แชร์ประสบการณ์ ผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต "ซีสต์ในรังไข่บิดขั้ว"

กระทู้นี้เป็นการเขียนครั้งแรก ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

อาจจะยาวหน่อยนะคะ

สวัสดีค่ะ เราชื่อ จอย อายุ 25 ปี อยากมาแชร์ประสบการณ์การผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต
เรื่องมันเกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2560 เวลา 11.00 น.(จำไม่มีวันลืม) วันนั้นเราเป็นประจำเดือนวันแรก เป็นช่วงประมาณ 9โมง ก็มีอาการปวดท้อง ประจำเดือนปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือปวดมาก ปวดจนหน้าซีด ปากซีด ตัวงอ หายใจเร็ว เหงื่อออกเยอะมาก นั่งร้องไห้ว่าทำไมรอบนี้ปวดท้องหนักขนาดนี้ แล้ววันนั้นไม่มีใครอยู่บ้าน คิดว่าได้นอนพักคงดีขึ้นเหมือนทุกครั้ง แต่พอเข้าไปนอน นอนไม่ได้เลยเพราะทรมานมาก ก็โทรหาเพื่อนให้ซื้อยามาให้ (ทุกทีไม่เคยกินยาเพราะทนได้) กินไปรอสัก 10 นาที ไม่ดีขึ้นเลย เพื่อนก็ให้ไปหาหมอ เพราะปวดหนักมาก

//ขอย้อนกลับไป 1 ปี เรามีอาการปวดท้องข้างขวาล่าง ก็ไปหาหมอคลีนิคคิดว่าเป็นไส่ติ่งแน่ๆ หมอลองกดท้องก็มีความน่าจะเป็นได้ เพราะจุดทีเราปวดคือจุดของไส้ติ่ง วันนั้นหมอฉีดยา และจ่ายยาให้กลับมาดูอาการก่อน อาจจะไม่ได้ร้ายแรง ทิ้งระยะประมาณ 2 เดือนเราก็มีอาการเดิม ปวดที่จุดเดิมอีก พอกินยาแก้ก็ปวดหาย และเป็นแบบนี้วนอยู่ 1 ปี จนมาถึงตอนผ่าตัด//

กลับมาที่ วันที่ 6/08/2560 เวลา 13.00 น. ถึงโรงพยาบาล เข้าห้องฉุกเฉินเพราะเป็นวันอาทิตย์ มีแต่หมอเข้าเวร หมอเฉพาะทางต้องรอมีคิวผ่าตัดอยู่ หมอมาดูอาการ ก็ลองซาวด์ท้องเหมือนที่ซาวด์ดูเด็ก เจอเม็ดกลมๆอยู่ที่ท้อง สอบถามประวัติก็คิดว่าเรา อาจจะท้องนอกมดลูก ตอนนั้นงงมาก เพราะไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เลย ในใจคิดว่าไส้ติ่งแน่นอน ก็กลัวว่าไส้ติ่งจะแตกเพราะปวดมาก ไม่มีเวลาพัก หรือเบาเลย ปวดหนักตลอดเวลา ช่วงที่รอหมอเฉพาะทางมาตรวจเป็นอะไรที่ทรมาณมาก เรานอนดิ้น พลิกไปมา ร้องโอดโอย เสียงดังมาก ญาติก็จับมืออยู่ข้างๆ ปลอบตลอด แต่ไม่ไหวจริงๆ พยาบาลและหมอเดินมาดูอยู่เรื่อยๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ ถ้าฉีดยาแก้ปวดก็กลัวว่าถ้าหมอมา อาการจะไม่เหมือนเดิม นอนมองนาฬิกาอยู่เรื่อยๆ ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้หมอมาเร็วๆ ไม่ไหวจนญาติบอกให้มาฉีดยาแก้ปวดเพราะกลัวว่าจะปวดจนช็อค อาการหนักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แต่เราบอกไม่ฉีดจะทนจนสุด

