เรื่องสั้น : แผวถ้วยกี้
โดย : ชลัน
สายลมพัดกรรโชกเข้ามาแรงกว่าปกติ ท้องฟ้ามืดครึ้มดำทมิฬอย่างกับจะมีพายุลูกใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อครู่มันยังแดดจ้าอยู่เลย มันผิดปกติ! ผิดวิสัย! มันต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น เตยนึกในใจ และนึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่บอกกับตัวเองว่าไม่น่าเลย!
บรรยากาศบริเวณรอบ ๆ เงียบสงบ บวกกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้เส้นขนทุกส่วนของร่างกายลุกชันขึ้นโดยไม่รู้ตัว เตยเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่น่าเลย! ไม่น่าเลยจริง ๆ ได้แต่บ่นพึมพำในใจ ได้ร่วมหัวจมท้ายด้วยกันแล้วก็ต้องเดินต่อไปให้จบ
แม้ลมจะพัดเข้ามาปะทะด้านในห้อง ประตูหน้าต่างเปิดปิดเสียงดังปังตามแรงลม เตยสะดุ้งโหยง แต่ก็ยังเก็บอาการ ต้องทำให้จบ ไม่อย่างนั้นจะมีอันเป็นไป ถึงจะกลัวสุดขีดก็จะล้มเลิกไม่ได้ เปลวเทียนที่ลุกโชนก็ยังสว่างไสวอยู่ทั่วบริเวณห้อง ไม่มีทีท่าว่าจะมอดดับลงไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาปะทะ นุ่นลุกขึ้นเดินไปปิดประตูหน้าต่างใส่กลอนเอาไว้แน่นหนาเลยคราวนี้ แล้วกลับมานั่งต่อ
“มาแล้วใช่ไหม !”
เจนเอ่ยถาม สายลมพัดหวีดหวิวเข้ามาปะทะประสาทสัมผัส รับรู้ถึงการมาของอะไรบางอย่าง นิ้วมือยังแตะที่ก้นแก้ว มันถูกวางคว่ำอยู่บนแผ่นกระดาษที่เขียนตัวอักษรพยัญชนะไทยด้วยสีเมจิกสีแดง และสระภาษาไทย รอบ ๆ ตัวมีเทียนปักอยู่หลายเล่ม เปลวไฟจากเทียนทำให้รู้สึกอุ่น
หลังจบคำถามของเจนแก้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปจากตำแหน่งจุดกึ่งกลาง แล้วหยุดสนิท พวกเธอลืมตาขึ้นมาดูด้วยความตกใจ เนื่องจากสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวของวัตถุ นั่นก็คือแก้วนั่นเอง โดยที่ไม่มีใครดันมันเลย
ม.ม้า มา! มาแล้วแน่นอน! พวกเธอแสดงความคิดเห็นกันกันไปต่าง ๆ นานา โดยที่ไม่มีใครเห็นเจนแสยะยิ้มเลย
เมื่อทราบว่าอะไรบางอย่างมาแล้ว ทุกคนก็หลับตากันต่อ “คุณเป็นใครคะ” โบว์เป็นคนตั้งคำถาม สักพักแก้วเคลื่อนตัวอีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าแก้วหยุดสนิทพวกเธอก็ลืมตาขึ้นมาอีก
“ว.แหวน ว. แหวง! ตาแหวง!!!” นุ่นร้องอุทานเสียงดัง เป็นตาเธอเอง ตาของเธอชื่อแหวง ทุกคนเอามือปิดปากร้องกรี๊ดกันออกมาด้วยความกลัวสุดขีด ตาของนุ่นพึ่งเสียไปเมื่อสามเดือนก่อนนี่เอง
เจนทำท่างุนงงนิดหน่อย ตนเองเล็งไปที่ ป.ปลา ทว่าต้องตกใจเมื่อจู่ ๆ แก้วก็เคลื่นตัวไปที่ ว.แหวน โดยที่ตนเองยังไม่ดัน และเจนก็ไม่ทันเห็นโบว์แสยะยิ้มที่มุมปาก เจนขนลุกเกรียวขึ้นมาดื้อ ๆ หรือว่า!!! เฮ้ย!! เจนนึกในใจอยู่คนเดียว “ขอโทษ ๆ ตาแหวงเจนไม่ได้ลบหลู่นะ” ขอโทษขอโพยอยู่ในใจ
“ฮือ จริงเหรอนุ่นกูกลัว!” เตยเกือบจะร้องไห้ ขนลุกขนชัน ตั้งโด่เด่ไปทั่งร่างกาย มันเป็นเรื่องจริงหรือนี่ ผีถ้วยแก้วมีจริง!
