แชร์วิธีลดน้ำหนัก 2 โล 1 เดือน ฉบับสาวออฟฟิศ

แชร์ ประสบการณ์การลดความอ้วน ครั้งที่ ล้านแปด! ล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ถ้าตั้งใจฉันก็ทำได้นะ !!!  บอกก่อนว่า เราเป็นคนที่ค่อนข้างกินจุกจิกเยอะมากๆ รู้ตัวอีกทีน้ำหนักก็ทะยานแบบเอาไม่ลง 

หลายปีที่ผ่านมาเราพยายามหาวิธีลดน้ำหนักทุกหนทาง ไม่ว่าจะงดข้าว กินน้อย มันลงนะ ลงแบบเร็วมาก แต่สุดท้ายมันก็โยโย่ (อันนี้คอนเฟิร์ม) ที่แย่กว่านั้นคือ ระบบเผาผลาญ พังแบบกู่ไม่กลับ

เอาจริงนะ ลด ได้ไม่ได้มันอยู่ใจ ที่เราลดไม่ได้ไม่ได้โทษใครเลยย โทษปากโทษใจตัวเองล้วนๆ พรุ่งนี้เริ่มใหม่เรื่อยมาหลายปี จนมาวันนี้เราควรจริงจังละ เพื่อความปัง อยากใส่บิกินี่ เลยฮึบสุด สู้ 555555 เริ่มลดน้ำหนักจริงจัง เราก็เน้นไปควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย ตามสูตรแหละ แต่จะมีความขี้เกียจเยอะ เลยมีอาหารเสริมตัวช่วยนิดหน่อย เป็นช่องทางลดหุ่นในแบบที่เราสบายใจแล้วกันน   
มาดูทริค วิธีลดแบบไม่เคร่งไม่เครียดของเราดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง   

1.อาหาร

สำคัญมากๆเลยนะ เพราะที่ล้มเหลวส่วนใหญ่ก็เรื่องกินนี่แหละ แต่สำหรับเรื่องกิน เราไม่ค่อยเคร่งนะคะ คิดว่าอยากกินอะไรก็กินเลย แต่ค่อยๆงดของที่ทำให้อ้วนลงค่ะ เช่น ตั้งเป้าไว้ว่าวีคนี้จะเริ่มงดขนมกรุบกรอบทุกอย่าง(ขนมห่อๆ) แต่พวกช็อกโกแลต น้ำหวาน ก็ยังกินเหมือนเดิมนะ พอวีคต่อไป ก็เพิ่มเงื่อนไขมาทีละอย่างค่ะ พอทำได้ + ทำ IF ควบคู่ไปด้วย สักพักเราจะชินกับการกินเป็นเวลาและไม่กินของอ้วนไปเอง ค่อยๆลด ไม่ต้องเครียด ค่ะ 

เทคนิค การเลือกงด เพื่อลดน้ำหนัก ที่เราทำ 
สัปดาห์ 1 งดขนมซอง (กรุบกรอบทุกชนิดในซุปเปอร์มาร์เก็ต) 
สัปดาห์ 2 งดขนมซอง + ชาไข่มุก
สัปดาห์ 3 งดขนมซอง + ชาไข่มุก + ของทอด
สัปดาห์ 4 งดขนมซอง + ชาไข่มุก + ของทอด + น้ำอัดลม

จริงๆงดแค่นี้ก็ลดได้เยอะแล้วว แต่ถ้าใครไหวไปต่อ แนะนำเข้าสายคลีนเลย เลิกกินของทอด หวาน มัน เค็ม รสจัด ทุกชนิด 1 เดือนเห็นผลชัดเจน แบบไม่ต้องออกกำลังกาย
ปล.เราไม่ได้คลีน ไม่เป๊ะมาก เพราะอยากกินน้ำหวาน เอสเปรสโซ่เย็นทุกเช้า จะได้มีแรงทำงาน (มโนมากก ความจริงคือติด 555555 ) แต่พยายามเลี่ยงให้ได้เยอะที่สุด ตอนนี้เลิกกินชาไข่มุกกับขนมซองได้แล้ววเด้ออ ว่าซั่นนน 
ส่วนเมนูอาหารในแต่ละมื้อ เรากินปกติ คลีนบ้างบางมื้อ ตัวอย่างตามรูปเลยค่ะ



2.การออกกำลังกาย 

เราเน้นออก เวทเทรนนิ่ง(แบบเบาๆ) สลับคาดิโอ้บ้างบางวัน เปิด Youtube เต้นๆเอา ช่วงแรกมันจะขี้เกียจแหละเราเข้าใจ แต่เพื่อความอยากหุ่นปัง ต้องบังคับตัวเองให้ออกอะเนอะ เพื่อความยั่งยืน ช่วงแรกเราออกกำลังวันละ 10 นาทีเอง หรือตั้งเป้าว่าออกท่านี้ทุกวัน วันละ 10 ครั้ง พอร่างกายเริ่มปรับตัว ก็ปรับการออกกำลังกาย ครั้งละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง วันไหนถึกๆหน่อยก็ 1 ชั่วโมง  ท่าออกกำลังกายก็หาใน Google เลยค่ะ มีครบ 
ประมาณนี้ 

สัปดาห์แรกเราออกแบบเบาๆก่อน 15 นาที ทุกวัน พอชินก็เริ่มปรับ แค่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เท่านั้นเอง ตั้งใจซะอย่าง ทำได้อยู่แล้วว หรือใครไม่มีเวลาก็ลองเริ่มจาก ท่าสควอช ให้ได้ 20 ครั้งทุกวัน ง่ายสุดละ ไปลอง !! 