ผ่านไป 2 ชั่วโมง กับการปวดท้องตลอดเวลา เสี่ยงอาการช็อคมาก รู้ตัวเลยว่าจะไม่ไหว  


จนเวลา 15.00 น. เทพก็ประทานหมอเฉพาะทางที่พึ่งเสร็จจากการผ่าตัด เนื่องจากมีการโทรตาม และแจ้งอาการเราเป็นระยะ เริ่มการตรวจจากการซาวด์ดู พบก้อนในท้อง และหมอก็ถามประวัติย้ำๆ เรื่องการป้องกัน การมีเพศสัมพันธ์ต่างๆ  เพราะเหมือนการท้องนอกมดลูกมาก และเริ่มการตรวจหาสิ่งที่ทำให้เกิดอาการ  โดยเริ่มจากตรวจภายใน ช็อตนี้เป็นอะไรที่ พีคมากกกกกกกกกก เพราะเราไม่เคยตรวจภายในเลย แล้วก็เป็นเมนอยู่ด้วย เริ่มจากนอนตั้งขา แล้วหมอนำนิ้วล้วงแล้วกวาดไปรอบๆ ฟังไม่ผิดค่ะ นำนิ้วเข้าไปในจิ๋มเรา และมืออีกข้างกดท้องไล่ไปทั่วเลย จังหวะนั้นร้องเสียงดังมาก เพราะเจ็บท้องมาก มือหมอต้องกดเพื่อหาก้อน เราก็อดทน น้ำตาไหลออกมาเลย ดิ้นพล่านเลย ใช้เวลาหาอาการประมาณครึ่งชั่วโมง  หมอถามว่าไม่รู้ตัวเลยหรอว่ามีก้อนอยู่ในท้อง ชั่วโมงนั้นแบบส่ายหน้าอย่างเดียว แล้วหมอบอกว่าเจอก้อนขนาดประมาณ 5 - 6 เซนติเมตร ต้องผ่าตัดเอาออก ตอนนั้นคิดแค่ว่าทำอะไรกับเราก็ได้ขอให้หายสักที ปวดท้องไม่ไหวแล้ววววววว สรุปคือต้องผ่าตัดด่วน

ตกลงเรียบร้อยพยาบาลก็เอาเอกสารมาให้เราเซ็นเรื่องการผ่าตัด พยาบาลมาฉีดแก้ปวดชนิดรุนแรงเพื่อบรรเทาอาการ และเริ่มเตรียมตัวเรา ให้พร้อมในการเข้าผ่าตัดด่วน เปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่สายปัสสาวะ (จุดนี้คือเสียว) บวชชี ขนน้อง(จุดนี้คือเขิล) แล้วยาแก้ปวดที่ฉีดเข้าไม่ได้ช่วยบรรเทาอะไรเลยคงเป็นเพราะอยู่ในจุดที่สุดแล้ว เตรียมตัวพร้อมแล้ว(ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากทุกคนมืออาชีพ)​ เจ้าหน้าที่เข็นเราไปห้องผ่าตัด ตอนเข็นเข้าไปตื่นเต้นไม่เคยรู้ว่าข้างในเป็นยังไง แล้วก็ย้ายตัวขึ้นเตียงผ่าตัด เป็นเตียงแคบๆ พอดีตัว ล็อคแขน และขา ห้องนั้นเย็นมากบอกพยาบาลว่าหนาวมาก หนาวจนเราตัวสั่นปากสั่น จนพยาบาลต้องหาผ้าห่มมาให้แล้วก็ถามว่าเป็นอะไร เราก็ตอบไป จังหวะนั้นได้ยินเขาคุยกันเรื่องการผ่าว่าจะผ่าแผลแนวตั้ง แล้วก็ว๊าบบบบบ ไปเลยค่ะ เขาดมยาสลบเราตอนไหนไม่รู้ตัวเลย

เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ประมาณ 17.00 น. ลืมตามาเห็นภาพลางๆ กำลังเข็นเราออกจากห้อง เจอหน้าญาติแล้วเราก็เรียกชื่อเขาแบบเบามาก แล้วก็หลับยาวถึง  20.00 น. ตื่นลืมตามาอยู่ห้องพักแล้ว ตอนนี้เราอยู่ห้องรวม รู้สึกปวดแผลตึงๆ มองซ้ายขวา ก็ยังมึนๆอยู่  หมอเดินมาสรุปว่าทำอะไรกับเราไปบ้าง