เจน โบว์ นุ่น เตย พากันแอบมาเล่นผีถ้วยแก้วที่บ้านของนุ่นเอง ผู้ใหญ่ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน บรรยากาศเงียบสงัด พวกเธอจึงพากันอยากลองของ ได้ยินรุ่นพี่ที่เล่นมาก่อนเล่าให้ฟัง ผีมาจริง เชิญผีตัวไหนมาก็ได้ แล้วก็ถามในสิ่งที่อยากรู้
พวกเธอออกเงินกันซื้อเทียนเล่มเล็กมาหนึ่งซอง ๆ ละห้าบาท เตยอาสาเป็นคนนำแก้วกั๊กเหล้าขาวของตาที่บ้านมาเอง แอบขโมยมา ตาไม่เห็นชัวร์ เตยแอบหยิบใส่กระเป๋านักเรียนไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
ตอนพักกลางวันที่โรงเรียนพวกเธอช่วยกันเขียนแปนกระดาษเอง โดยการออกเงินกันซื้อกระดาษร้อยปอนด์ที่สหกรณ์โรงเรียนมาเขียน เพื่อที่จะเอามาเล่นผีถ้วยแก้ว โบว์กับเจนจะเป็นคนอาสาไปซื้อเทียนที่ร้านค้าเอง
เมื่ออุปกรณ์ครบ ทั้งสี่คนก็ช่วยกันจุดเที่ยนเป็นวงกลม แล้วพากันเข้าไปนั่งในนั้น ปิดประตูปิดหน้าต่างบ้านเอาไว้ และจัดการเล่นผีถ้วยแก้วกันเลย โดยที่ไม่รู้ว่าข้างนอกฝนกำลังจะตก มืดฟ้ามัวดินมาก
เสียงลมพัดหวีดหวิวเข้ามาผ่านช่องรูแยกของหน้าต่างไม้ บรรยากาศที่มืดผิดปกติ เสียงกิ่งมะม่วงขูดกับหลังคาสังกะสีของบ้าน ลมพัดมาทีกิ่งไม้ขูดกับสังกะสีทีพวกเธอแทบสะดุ้งโหยงกันหมดด้วยความกลัว
บรรยากาศเงียบสะงัดไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยของผู้คน “ตาแหวงสบายดีไหม” นุ่นถามต่อก่อนที่ทุกคนจะหลับตาเพื่อให้แก้วเคลื่อนที่อีก
ปั้ง! กรี๊ด!! นุ่นยังไม่ทันถามจบเสียงคนเควี้ยงหินใส่ประตูดังขึ้น พวกเธอเอามือปิดปากกรี๊ดกันสนั่น ทว่าก็ยังไม่ลุกออกจากวงเทียน เพราะยังเล่นไม่จบ ถามไม่จบ ไม่ทันได้ลา แล้วเสียงก็สงบลง ทุกคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ บางทีอาจจะเป็นก้อนหินใครเควี้ยงมาก็ได้ เด็กผู้ชายที่คุ้มของนุ่นมีเยอะ
“ตา! ตาแหวงใช่มั้ย ตาแหวงมาดีใช่มั้ย!” นุ่นถามต่อไปจนจบ พวกเธอหลับตาลงสนิท แก้วเคลื่อนไปที่ ช.ช้าง พอแก้วหยุดพวกเธอก็ลืมตาขึ้น ช.ช้าง ใช่!!! ต้องเป็นใช่แน่นอน ตาแวงมาดี พวกเธอแสดงความคิดเห็น โบว์เหงื่อซึม เมื่อครู่เธอไม่ทันได้ดันแก้ว แล้วใครดัน!
