แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดซีสต์ที่รังไข่ (Dermoid Cyst)

สวัสดีค่ะทุกคน 
 
           แนะนำตัวก่อนนะ เราเป็นหญิงไทยคู่ (แต่งงานแล้ว) อายุ 29 ปี จะมารีวิวการผ่าตัดซีสต์ที่รังไข่ ตอนได้รับการวินิจฉัยว่าต้องผ่าตัดเรากลัวมาก
หาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ และจากการแชร์ประสบการณ์ของคนอื่น ซึ่งเราคิดว่ามันมีประโยชน์มาก ทำให้เราคลายความวิตกกังวลไปได้เยอะเลย
เราเลยอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ทุกคน เราจะแบ่งเป็น 3 ตอน คือ ก่อนผ่าตัด ระหว่างผ่าตัด และการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด 
ปล. แอคเคาท์นี้เรายืมมานะ
 
 
            มาเริ่มกันเลย…………………….. Let’s go


 ก่อนผ่าตัด
            อาการ และการวินิจฉัย 
            เราจำได้แม่นเลย พอดี๊ พอดี โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งมีโปรโมชั่นตรวจสุขภาพคัดกรองเนื้องอกมดลูก และถุงน้ำรังไข่ (pelvic ultrasound) 
ราคาไม่เกิน 1,000 บาท อ่ะ ถือว่าราคาดี จัดไปค่ะ
เราตรวจแบบอัลตร้าซาวน์ผ่านทางช่องคลอด คือ หมอจะสอดหัวอัลตร้าซาวน์เข้าไปในช่องคลอด แล้วก็ดูมดลูกและรังไข่
ถ้าในผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานอาจตรวจผ่านทางหน้าท้อง ก็จะซาวน์คล้าย ๆ ตรวจดูเด็กในท้องแต่ภาพที่ได้จะไม่ชัดเท่าตรวจผ่านช่องคลอดนะคะ
 
แล้วก็เจอเลยจ้า เจอเจ้าซีสต์ที่รังไข่ซ้ายขนาดเกือบ 5 เซนติเมตร หมอสงสัยว่าเป็น เดอร์มอยด์ซีสต์ (dermoid cyst) พอรู้ว่าเป็นซีสต์ก็ช็อกเลย
มันไม่มีอาการอะไร เราแค่จะไปตรวจสุขภาพ ดันเจอเลยจ้า 

            Dermoid Cyst คืออะไร
            มันก็คือ เซลล์ผิวหนังที่ไปโตผิดที่ ภายในซีสต์ก็อาจเจอเป็น เส้นผม ฟัน ไขมัน ได้ คนสมัยก่อนก็อาจว่าโดนของอ่ะนะ แต่จริง ๆ ไม่ใช่
            
            การรักษา
            ส่วนมากแล้วหมอจะให้ผ่าตัดออก เพราะว่าซีสต์ชนิดนี้จะไม่ยุบไปเอง มีแต่โตขึ้น ของเราโต 5 เซนแล้วมีโอกาสที่จะบิดขั้วหรือแตกได้ 
ถ้าบิดขั้วจะมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และต้องผ่าตัดด่วนเท่านั้น ซึ่งอันตราย อีกอย่างซีสต์ชนิดนี้ก็มีโอกาสที่จะเป็นก้อนมะเร็งแต่พบได้น้อยนะ 
            
 
            เรานำผลอัลตร้าซาวน์ไปปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลศิริราช เนื่องจากเราเป็นผู้ป่วยที่นี่อยู่แล้ว พอคุณหมอเห็นผลตรวจปุ๊บก็บอกว่า 
 
สวยมาก ๆ    (อุ๊ย หมอชม) 
ถ่ายซีสต์ออกมาได้สวยมาก    (อ่าว หมอไม่ได้ชมหนูเหรอคะ ยิ้มเก้อ) 
dermoid cyst แน่นอน ข้างในมีเส้นผมอยู่ นัดผ่าตัดได้เลย 
 