สรุปแล้วคือเราเป็นซีสต์ในรังไข่ ทั้ง 2 ข้าง ข้างซ้ายขนาด  11 เซนติเมตร ข้างขาวหนักสุด 12 เซนติเมตร และซีสต์ข้างขวาได้ไปบิดขั้วรังไข่จนเนาเป็นสีดำ ตอนนั้นคิดว่ามันอยู่ไปได้ยังไง 12 เซน หมอเลยต้องตัดรังไข่ข้างขวาออก ส่วนข้างซ้ายเอาออกทัน ยังมีบุตรได้ เย็บแผลแบบแม็คเย็บ  7 เข็ม แผลแนวตั้ง หลังจากนั้นพยาบาลเดินมาฉีดยาให้แล้วก็หลับยาวถึงตี 4 ตื่นมาสำรวจตัวเอง ก็ปวดแผลอยู่ แต่ทนได้ หลับต่อถึงเช้า ช่วงสายๆ หมอเข้ามาดูอาการ แล้วให้เราอยู่โรงพยาบาลพักฟื้น 3 วัน วันแรกหลังจากผ่าหมอก็จะให้เริ่มเดินไปเข้าห้องน้ำเอง ช่วงบ่ายเลยมีพยาบาลมาถอดสายปัสสาวะออก  ตอนเริ่มพลิกตัวเพื่อนั่ง เพราะต้องลงเดินไปเข้าห้องน้ำ ก็เริ่มเจ็บแผล เพราะเรานอนมาสักพักใหญ่ ก็พยายามอยู่นานกว่าจะได้เข้าห้องน้ำ เดินช้ามากก้าวเท้าน้อยมาก มือก็จับแผลอยู่ตลอด ต้องมีคนช่วยประคอง ตัวก็งอเพราะกลัวเจ็บแผล ไม่อยากดื่มน้ำเลยเพราะไม่อยากเดินไปเข้าห้องน้ำ วันที่ 3 กลับมาบ้าน หมอจ่ายยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ คำสั่งหมอคือต้องล้างแผลทุกวัน ห้ามล้างเองเด็ดขาด ต้องไปอนามัย หรือโรงพยาบาลเท่านั้น ทุกเช้าต้องไปล้างแผลจนเจ้าหน้าที่จำได้

ตอนตื่นมาสำรวจตัวเอง

อาหารมื้อแรก


7 วันหมอนัดตัดไหม วันที่ 12 ความพีคคคคคคคคคคค อีกครั้ง ด้วยความที่เย็บแบบแม็ค ตอนตัดก็จะอารมณ์แบบตัดลูกแม็คที่ละอัน ทีละอัน ใครนึกภาพไม่ออกค้นหาในอากู๋เลยค่ะ คือขาแม็คฝังเข้าลงไปในเนื้อเรา พยาบาลจะเริ่มจากตัดแม็กตรงกลางแล้วยกขาแม็คที่ละข้าง ทำแบบนี้ทีละเข็ม ทั้งหมด 7 เข็มจ้าาาาาาาา โอโห้น้ำตาลซึมเลย  แต่ก็ยังต้องล้างแผลทุกวันจนกว่าแผลจะตกสะเก็ด เราไม่ได้สระผม 8 วัน ไม่ได้อาบน้ำ 21 วัน เช็ดตัวอย่างเดียว วันที่ได้อาบน้ำคือรู้สึกสดชื่นมากกกกกกกกกกกกก ช่วงที่รักษาตัวคือห้ามกินของหมักดอง ห้ามยกของหนักเลย แต่พอหายแล้วก็ยกได้แต่อย่าหนักมาก เต็มที่ 2 กิโล พออยู่ต้วก็เพิ่มน้ำหนักได้ หลังจากผ่าเอาซีสต์ออก พอเป็นประจำเดือนก็มีปวดท้องประจำเดือนปกติ แล้วก็รู้สึกว่า ประจำเดือนออกมามีสีที่โอเค ไม่ค่อยเป็นก้อน หรือเป็นลิ่ม

3 เดือนผ่านไป หลังจากผ่าตัดก็มีอาการปวดท้องช่วงบน เลยรีบไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นเอฟเฟคหลังผ่าตัดให้เริ่มออกกำลังกายเบาๆ ได้แล้วเพราะกล้ามเนื้อจะได้เริ่มทำงานตามปกติ