“เป็นเรื่องจริง! ผีถ้วยแก้วมีจริง” เตยสบถด้วยความเหลือเชื่อ กลัวและตื่นเต้นในอารมณ์เดียวกัน ทว่าก็เก็บอาการไว้ ไม่ให้เพื่อนรู้ว่าเมื่อสักครู่เธอเองที่ดัน ส่วนเจน โบว์ นุ่นนั้นกลัวสุดขีด
“พี่กูบอกว่าเราต้องเล่นให้จบ ต้องให้เขาไปก่อนเราถึงจะเลิกเล่นได้ ไม่อย่างนั้นจะตาย!” โบว์พูดต่อ พวกเธอทั้งสี่คนอ้าปากค้าง เบิกตากว้างกับคำพูดของโบว์
“หื่อ! ไม่น่าเล่นเลย ไม่น่าพากูเล่นเลย” ด้วยความกลัวสุดขีด เตยเกือบจะร้องไห้ออกมา ถึงจะมีส่วนแกล้งเพื่อน ทว่าก็รู้สึกกลัวพิลึก ส่วนคนที่นิ่งที่สุด เงียบที่สุดคือเจน เตยสังเกตได้ แน่นอนสิเจนเป็นคนไม่กลัวผี ไม่กลัวตาย ไม่กลัวอะไรเลยอยู่แล้วหนิ แต่เธอกลัว!
พวกเธอสี่คนพากันนั่งเล่นผีถ้วยแก้วอยู่ภายในบ้านที่มืดสนิท แสงไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ ไม่รู้เลยว่าเวลาล่วงเลยไปนานแค่ไหน เทียนที่จุดเป็นวงกลมรอบตัวก็จวนจะหมด น้ำตาเทียนหยดลงเต็มพื้นบ้าน แต่ละเล่มเหลือไม่เท่าไหร่ สั้นลงทุกที
“ตาแหวงไปยัง” เจนเป็นคนถามบ้าง พอถามเสร็จทุกคนก็หลับตา แล้วแก้วก็เคลื่อนตัวไปที่ ย.ยักษ์ ทุกคนลืมตาขึ้น
“เฮ้ย! ย.ยักษ์!! ยัง! ยังไม่ไปอีก!” กรี๊ด!!! “กูกลัว!” เตยร้องไห้ด้วยความกลัวสุดขีด ทั้งกลัวผีทั้งกลัวตาย ส่วนเจนก็ยังนิ่ง ทั้งโบว์และนุ่นต่างก็กลัวกันหมด จะร้องไห้กันทุกคน รอบนี้เตยไม่ได้ดัน แล้วใครดัน!!
ปั้ง! ปั้ง ๆ ๆ !!!! เสียงเคาะประตูบ้านรัว ๆ ดังขึ้น ทุกคนสะดุ้งสุดตัว เพราะอยู่ในภวังค์แห่งความกลัวกันอยู่
กรี๊ด!!!! ทุกคนกรี๊ดออกมาสุดเสียงกันเลยคราวนี้ “อย่ามาทำอะไรนุ่นกับเพื่อนเลย นุ่นไม่เล่นแล้วตาแหวง นุ่นจะไม่เล่นอีกต่อไปแล้ว! ฮือ!” นุ่นลืมตัวไปว่าเย็นแล้ว ยายน่าจะกลับมาจากนา
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้! อี่นุ่นมืงทำอะไร!!! เปิดประตูบ้านให้กูเดี๋ยวนี้!!!” เสียงยายหนู ยายของนุ่นตะโกนเรียก พร้อมตวาดให้นุ่นเปิดประตูบ้าน เพราะนุ่นเล่นล็อกบ้านเอาไว้สนิท ทั้งประตูหน้าต่าง
นุ่นวิ่งไปเปิดประตูให้ยายทันที พอเปิดประตูออกเท่านั้น แสงสว่างที่พอมีสาดส่องเข้ามาในบ้าน พบว่าข้างนอกกำลังมืดฟ้ามัวดินด้วยพายุ ฝนกำลังจะตก ลมพัดสู่เข้ามาให้รู้สึกเย็น เทียนที่กำลังจะดับก็ดับสนิทในทันที เพราะโดนลมพัดเข้าเต็ม ๆ ยายหนูเห็นถึงกับหูผึ่ง
