การเซ้งร้านค้ากิจการขายของออนไลน์นั้น หลาย ๆ คนอาจคิดไว้ว่า ถ้าวันข้างหน้าคุณอยากหยุดขาย จะต้องเซ้งร้านขายของออนไลน์ราคาเท่าไหร่ดี ถึงจะเหมาะกับต้นทุนของคุณ แต่!! ก่อนที่คุณจะพิจารณา ผมอยากให้คุณศึกษาสิ่งนี้ให้ดีก่อนตัดสินใจ ว่าคุ้มหรือไม่หรือเก็บไว้ก่อนดี?! 

       การเซ้งร้าน หรือ เซ้งธุรกิจกิจการ ในรูปแบบร้านขายของออนไลน์ นั่นก็คือ การส่งต่อร้านค้าที่อยู่บนแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ เช่น ร้านค้าใน Lazada, Shopee ซึ่งถือว่าเป็นวิธีหนึ่งในการเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ทั้งหมด หากลองดูดี ๆ บางกิจการที่ขายเซ้งนั้น ตัวเจ้าของธุรกิจเองอาจจะอยากทำอย่างอื่น หรือไม่มีเวลามาดูแลในส่วนนี้ เมื่อเทียบกับตอนที่เริ่มธุรกิจแรก ๆ จึงเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการคนใหม่ต้องการจะเซ้งต่อ สามารถซื้อกิจการที่มีต้นทุนถูกกว่าหรือไม่ต้องเสียเวลาในการเริ่มต้นหาฐานลูกค้าใหม่ทั้งหมด หากแต่การจะเซ้งกิจการต่อก็ควรต้องดูหลาย ๆ ปัจจัยและความพร้อมของตัวเองด้วย ซึ่งที่จริงแล้วผู้ขายกิจการควรพิจารณาก่อนจะเซ้งร้านต่อ ทว่าต้องคำนึงถึงสิ่งใด แล้วจะมีผลดีต่อผู้เซ้งมากน้อยแค่ไหน มาดูกันเลยครับ…

       โดยปกติแล้วเมื่อคุณมีความคิดที่อยากจะขายร้านขายของออนไลน์ให้ผู้อื่น หรือแม้แต่ผู้อื่นหยิบยื่นข้อเสนอในการขอเซ้งร้านขายของออนไลน์จากคุณ สิ่งแรกที่คุณจะต้องคำนึงถึง นั่นก็คือ ความคุ้มค่า ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

       1. กำไรแบบตัวเงิน : คุณต้องมาดูว่าในแต่ละเดือนว่า คุณสามารถมีกำไรต่อเดือนได้เท่าไหร่ x จำนวนเดือนที่คุณต้องการ เพราะเมื่อไหร่มีคนเข้ามาซื้อกิจการของคุณไปเขาก็สามารถเข้ามาทำหรือขายของต่อจากคุณได้แบบง่าย ๆ  ดังนั้น เมื่อคุณเซ้งร้านขายของออนไลน์ไป แล้วมันไม่คุ้มกับรายได้ที่คุณได้รับ ผมแนะนำว่าอย่าเพิ่งขายจะดีกว่าครับ ฉะนั้น เทคนิคในการคำนวณร้านค้าออนไลน์ที่คุณจะเซ้งต่อให้ผู้อื่นนั้น อันดับแรกคุณต้องเผื่อหรือคำนึงถึง “จำนวนเดือนที่คุณต้องการ” ออกมาก่อน ซึ่งระยะเวลาที่พอเหมาะสำหรับร้านค้าที่มีฐานลูกค้าค่อนข้างแน่น ให้ตีเฉลี่ยออกมาประมาณ 24-36 เดือน ยกตัวอย่าง เช่น ในแต่ละเดือนคุณมีกำไรจากการขายของออนไลน์ เดือนละ 20,000 บาท เท่ากับว่าราคาที่จะขายกิจการต่อให้ผู้อื่นก็ต้องอยู่ที่ 480,000 -720,000 บาท เพราะอย่างไรตัวผู้เซ้งต่อก็จะมีรายได้จากตรงนี้ในทุก ๆ เดือน เดือนละ 20,000 บาท ซึ่งผมต้องบอกก่อนเลยว่า มันต้องขึ้นอยู่กับธุรกิจสินค้าและบริการนั้น ๆ ด้วยว่าอยู่ในระหว่างขาขึ้นหรือขาลง 