หลักๆเราออกกำลังกายตามนี้เลยย (หาใน Google) แรกๆเราทำแค่ท่าละ 12 ครั้งรอบเดียวพอ วนๆไป เหนื่อย 555555 แบ่งได้นะ วันนึงเราเลือกทำแค่ 6 ท่า ตามใจชอบเลย ขอแค่ให้ออก 
  
3.อาหารเสริม เวย์โปรตีน (ฉบับคนอยากได้ความรวดเร็ว)

มาถึงจุดนี้ ยอมรับว่าเรากินโปรตีนเสริมช่วยนะคะ  เนื่องจากเราเป็นคนไขมันเยอะมาก บวกกับระบบเผาผลาญไม่ดี กินโปรตีนไม่ถึง เราต้องกินโปรตีนเพิ่มเพื่อสร้างกล้ามเนื้อมาเผาผลาญไขมันค่ะ  เราพยายามกินให้มันถึงนะ แต่มันไม่ถึงสักที อาจจะเพราะการใช้ชีวิตประจำวันมันไม่อำนวย กับไม่ค่อยชอบทานไก่กับไข่แบบเยอะๆ จึงเลือกทานอาหารเสริมดีกว่า เลือกเป็น เวย์โปรตีนของ ฟิตเวย์ ค่ะ อร่อย กินง่ายดี กินหลังออกกำลังกาย มี 2 ตัวหลักที่เราทานช่วงออกกำลังกาย 
- เวย์โปรตีน รสช็อกโกแลต baam gold standard 
เสริมโปรตีนกันหน่อย ทางลัดที่เสียเงินเพื่อความสะดวก 555555 เราสั่งเวย์รสช็อกโกแลตจาก ฟิตเวย์ มา รสชาติกินง่ายนะ โปรตีน 24 กรัม ต่อช้อน ถือว่ากำลังดี เน้นเพิ่มความกระชับ และความชัดของกล้ามเนื้อ  เร่งการซ่อมแซม และฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ลดความล้าหลังจากออกกำลังกาย  เรากินหลังออกกำลังกาย แทนข้าวเย็นไปเลย 1 ช้อนครึ่ง เราผสมน้ำเยอะหน่อยเพราะแอบหวานไปนิดด 

- ตัวเบิร์นไขมัน Angel burn-9
ซื้อมากินคู่กัน แอลคานีทีนเป็นเม็ด เรากินก่อนอาหารเช้า และก่อนออกกำลังกาย ตัวนี้ช่วยเผาผลาญพลังงาน และไขมัน เร่งการแตกตัวของไขมัน และ ช่วยจัดการน้ำตาลในร่างกาย เพิ่ม Energy และ ความตื่นตัว สดชื่น ก่อนออกกำลังกาย  มันดีดจริงนะ รู้สึกเหนื่อยช้า มีแรงออกได้ต่อเนื่อง พลังใจก็มาด้วยแหละ สุดปัง ใจมันได้ นั่งแกว่งขาก็เหมือนได้ออกกำลังกายแล้วววววว 

ปล. แต่ถ้าใครสามารถกินโปรตีนธรรมชาติ เนื้อ-นม-ไข่ ให้ถึงปริมาณที่ต้องการได้ ก็แนะนำให้กินแบบธรรมชาตินะ มันดีกว่าอยู่แล้ว แต่แค่ต้องแบบกินเยอะหน่อยให้มันถึง ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่ที่ความสะดวกของแต่ละคนเนอะ 
ผ่านมา 1 เดือน ลดลงประมาณ 2.5 กก. ไม่เยอะเกินไป ค่อยๆปรับไป ด้วยความที่เราไม่เคร่งและตบะแตก แต่เราโอเคนะะ น้ำหนักช่วง 50-58 ลดค่อนข้างยากอยู่นะ (เข้าข้างตัวเองแปป)  

จากน้ำหนักเริ่มต้น 
วันที่ 1 ก.พ.  = 58 kg.
รูปหุ่นขอยังไม่โชว์ เดี๋ยวมีซิกแพคแล้วจะมารีวิวอีกรอบบบบบ อิอิ

จบแล้ววว ก่อนจากก็จะบอกทุกคนว่าสู้ๆๆนะ ทุกคนมีแนวทางการลดน้ำหนักอยู่แล้วแหละเรารู้ แต่แค่เลือกให้มันตรงกับการใช้ชีวิตเรา หรือความสามารถเราก็พอ ไม่ใช่มาถึงเริ่มปุบ หักดิบเลย อดทุกอย่าง ฝืนตัวเอง กินไม่ครบ  มันไม่ดีนะคะ ค่อยเป็นค่อยไปกันเนอะ เพราะไม่งั้นเราจะตบะแตกในภายหลัง ระบบพัง กลับมาโยโย่อยู่ดี  ขอบคุณที่อ่านประสบการณ์กันนะคะ  สู้ไปด้วยกันนนนน