แม้ต้องเผชิญกับวิกฤต COVID-19 เมื่อปีที่ผ่านมาสังกัดบันเทิงในเกาหลีกลับทำผลงานได้เกินคาด โดยเฉพาะวงการบรอดแคสต์และคอนเสิร์ตที่กลับสู่สภาพปกติและเศรษฐกิจที่ส่อแววฟื้นฟู นักลงทุนกำลังหันมาให้ความสนใจในธุรกิจบันเทิงมากขึ้น
1 ใน 4 สังกัดที่ทำผลประกอบการได้สูงที่สุดก็คือ Big Hit
คอนเสิร์ตที่ถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไปในปีที่ผ่านมาเพราะวิกฤต COVID-19 รวมทั้งสิ้น 990 งาน มูลค่าความเสียหายกว่า 160,000 ล้านวอน
ในขณะที่ปีที่ผ่านมา Big Hit เสริม Multi-label ผ่านการควบรวมกิจการ ร่วมกับการเติบโตของ Weverse และยอดขายอัลบั้ม ส่งผลให้เก็บเกี่ยวผลกำไรได้อย่างมากมาย
โครงสร้างกำไรที่พึ่งพิงแต่ตัวศิลปินในสังกัดกำลังเปลี่ยนไปเพราะรูปแบบการบริโภคของแฟนๆ ทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลง
ในกรณีของ Big Hit ที่แกร่งด้านธุรกิจ IP/แพลตฟอร์ม เรียกได้ว่าเข้าใกล้ความเป็นธุรกิจ IT/แพลตฟอร์ม เพราะเป็นบริษัทเดียวที่ทำแพลตฟอร์มแฟนคอมมูนิตี้และอีคอมเมิร์สไปพร้อมกัน
ด้วยจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAU) ของ Weverse และการทำธุรกรรมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ Big Hit ทำกำไรจากสินค้าและคอนเทนต์ที่ทำธุรกรรมผ่าน Weverse ได้ถึง 328,000 ล้านวอน ซึ่งเป็นอัตราส่วนกว่า 40% ของยอดขายสุทธิเมื่อปีที่ผ่านมา
โมเดลธุรกิจดั้งเดิมของสังกัดบันเทิงแต่ก่อนทำกำไรจากคอนเสิร์ต, โฆษณา, อัลบั้ม และการจัดจำหน่าย ได้สูง แต่ในปัจจุบันธุรกิจ IP, คอนเทนต์ พร้อมด้วยอำนวจควบคุมของแพลตฟอร์มกำลังเพิ่มมากขึ้น
Big Hit รุกเข้าแวดวงนี้เมื่อปี 2019, ประสบความสำเร็จ และนำเสนอกระบวนทัศน์ใหม่ๆ ให้กับวงการ
ข่าวคราวการเสริมกำลังธุรกิจ เช่นการรับโอนกิจการ VLIVE, แผนพัฒนาแพลตฟอร์มคอมมูนิตี้ระดับโลก, การได้ UMG และ YG มาร่วมลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิตอลไลฟ์สตรีมมิ่งตัวใหม่ เหล่านี้คือส่วนหนึ่งที่สร้างความคาดหวังต่ออีกหนึ่งแพลตฟอร์มระดับโลกที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน
cr.
https://twitter.com/_candyclover/status/1372579341721214978?s=19
[K-POP] Big Hit 1 ในค่าย Big 4 ที่ทำผลประกอบการได้สูงที่สุดของปี 2020
1 ใน 4 สังกัดที่ทำผลประกอบการได้สูงที่สุดก็คือ Big Hit
คอนเสิร์ตที่ถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไปในปีที่ผ่านมาเพราะวิกฤต COVID-19 รวมทั้งสิ้น 990 งาน มูลค่าความเสียหายกว่า 160,000 ล้านวอน
ในขณะที่ปีที่ผ่านมา Big Hit เสริม Multi-label ผ่านการควบรวมกิจการ ร่วมกับการเติบโตของ Weverse และยอดขายอัลบั้ม ส่งผลให้เก็บเกี่ยวผลกำไรได้อย่างมากมาย
โครงสร้างกำไรที่พึ่งพิงแต่ตัวศิลปินในสังกัดกำลังเปลี่ยนไปเพราะรูปแบบการบริโภคของแฟนๆ ทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลง
ในกรณีของ Big Hit ที่แกร่งด้านธุรกิจ IP/แพลตฟอร์ม เรียกได้ว่าเข้าใกล้ความเป็นธุรกิจ IT/แพลตฟอร์ม เพราะเป็นบริษัทเดียวที่ทำแพลตฟอร์มแฟนคอมมูนิตี้และอีคอมเมิร์สไปพร้อมกัน
ด้วยจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAU) ของ Weverse และการทำธุรกรรมที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ Big Hit ทำกำไรจากสินค้าและคอนเทนต์ที่ทำธุรกรรมผ่าน Weverse ได้ถึง 328,000 ล้านวอน ซึ่งเป็นอัตราส่วนกว่า 40% ของยอดขายสุทธิเมื่อปีที่ผ่านมา
โมเดลธุรกิจดั้งเดิมของสังกัดบันเทิงแต่ก่อนทำกำไรจากคอนเสิร์ต, โฆษณา, อัลบั้ม และการจัดจำหน่าย ได้สูง แต่ในปัจจุบันธุรกิจ IP, คอนเทนต์ พร้อมด้วยอำนวจควบคุมของแพลตฟอร์มกำลังเพิ่มมากขึ้น
Big Hit รุกเข้าแวดวงนี้เมื่อปี 2019, ประสบความสำเร็จ และนำเสนอกระบวนทัศน์ใหม่ๆ ให้กับวงการ
ข่าวคราวการเสริมกำลังธุรกิจ เช่นการรับโอนกิจการ VLIVE, แผนพัฒนาแพลตฟอร์มคอมมูนิตี้ระดับโลก, การได้ UMG และ YG มาร่วมลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิตอลไลฟ์สตรีมมิ่งตัวใหม่ เหล่านี้คือส่วนหนึ่งที่สร้างความคาดหวังต่ออีกหนึ่งแพลตฟอร์มระดับโลกที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน
cr. https://twitter.com/_candyclover/status/1372579341721214978?s=19