“ฝนกำลังจะตกมืงเก็บผ้าเก็บผ่อนหรือยัง นึ่งข้าวหรือยัง แล้วใครใช้ให้มืงมาจุดเทียนในบ้าน!!! ไฟจะไหม้บ้านตายมืงรู้จักมั้ย!!” ยายหนูตวาดนุ่น และตวาดพวกเธอ ทว่าพวกเธอก็ไม่สะทกสะท้าน นึกโล่งใจที่คนเคาะประตูเป็นยายหนู ไม่ใช่ตาแหวงสักหน่อย
ฮา! พวกเธอหัวเราะให้กันและกัน “เด็กพวกนี้กลับบ้านตัวเองเดี๋ยวนี้เลย อี่เตย อี่โบว์ อี่เจนกลับบ้านตัวเองไปเลย ค่ำแล้วฝนจะตกไม่แหกตาดูเหรอนั่น พากันมาจุดเทียนเล่นอะไรในบ้าน ไฟไหม้หัวตายแน่แม๊น้อ!!!” ยายหนูฉุนมาก ไล่พวกเธอกลับบ้าน
เตย โบว์ เจน หยิบกระเป๋านักเรียนได้วิ่งหางจุกตูดกันไปเลย กลับบ้านใครบ้านมัน ทว่าคำพูดที่โบว์พูดมันยังก้องกังวาลในหัวของเตยอยู่ทุกเมื่อ ถ้าเล่นไม่จบแล้วจะตายกันหมด ผีที่มาจะมาเอาตัวไป ทางเดียวที่จะรอดพ้นจากผีถ้วยแก้วคือ ทิ้งแก้วนั้นซะ!
ระหว่างนึกได้ เตยก็เควี้ยงแก้วกั๊กของตาทิ้งไป เพี๊ยะ! เสียงแก้วกระทบพื้นแตกกระจาย เตยยิ้มกริ่มแค่นี้ก็สบายใจได้ ผีถูกทิ้งแตกไปกับแก้วเรียบร้อยแล้ว
“ตาหาอะไรอ่ะ” เตยชำเรืองมองตาที่กำลังเดินทั่วบ้านหาอะไรสักอย่าง
“หาแก้วน่ะสิ ไม่รู้ใครเอาไป เมื่อวานเอาวางไว้เสาบ้านต้นนี้ หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อย่าให้รู้นะใครเอาไปเล่น จะตีมือมันเจ็บ ๆ เลย” ตาบ่นอุบอิบ
“นั่นไงแก้ว ในตู้อ่ะ” เธอชี้มือไปที่ตู้โชว์ เป็นแก้วใส่น้ำดื่มยายซื้อมาเก็บไว้ตั้งหลายโหล
“ไม่ใช่! มันเป็นแก้วกั๊กใบเล็ก ๆ น่ะ” ตาตอบแบบหัวเสียมาก เพราะหาแก้วไม่เจอ ตาข้างบ้านถือสาโทมาฝาก หาแก้วดื่มไม่เจอ “จะตีมันเจ็บ ๆ เลยใครเอาไปเล่นนะ!”
“เตยไม่รู้ เตยไม่เห็น เตยไม่ได้เอาไป เตยไปซื้อน้ำปลาให้ยายก่อนนะ” แล้วเธอก็รีบเดินออกจากบ้านโดยเร็ว
....แต่สิ่งที่เตยคิดเสมอมาคือ ย.ยักษ์ ใครเป็นคนดัน!! ในเมื่อทุกคนยอมรับกันแล้วว่าใครดันตัวไหนบ้าง แล้ว ย.ยักษ์ใครเป็นคนดัน ก่อนที่ยายหนูจะมา...
จบ...
ได้ไอเดียจากปลุกวิญญาณขึ้นมาคุยของพี่น้ำ ดินสอสีน้ำ ค่ะ 🤣🤣🤣🤣
แผวถ้วยกี้
เรื่องสั้น : แผวถ้วยกี้
โดย : ชลัน
สายลมพัดกรรโชกเข้ามาแรงกว่าปกติ ท้องฟ้ามืดครึ้มดำทมิฬอย่างกับจะมีพายุลูกใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อครู่มันยังแดดจ้าอยู่เลย มันผิดปกติ! ผิดวิสัย! มันต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น เตยนึกในใจ และนึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก ได้แต่บอกกับตัวเองว่าไม่น่าเลย!