ผ่านมาอีก 7 เดือนหลังจากผ่าไป ยังค่ะคุณเรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น เรามีอาการปวดท้องแบบเดิมที่ด้านซ้ายล่าง ปวดแบบเดิมแต่ไม่มากเท่าเดิม ด้วยความที่ว่ากลัวจะต้องเสียรังไข่อีกข้างไป ก็จะมีบุตรไม่ได้ เลยรีบไปหาหมอ เมื่อวันที่ 21/03/2018 ก็บอกอาการหมอไปเพราะกลัวว่าจะเป็นซีสต์ที่รังไข่ข้างซ้าย ข้างที่เหลืออยู่ ไปถึงหมอตรวจด้วยการตรวจภายในเช่นเคย คือขึ้นขาหยั่ง และปากเป็ดอันเลื่องลือ ที่เขาว่าน่ากลัวนักน่ากลัวหนา แต่ใจสู้ หมอจะเช็ดจิ๋มเราบอกจะเย็นๆนะคะ ทำอะไรหมอจะบอกตลอด จากนั้นหมอก็สอดปากเป็ดเข้าไปในช่องคลอดเราและให้เราเบ่งเพื่อช่วยให้สอดเข้าได้ง่าย พอเข้าไปแล้วหมอก็จะขันให้อ้าออกไม่เยอะค่ะ เพื่อดูช่องคลอดเราแล้วนำปากเป็ดออก พอตรวจแล้วก็เหมือนเดิมค่ะ ใช้นิ้วล้วงตรวจหาก้อนเนื้อ ถามว่าเจ็บไหมจุดไหนบ้าง ไล่ไปแต่ละจุด อีกมือก็กดท้องหาก้อนเนื้อสรุปไม่เจอ แต่หมออยากซาวด์ให้แน่ใจดีกว่า ก็นั่งรอคิวพอถึงก็นอนบนเตียงแคบๆ มีเครื่องอยู่ข้างๆ เครื่องเดียวกับที่ซาวด์ดูเด็กแต่อุปกรณ์ในการซาวด์จะเป็นแท่งยาวที่ทาเจลไว้ ขนาดไม่ใหญ่มาก เราตั้งขาแล้วมีอุปกรณ์เสริมที่ก้นเพื่อให้ก้นยกขึ้น จากนั้นหมอก็สอดแท่งซาวด์เข้าไป อย่างแรกคือเช็คมดลูกเราก่อน ปกติดี แล้วก็เอียงแท่งไปทางขวาคือรังไข่ข้างที่พึ่งตัดไปไม่มีอะไรก็ปกติ พอเอียงไปทางซ้ายหมอก็ดูอยู่สักพักเหมือนพยายามดูหรือหาอะไรสักอย่าง คือหมอบอกว่าเจอถุงน้ำขนาดเซนกว่า อยู่ที่รังไข่ด้านซ้าย เราก็เริ่มใจไม่ดีเท่าไหร่ กลัวว่าจะเป็นแบบเดิมแล้วต้องตัดรังไข่ทิ้งอีก ลุกจากเตียงหมอก็อธิบายเกี่ยวกับถุงน้ำที่เจอ คือเป็นซีสต์ที่ยังมีขนาดที่ไม่อันตราย แต่ถ้ามีอาการปวดอีกให้รีบหาหมอเลย ตรวจเสร็จก็มานั่งฟังพยาบาลสรุปอีกที ว่าต้องงดอาหารการกินที่ไปเร่งให้เกิดฮอร์โมนเพศหญิง เช่น ไก่ น้ำมะพร้าว น้ำเต้าหู้ ยาสตรีต่างๆ หมอไม่ได้จ่ายยาแต่ต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้น และเลือกกินอาหาร ทุกอย่างที่เขาห้ามคือเราชอบกินทุกอย่าง แต่ก็ต้องตัดใจเพื่อนสุขภาพของเรา

ที่อยากมาเล่าคือ อยากให้ทุกคนที่มีอาการปวดท้องไม่ว่าจะปวดแบบไหนก็ตามขอให้ไปหาหมอ ตรวจสุขภาพให้ละเอียดยิ่งดี และอยากจะบอกทุกคนว่าการตรวจภายในไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ไม่น่ากลัวเลย อาจจะมีเขิลบ้าง แต่หมอเขาเจอคนไข้มาเยอะก็จะสบายๆ  อยากให้ทุกคนได้ไปตรวจเพราะตอนนี้มะเร็งปากมดลูก น่ากลัวกว่าการตรวจภายในเยอะค่ะ

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่