       ซึ่งตัวอย่างที่ได้กล่าวมาเป็นตัวอย่างในธุรกิจที่เป็นขาขึ้นหรือมีความทรงตัวแล้วและมีแนวโน้มที่จะมีรายได้มากยิ่ง ๆ ขึ้นไป แต่ทว่าเป็นธุรกิจที่มีกำไรอยู่ที่ 20,000 บาทต่อเดือน เหมือนกัน แต่สินค้าและบริการเป็นขาลงหรือว่ามีแนวโน้มที่ยอดกำไรอาจจะลดลงไปอีก ถ้าเป็นเช่นนั้น การที่คุณจะเซ้งร้านขายขอออนไลน์ต่อคุณจำเป็นที่จะต้องลดการเซ้งร้านลงมาเกือบครึ่งหรือ 50% เลยก็ว่าได้ เช่น ปกติคุณตั้งไว้ที่ 24-36 เดือน ซึ่งจะอยู่ที่ 480,000 – 720,000 บาท เมื่อลดราคาการเซ้งร้านลงมาที่ 50% แสดงว่า คุณก็ต้องขายร้านขายของออนไลน์อยู่ที่ 240,000 – 360,000 บาท ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณอีกทีว่าจะมีการต่อราคาหรือพิจารณาส่วนไหนเพิ่มเติม

       2. กำไรชีวิต : เนื่องจากความคิดหรือความต้องการในการใช้ชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ที่มักจะเจอในผู้ประกอบการที่ต้องการจะเซ้งร้านทั่วไปก็คงมีไม่กี่อย่าง  นั่นก็คือ การโล่งอกหรือต้องการที่จะปลดพันธนาการจากความเครียดทั้งหลายไม่ว่าจะเรื่อง การสต็อกสินค้า คู่แข่ง เงินลงทุน คน เป็นต้น บางผู้ประกอบการถึงขั้นโดนขอลดราคาหรือกดราคาลงมาก็พร้อมที่จะขาย เพื่อที่จะได้กำไรชีวิตในส่วนนี้มา ทว่าคุณก็ต้องคิดให้ดีถ้าเกิดคุณได้เงินก่อนนี้มาแล้วคุณต้องไปเริ่มต้นใหม่ ลงทุนใหม่มันจะคุ้มเสียกับการที่คุณมีธุรกิจที่มีรายได้ดีอยู่แล้ว ที่เพียงแค่อาจจะต้องปรับบางสิ่งบางอย่างให้เข้าที่เข้าทาง กับการที่คุณตัดสินใจเซ้งร้านขายของออนไลน์แล้วไปเริ่มใหม่ลงทุนใหม่ สิ่งไหนจะคุ้มกว่ากัน 

       ดังนั้น ปัจจัยในการเซ้งร้านค้าออนไลน์คุณต้องคำนึงถึง “ความคุ้มค่า” มาเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น กำไรแบบตัวเงิน หรือ กำไรชีวิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณต้องดูไปยาว ๆ อย่าใช้อารมณ์เพียงชั่ววูบ จนทำให้คุณตัดสินใจเร็วจนเกินไป แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณแล้วละครับว่าต้องการสิ่งไหน ระหว่างงานที่มีรายได้ กับ อิสรภาพที่แลกมาได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว สามารถคอมเมนต์มาได้ตามด้านล่างนี้เลยนะครับ

===================================================================

 สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