จะแต่งงานแต่ไม่รู้สภาพการเงินของทางบ้าน ผิดด้วยเหรอ

คุยกันเรื่องแต่งงานแฟนถามว่าต้องส่งให้ที่บ้านเดือนเท่าไหร่
เพราะที่บ้านเราเพิ่งซื้อบ้านใหม่เมื่อสิบปีก่อน พ่อกับแม่จะเกษียณปีหน้า
น้องก็จะเข้ามหาลัยพอดี และเพิ่งซื้อรถใหม่ปีนี้ใช้ชื่อเรากู้
เราก็บอกช่วยเท่าที่ช่วยได้ยังไงก็ครอบครับเรา แม่จะให้เราเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย
แต่แฟนก็จะเอาตัวเลขแน่นอน
เลยไปถามแม่มา แม่บ้านบอกผ่อนเดือนละหมื่นห้าอีกยี่สิบปี
แต่เดี๋ยวแม่จัดการเองไม่รบกวน จะเปิดร้านขายของ ไม่ก็ร้านน้ำรึร้านอาหารหน้าบ้าน
แฟนยังอยากรู้อีกเงินเก็บของที่บ้านเรามีเท่าไหร่ (มันน่าจะเป็นเรื่องในครอบครัวเรานะ)
เราไม่รู้เลยบอกไม่ได้ ถามที่บ้านก็ไม่บอก
ส่วนแฟนคิดว่าบ้านเราไม่น่าจะมีเงินเก็บ
เพราะตอนซื้อรถแทบไม่ดาวเลย เราก็บอกที่บ้านตัดสินใจแบบนี้
แม่คิดมาดีแล้ว ท่านบอกไหว

แฟนกังวลว่าเราจะไม่มีเงินมาตั้งครอบครัว
ไม่เงินซื้อบ้าน เราก็ว่าเช่าอยู่ก็ได้รถก็ยังไม่จำเป็น เราพักติดที่ทำงาน
แฟนมีรถอยู่แล้ว งานแต่งเราก็ขอแค่งานกลางวันไม่ต้องมีงานเย็นประหยัดงบ
ค่างานก็ช่วยกันออก สินสอดที่ได้ก็จัเอามาตั้งตัวกันอยู่แล้ว
แต่แฟนก็อยากจะรู้เรื่องการส่งเสียน้อง การส่งทางบ้าน
จะแต่งกันต้องคิดแต่เรื่องเงินเหรอ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
สำหรับเราคิดว่าฝ่ายชายเป็นคนรอบดี
เพราะคุณคิดจะสร้างครอบครัวด้วยกันทั้งสองฝ่ายน่าจะมีอะไรที่มั่นคงไม่มากก็น้อย
มีเงินเดือนมีรายได้ที่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย

สำหรับคุณเราว่าคุณคิดน้อยไปคุณทำดีกับครอบครัวของคุณนั่นมันเป็นสิ่งที่ดี
คุณมีเงินเดือนใช้จ่ายเลี้ยงดูพ่อแม่ แถมซื้รถใหม่เป็นชื่นคุณที่ยื่นกู้นั่นหมายถึงคุณมีนี้ที่จะส่งค่างวดรถให้กับครอบครัวของคุณ
บ้านก็ต้องส่ง
ตอนที่คุณยังไม่มีแฟนมันลงตัวดีคุณใช้จ่ายเงินเดือนสำหรับครอบครัวสำหรับน้องของคุณ

