เป็นโรงเรียนเด็กเล็ก มีนักเรียนตั้งแต่เตรียมอนุบาลไปถึงประถม6 ครูและเจ้าหน้าที่เกือบทั้งหมด ไม่ใส่ mask หรือใส่ mask ใต้จมูก ไม่เคยเห็นว่าล้างมือก่อนสัมผัสเด็กๆ เจ้าหน้าที่บางคนแล้วใหญ่ คือไม่มี mask ติดตัวเลย ..ไม่ใช่ว่าดึงmaskลงเพื่อพักบ้างในจังหวะที่เว้นระยะห่างได้ แต่เรียกว่าคุยพ่นน้ำลายรดกันเลยทีเดียว

ในขณะเดียวกัน กลับปิดกั้นไม่ให้เด็กๆเล่นในส่วนสนามหญ้า และเครื่องเด็กเล่น ทั้งๆที่อยู่ในที่เปิดกว้าง อากาศถ่ายเทตลอดเวลา และโดนแดดเผาทั้งวัน อ้างCOVID-19
ห้องเรียน เป็นห้องแอร์ ระบบปิด (เข้าใจได้เพราะมันร้อนมาก อัดเด็กห้องนึงเข้าไปตั้ง30กว่าคน) ห้องโถงหน้าห้องเรียนก็มืดทึบ ไม่มีแสงแดด ไม่มีลมผ่าน 
เมื่อครูไม่ใส่ mask เป็นตัวอย่าง เด็กโตก็ไม่ใส่ เด็กเล็กๆก็ใส่เองไม่เป็น สรุปว่าทั้งโรงเรียนกลายเป็นจุดเปราะบางของการแพร่เชื้อโรค เริ่มจากความมักง่ายของผู้ใหญ่ไม่กี่คนแล้วใช้เป็นข้ออ้างต่อๆกันไป

หนึ่งใน new normal คือการใส่ mask ล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดการแพร่เชื้อโรค เพราะแม้ว่าเราจะไม่มีอาการใดๆแต่ก็อาจเป็น carrier เอาเชื้อไปให้คนอื่นได้ แล้วนอกจาก COVID-19 ก็ยังมีเชื้อโรคอื่นๆที่ติดต่อกันได้ การป้องกันตัวเองและคนรอบข้างไม่ให้ป่วย ลดการระบาดของโรค ถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม

ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ขึ้นป้ายชัดเจนว่าขอสงวนสิทธิ์ไม่บริการให้คนที่ไม่ใส่ mask 
ในสถานศึกษาเอกชน ค่าเทอมปีละเกือบแสน ที่ควรจะเป็นสถานที่ปลอดภัย ปลอดโรคให้เด็กๆ และเป็นแบบอย่างปลูกฝังเด็กๆให้ practice new normal ต่อไป ...กลับมีแนวทางปฏิบัติเช่นนี้ 

ในฐานะผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนแบบนี้ ควรดำเนินการอย่างไรดีครับ เพราะการตักเตือนเรื่องพื้นฐานระดับสามัญสำนึกแบบนี้ ย่อมมีคนที่ไม่เปิดใจ ไม่พอใจจะรับฟัง พร้อมเถียงข้างๆคูๆด้วยตรรกะห่วยๆแบบ "ไม่เคยมีผู้ติดเชื้อในโรงเรียน" "วัคซีนมาแล้วไม่กลัว" หรืออาจจะเลวร้ายถึงขั้นกลั่นแกล้งบุตรหลานของเราในภายหลังได้