              คุณหมอวางแผนว่าจะผ่าตัดแบบส่องกล่อง โดยหมอจะเลาะเฉพาะซีสต์ออก แล้วเอาไปตรวจว่าเป็นมะเร็งหรือเปล่า แต่พอดี๊ พอดี โควิดระบาด ห้องผ่าตัดปิด จะไม่ทำการผ่าตัดกรณีไม่เร่งด่วน ทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้คิวเมื่อไหร่ ให้ลงชื่อจองไว้ (เซ็งเลย)  เราก็ลงชื่อจองไว้ ทางโรงพยาบาลได้ให้บัตรนัด และวิธีปฏิบัติตัวก่อนเจาะเลือดมา จากนั้นก็รอค่ะ รอทางโรงพยาบาลติดต่อมา รอยาว ๆ ไป 
 
            ระหว่างนี้ก็ห้ามออกกำลังกายหักโหม มีครั้งหนึ่งเราออกกำลังกายกล้ามเนื้อหน้าท้อง ทำให้เจ็บเสียว ๆ ที่ท้องด้านซ้าย หมอก็ให้หยุดออกกำลังกายทันที เพราะมีโอกาสบิดขั้วสูง 
            
             เมื่อทางโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าได้วันผ่าตัดแล้ว ก็จะนัดไปเจาะเลือด และ x-ray ปอดก่อนวันผ่าตัดประมาณ 1 เดือน เพื่อดูความพร้อมของร่างกาย ระหว่างรอไปเจาะเลือด เราก็ดูแลรักษาสุขภาพของตัวเอง กินอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผักผลไม้เยอะ ๆ ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น เดิน เราคิดว่าถ้าร่างกายแข็งแรงก็จะฟื้นตัวได้ไว 
            
            เจาะเลือดก่อนผ่าตัด
            คืนก่อนวันนัดเจาะเลือด ให้งดอาหารหลังเที่ยงคืน ดื่มได้แต่น้ำเปล่า พักผ่อนให้เพียงพอ 
            เวลานัดคือ 07.30 น. ที่ตึกผู้ป่วยนอก ชั้น 3 เรากลัวไม่มีที่จอดรถเลยไปถึงตั้งแต่ตี 5 เหมือนไปรอโรงพยาบาลเปิดอ่ะ เงียบมากเลย แต่เริ่มมีผู้ป่วยมารอรับการรักษาบ้างแล้ว เราก็รอจนถึง 08.00 น. เขาจะเรียกให้ผู้ที่มาเจาะเลือดเพื่อผ่าตัดรับคิวก่อน และไปเจาะเลือด จากนั้นไป X-ray
            เสร็จประมาณ 10.00 น. ก็ไปกินข้าวเช้า (หิวมากกกก) จากนั้นกลับไปนั่งรอที่แผนกสูตินารีเวช ตึกผู้ป่วยนอกชั้น 3 เหมือนเดิม รอผลเลือดประมาณ
2 ชั่วโมง เมื่อผลเลือดออก พยาบาลเรียกชื่อ ก็เข้าไปพบหมอ หมอจะอธิบายผลเลือด ผล x-ray การผ่าตัดที่จะทำ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าตัด
จากนั้นไปจองห้อง รับใบจองห้อง พยาบาลอธิบายของที่ต้องเตรียมมานอนโรงพยาบาล 
           เราจองห้องเดี่ยวไป ซึ่งพยาบาลได้แจ้งแต่แรกแล้วว่าอาจจะไม่ได้ห้องที่จองนะ แต่เพื่อให้ได้รับการรักษาก็อาจได้เป็นห้องคู่ ห้องนอน 4 คน หรือ ห้องรวม ยังไงวันก่อนมานอนโรงพยาบาลจะโทรแจ้งว่าได้พักห้องไหน
            
