พรีมได้ฟังก็รู้สึกว่ามีก้อนแข็งมาจุกที่คอ เด็กสาวฉวยโอกาสตอนที่พรีมตกอยู่ในภวังค์กดลิฟท์ลงไปที่ลานจอดรถ หญิงสาวรู้สึกตัว เธอไม่พร้อมจะพบคู่หมั้นตอนนี้จึงหลบเข้าห้องพัก

                                                                                  ***************************
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่