ตอนนี้คุณจะมีแฟนถึงขั้นจะแต่งงานกัน
ฝ่ายชายก็อยากรู้และรอบครอบดีว่าเมื่อแต่งงานกันไปแล้วคุณจะมานั่งผ่อนบ้านผ่อนรถให้กับครอบครัวของคุณอีกก็ไม่น่าจะได้
ถ้าคุณไม่ผ่อนพ่อแม่คุณจะผ่อนใหวใหมจะโกรธคุณใหม
บางคนอาจจะคิดว่าฝ่ายชายเรื่องมากเห้นแก่ตัว
ไม่เลยค่ะ
รุ้รายละเอียดของกันและกันก่อนแต่งดีกว่าว่าจะรับกันได้ใหมใครมีภาระส่งเสียอะไรบ้างในตอนนี้
ดีกว่ามาแต่งแล้วแต่รับกันไม่ได้จนต้องเลิกกัน
ความคิดเห็นที่ 23
ผมแค่สงสัยว่าทำมัยจึงว่าผู้ชายเห็นแก่ตัว ผมกลับมองว่ารอบครอบมากที่จะประเมินความสามรถและการบริหารด้านการเงินของครอบครัวฝ่ายหญิง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาทีหลัง เพราะเท่าที่ดูที่บ้านฝ่ายหญิงยังหวังว่าจะมาช่วยโดยให้เป็นหัวหน้าครอบครัว
การที่จะมาเป็นครอบครัว บางครั้งเราควรรู้กันให้มากนะ
ผมมองว่าที่ถามเงินเก็บครอบครัว ถามเพื่อให้แน่ใจว่า ทางครอบครัวฝ่ายหญิงมั่นคงจริงๆหรือไม่ เป็นผมเองก็ไม่มั่นใจการเงินครอบครัวฝ่ายหญิง คุณคิดดูว่าการวางแผนการเงินโดยซื้อบ้านแล้ว แต่เกษียรแล้วยังผ่อนไม่หมด กู้เงินซื้อรถให้น้องสาวโดยใช้เชื่อฝ่ายหญิงกู้ แล้วทำมัยไม่ให้น้องสาวกู้เอง ถ้ามีปัญหาใครจะรับผิดชอบนอกจากผู้กู้ การวางแผนหาตังโดยเปิดร้านขายของเล็กๆมีหลายคนเจ๊งไปแล้วและเข้าเงินเก็บด้วย ถามหน่อยเถอะว่าทำเลดีหรือป่าว ประสบการณ์การค้าขายมีหรือไม่  ผมว่ามองโลกสวยเกินไปครับ คิดกันง่ายเกินไป สุดท้ายก็มีปัญหามานักต่อนักแล้ว มองดีๆแล้วเห็นช่องว่างของปัญหามัยครับลองคิดดู

ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ชีวิตต้องมองให้รอบด้าน ละเอียดถี่ถ้วน รู้จักวางแผนทั้งระยะสั้นระยะยาว ประเมินความสามารถทั้งด้าน + - กำจัดความเสี่ยงหรือความไม่รู้ให้มากที่สุด ไม่ใช่ไปตายดาบหน้า ซึ่งก็เดือนร้อนคนอื่นต้องมาช่วย สุดท้ายคือ ขยัน ประหยัด อดทน
ความคิดเห็นที่ 34
เริ่มพอจะมองเห็นปัญหาของหลายๆคู่เวลาแต่งงาน แล้วไม่คุยเรื่องเงินกันมาก่อนแล้วแหะ


เพราะเวลาใครเปิดปากพูดคุยเรื่องนี้
ดูเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงินขึ้นมาทันที

ทั้งที่ไม่น่าใช่

ควรแชร์สุขภาพการเงินของเงินทั้งสองฝ่ายน่ะถูกแล้ว
...เช่น พ่อแม่ของอีกฝ่ายมีหนี้เท่าไหร่ (พ่อแม่บางคนไม่บอก-แต่ลูกที่ดีควรประเมินได้คร่าวๆ)
พ่อแม่อาจไม่รบกวนเงินลูกหรอก แต่ถ้าเผื่อมีอะไรขัดข้องขึ้นมา จะทำยังไงกัน
เช่น พ่อหรือแม่เจ็บป่วยขึ้นมา
หรือ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีภาระต้องให้เงินแก่พ่อแม่ญาติพี่น้อง ก็แจกแจงจำนวนเงินให้ดี
อยากให้พ่อแม่พี่น้องต่อเดือนเท่าไหร่ ก็แจ้งไป
แม่มีเงินต้องส่งธนาคารเพราะกู้บ้านเดือนละ 15000 แม่แจ้งว่าลูกไม่ต้อง แม่จัดการเอง
แล้วน้องล่ะ ต้องส่งเสียให้เรียนมั้ย กี่บาท
แล้วตัวคุณ จขกท มีเห็นยอดรายจ่ายประจำทั้งหมดของบ้าน จขกท แล้ว อยากจะช่วยเท่าไหร่ 10% 20% 50% เท่าไหร่ก็แจ้งไป


ขืนคุณไม่บอก
พอแต่งงาน ผช ถือว่าเมียมีเงินเดือน 30,000
ก็จัดแจง บอก ขอเงินกองกลาง 15,000 นะ เก็บไว้เป็นเงินสำรอง+ค่าบ้าน+ค่าเทอมลูกในอนาคต
แต่เมียดันมีภาระ ต้องส่งบ้าน 10,000 กลายเป็นเมียมีเงินเหลือกินแค่ 5,000 ไรงิ
มันไม่ได้ไง

ถ้ารู้ว่า อ่อ รายได้ 30,000 ใช้ได้จริงแค่ 20,000
ก็จะได้จัดสรรเงินกันถูก

บ้านฝ่ายชาย ไม่มีภาระต้องส่งเสียที่บ้าน
แถมบ้านฝ่ายชายมีเงินเก็บ
ซื้อรถเงินสด
คุณควรศึกษาวิธีการใช้เงินของเค้าบ้าง


...