            ข้อปฏิบัติตัวก่อนรับการผ่าตัด 
            1. ให้กินอาหารอ่อน ย่อยง่ายก่อนวันผ่าตัด 2 วัน เช่น โจ๊ก และข้าวต้ม กินหมูในข้าวต้มได้ตามปกติ งดผักผลไม้และอาหารที่มีเส้นใยเด็ดขาด 
            2. ตัดเล็บให้สั้น ล้างเล็บออก ใครทำเล็บเจลต้องไปเอาออกก่อนนะ
            3. สระผมให้สะอาดก่อนมาโรงพยาบาล 
            4. ทำใจให้สบาย ผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวล (เรานี่ทำบุญ สวนมนต์รัว ๆ) 
อ่อ ทางโรงพยาบาลมีคลิปวีดีโออธิบายการเตรียมความพร้อมก่อนการผ่าตัดให้ดูด้วย ในวีดีโอจะอธิบาย ท่าบริหาร ท่าลงจากเตียง ท่าไอ ท่าเดินหลังผ่าตัด ให้ฝึกซ้อมและทำให้ถูก (มีพยาบาลมาทดสอบ ก่อนผ่าตัดด้วยนะ) ก่อนเข้าโรงพยาบาลเราก็ดูวนไป กลัวทำผิด
และที่สำคัญ โควิดระบาด เราเลยต้องตรวจโควิดก่อนผ่าตัดด้วย


ระหว่างผ่าตัด 

            1 วันก่อนมานอนโรงพยาบาล
            ทางโรงพยาบาลจะโทรมาแจ้งว่าได้ห้องเดียว บอกชื่อตึก และวอร์ด (ีใจ)
 
            1 วันก่อนผ่าตัด
            วันนี้เป็นวันแรกที่ต้องมานอนโรงพยาบาล และตรวจโควิด นัดตรวจ 07.30 แน่นอนเราก็มาตั้งแต่ตี 5 เหมือนเดิม การตรวจโควิดไม่ได้เจ็บอย่างที่คิด หมอจะแหย่สำลีเล็ก ๆ เข้าไปในโพรงจมูก ความรู้สึกคือแสบ เหมือนเราสำลักอาหารออกทางจมูก แบบนั้นเลย แล้วก็มีแหย่สำลีเข้าในลำคอ ก็จะคลื่นไส้ 
            ตรวจเสร็จให้ไปรอผลโควิดที่หอผู้ป่วย ประมาณซัก 15.00-16.00 ผลออกมาว่าไม่ติด พยาบาลก็จะเข้ามาโกนขนน้อง (น้องไว้รองทรงซะล่ะ) 
ให้เราเปลี่ยนเป็นชุดผู้ป่วย ไม่ต้องใส่เสื้อในกางเกงในนะตอนอยู่โรงพยาบาล เข้าไปฟังการปฏิบัติตัว ให้ความรู้ในการผ่าตัด การดูแลตัวเองต่าง ๆ 
            ประมาณ 20.00 ทำการสวนทวาร เพื่อป้องกันการอุจาระในระหว่างผ่าตัด 
            งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน ถ้าเรามีน้ำและอาหารในกระเพาะ อาจทำให้สำลักระหว่างผ่าตัด ซึ่งจะเป็นอันตรายได้
            ทำใจให้สบาย แล้วไปนอน 
            พยาบาลจะปลุกประมาณ 05.30 ให้อาบน้ำ และมาเปิดเส้นน้ำเกลือ ถอดเครื่องประดับ คอนแท็กเลนส์ ฟันปลอมออกให้หมด ทำใจให้สบาย นอนรอไปห้องผ่าตัด 
 
            การผ่าตัดส่องกล้องทำอย่างไรบ้าง
            เอาเท่าที่เราเข้าใจนะ ระยะเวลาในการผ่าตัดจะอยู่ที่ 1-2 ชั่วโมง โดยเราจะโดนสลบก่อน จากนั้นจะมีการใส่ท่อช่วยหายใจ และใส่สายสวนปัสสาวะ หมอจะเจาะรูที่ท้องเรา 3-4 จุด จากนั้นใส่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้มีพื้นที่พอที่จะผ่าตัด 
            หมอก็จะผ่าตัดเอาซีสต์ของเราออกไป จัดการแผลให้เรียบร้อย เอาสายสวนปัสสาวะออก และเราจะถูกปลุกและนำท่อช่วยหายใจออก สังเกตอาการที่ห้องพักฟื้นประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วกลับไปพักที่ห้องผู้ป่วยต่อได้ 
 
            ข้อดีของการผ่าแบบส่องกล้อง 
         1. เจ็บน้อยกว่า และแผลเล็กกว่าผ่าแบบเปิดช่องท่อง
         2. จำนวนวันในการนอนโรงพยาบาลน้อยกว่า ปกติจะกลับบ้านได้ใน 1-2 วันหลังผ่าตัด
         3. ฟื้นตัวไว สามารถลุกนั่ง เดิน ได้ภายใน 12 ชั่วโมงหลังผ่าตัด
         4. โอกาสเกิดพังผืดในช่องท้องหลังผ่าตัดน้อยกว่า
 
         การผ่าตัดส่องกล้องมันก็มีความเสี่ยงเหมือนกันนะ
         1. อาจจะเกิดการบาดเจ็บที่อวัยวะข้างเคียง เช่น ลำไส้ ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น
         2. อาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ปวดไหล่ จุกแน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน มักหายได้เองใน 1-2 วัน 
 
          ประสบการณ์การผ่าตัดจริง
          พยาบาลเข็นเตียงลงไปที่ห้องผ่าตัด เราทำใจมาก่อนแล้วก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ ญาติสามารถลงไปส่งได้แค่หน้าห้องผ่าตัดเท่านั้น 
เราจะรอที่ห้องเตรียมผ่าตัดก่อน พยาบาลจะซักประวัติอีกครั้ง เพื่อยืนยันก่อนผ่าตัด โดยถามชื่อผู้ป่วย โรคที่เป็น การผ่าตัดที่จะทำ การแพ้ยาแพ้อาหาร 
ใส่คอนแทกเลนส์มาหรือเปล่า ใส่ฟันปลอมมาหรือเปล่า และให้ยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือ
 
ทีมวิสัญญีแพทย์เข้ามาดูช่องปากอีกครั้ง (น่าจะเพื่อประเมินการใส่ท่อช่วยหายใจ) และอธิบายว่า 
เมื่อผ่าตัดเสร็จ จะปลุกให้ตื่น ยังมีท่อช่วยหายใจอยู่นะ จะรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก ไม่ต้องตกใจ หมอจะบอกให้ลืมตา กระพริบตา กำมือ แบมือ ให้ทำตาม 
ถ้าทำได้จะถอดท่อให้ เราก็โอเคจำได้หมด ท่องเลยว่าถ้าได้ยินเสียงต้องไม่ดิ้นนะ ให้ทำตามที่เขาบอก 
 
            พอถึงเวลาเราก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด อ่า ความตื่นเต้นมาแล้ว ห้องผ่าตัดหนาวมาก เราเริ่มสั่น คนเต็มไปหมด พอขึ้นเตียงผ่าปุ๊บ เขาเอาคล้าย ๆ ถุงเท้ามาใส่ให้ ติดเครื่องวัดต่าง ๆ เต็มไปหมด วิสัญญีแพทย์ก็บอกว่าจะเริ่มให้ยาแล้วนะคะ ง่วงก็หลับได้เลย แล้วก็เอาท่อก๊าซบางอย่างมาครอบที่ปากกับจมูกเรา มียาเดินมาที่สายน้ำเกลือรู้สึกเจ็บ แล้วก็….. ภาพตัด ตัดไปเลย ไม่ง่วง ไม่รู้สึกอะไร 
 
            รู้สึกตัวอีกทีตอนมีคนเรียก เราก็ลืมตา ไม่รู้สึกง่วงอะไรเลย ทีมแพทย์ก็ถามว่าตื่นแล้วเหรอ รู้สึกยังไงบ้าง เราก็บอกเจ็บคอมาก (อ่าว เสียงหาย ไม่มีเสียงอ่ะ) เจ็บที่แผลหน่วง ๆ แบบเป็นประจำเดือนด้วย เขาก็บอกว่าง่วงไหม เราไม่ง่วงแล้ว ก็ดูอาการในห้องพักฟื้นอีก 1 ชั่วโมง อาการคงที่แล้ว ก็ไปพักต่อที่ห้องผู้ป่วยได้  ที่เราเจ็บคอเพราะว่าพอเขาปลุก เราดิ้นแรงมาก


            ต่อที่คอมเม้นนะคะ ตัวอักษรเกินแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่