โอเค เพิ่งเห็นคอมเม้นท์เพิ่มเติม
เงิน 42000 ซื้อ 17000 เหลือ 25,000 แล้วนะคุณ
คุณอยากให้เงินที่บ้านอีกครึ่ง 12,500
เหลือ 12,500
มีรายจ่ายประจำ(ส่วนตัว) พวก
ค่ามือถือ
ค่าประกัน
ค่าน้ำมัน
ค่าบำรุงรักษารถ
ค่าภาษี

คุณลืมคำนวนรึเปล่า

อย่าติดกับดักคิดแค่ว่า คุณมีเงินมีรายได้ 42000 ดูเหมือนเยอะ ชั้นจะทำอะไรก็ได้

42000 ก็จริง แต่ศักยภาพการใช้จ่ายคุณน้อยกว่าเด็กจบใหมไม่มีภาระเสียอีก


เราว่าคุณมีจุดประสงค์ไม่ซื่อตรงต่อการแต่งงานนะ
เงินเค้าจะเอา เงินคุณห้ามยุ่งรึเปล่า
หรือว่าพอบอกภาระทั้งหมดแล้วกลัวเค้าทิ้ง เลยอิดออดดูอำพะนำกับรายจ่าย

///เข้ามาแก้ไขคำผิดเยอะมาก บวกเพิ่มนิดหน่อยหลังจากเห็น คห 30
ความคิดเห็นที่ 40
ถ้าผมเป็นแฟนของคุณนะ ผมจะไม่เลือกคุณ เพราะทัศนคติของคุณแคบมาก มองการณ์ไกลไม่เป็น อนาคตคุณต้องพาแฟนคุณลำบากแน่นอน คุณไม่นึกถึงอนาคตของครอบครัวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น คุณไม่มีการวางแผนการเงินเลย ผมมองว่าแฟนคุณเป็นคนรอบคอบดีครับ เพราะถ้าแต่งงานกันไปต้องมาเป็นภาระเพราะครอบครัวคุณผมว่าไม่โอเคร อีกอย่างเค้าไม่จำเป็นต้องมาเดือดร้อน หรือต้องมาแบ่งเบาภาระครอบครัวคุณ ครอบครัวของคุณต้องพึ่งตัวเองด้วยครับ เป็นผมๆก็กลัว ทำงานมาเป็น 10 20  ปี แต่บ้านยังผ่อนไม่หมด นี้น่ากลัวมากครับ อย่างที่สอง จะขายของเพื่อผ่อนบ้าน สุดยอดมากเลยครับ คุณรู้ได้อย่างไรว่าคุณจะได้กำไรจาการขายของ ไม่กลัวเจ๊งเหรอ คิดตรงนี้บ้างไหมครับ เกิดในอนาคตคุณมีลูกขึ้นมา ในขณะที่คุณไม่พร้อมปัญหาตามมาแน่ครับ ปล. ผมไม่แต่งงานกับผู้หญิงอย่างคุณแน่นอน.
ความคิดเห็นที่ 8
ส่วนตัว เราเห็นด้วยกับแฟนคุณ การแต่งงาน
การสร้างครอบครัวด้วยกัน เรื่องเงินเป็นเรื่องที่ปล่อยผ่านไปส่งๆไม่ได้
    จะใช้เงินคนละกระเป๋าหรือใช้กระเป๋าเดียวกัน อันนี้แล้วตกลง ต้องเคลียร์กันให้ชัดเจน  
    และการที่คุณส่งเสียทางบ้าน นั้นก็คือสิ่งที่ดี
   แต่คุณอย่าลืม ว่าเมื่อคุณมีครอบครัวแล้ว คุณก็ต้องช่วยแฟนดูแลค่าใช้จ่าย ต้องช่วยกันแบ่งภาระความรับผิดชอบต่างๆ  
   ไหนจะต้องมีเรื่องที่อยู่อาศัย คุณคิดจะเช่าบ้านไปนานแค่ไหนกัน
    และที่สำคัญคือ เรื่องลูก ถ้าคุณคิดจะมีลูก การวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่