บรรยากาศบริเวณรอบ ๆ เงียบสงบ บวกกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้เส้นขนทุกส่วนของร่างกายลุกชันขึ้นโดยไม่รู้ตัว เตยเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่น่าเลย! ไม่น่าเลยจริง ๆ ได้แต่บ่นพึมพำในใจ ได้ร่วมหัวจมท้ายด้วยกันแล้วก็ต้องเดินต่อไปให้จบ
แม้ลมจะพัดเข้ามาปะทะด้านในห้อง ประตูหน้าต่างเปิดปิดเสียงดังปังตามแรงลม เตยสะดุ้งโหยง แต่ก็ยังเก็บอาการ ต้องทำให้จบ ไม่อย่างนั้นจะมีอันเป็นไป ถึงจะกลัวสุดขีดก็จะล้มเลิกไม่ได้ เปลวเทียนที่ลุกโชนก็ยังสว่างไสวอยู่ทั่วบริเวณห้อง ไม่มีทีท่าว่าจะมอดดับลงไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาปะทะ นุ่นลุกขึ้นเดินไปปิดประตูหน้าต่างใส่กลอนเอาไว้แน่นหนาเลยคราวนี้ แล้วกลับมานั่งต่อ
“มาแล้วใช่ไหม !”
เจนเอ่ยถาม สายลมพัดหวีดหวิวเข้ามาปะทะประสาทสัมผัส รับรู้ถึงการมาของอะไรบางอย่าง นิ้วมือยังแตะที่ก้นแก้ว มันถูกวางคว่ำอยู่บนแผ่นกระดาษที่เขียนตัวอักษรพยัญชนะไทยด้วยสีเมจิกสีแดง และสระภาษาไทย รอบ ๆ ตัวมีเทียนปักอยู่หลายเล่ม เปลวไฟจากเทียนทำให้รู้สึกอุ่น
หลังจบคำถามของเจนแก้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปจากตำแหน่งจุดกึ่งกลาง แล้วหยุดสนิท พวกเธอลืมตาขึ้นมาดูด้วยความตกใจ เนื่องจากสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวของวัตถุ นั่นก็คือแก้วนั่นเอง โดยที่ไม่มีใครดันมันเลย
ม.ม้า มา! มาแล้วแน่นอน! พวกเธอแสดงความคิดเห็นกันกันไปต่าง ๆ นานา โดยที่ไม่มีใครเห็นเจนแสยะยิ้มเลย
เมื่อทราบว่าอะไรบางอย่างมาแล้ว ทุกคนก็หลับตากันต่อ “คุณเป็นใครคะ” โบว์เป็นคนตั้งคำถาม สักพักแก้วเคลื่อนตัวอีกครั้ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าแก้วหยุดสนิทพวกเธอก็ลืมตาขึ้นมาอีก
“ว.แหวน ว. แหวง! ตาแหวง!!!” นุ่นร้องอุทานเสียงดัง เป็นตาเธอเอง ตาของเธอชื่อแหวง ทุกคนเอามือปิดปากร้องกรี๊ดกันออกมาด้วยความกลัวสุดขีด ตาของนุ่นพึ่งเสียไปเมื่อสามเดือนก่อนนี่เอง
เจนทำท่างุนงงนิดหน่อย ตนเองเล็งไปที่ ป.ปลา ทว่าต้องตกใจเมื่อจู่ ๆ แก้วก็เคลื่นตัวไปที่ ว.แหวน โดยที่ตนเองยังไม่ดัน และเจนก็ไม่ทันเห็นโบว์แสยะยิ้มที่มุมปาก เจนขนลุกเกรียวขึ้นมาดื้อ ๆ หรือว่า!!! เฮ้ย!! เจนนึกในใจอยู่คนเดียว “ขอโทษ ๆ ตาแหวงเจนไม่ได้ลบหลู่นะ” ขอโทษขอโพยอยู่ในใจ
“ฮือ จริงเหรอนุ่นกูกลัว!” เตยเกือบจะร้องไห้ ขนลุกขนชัน ตั้งโด่เด่ไปทั่งร่างกาย มันเป็นเรื่องจริงหรือนี่ ผีถ้วยแก้วมีจริง!
เจน โบว์ นุ่น เตย พากันแอบมาเล่นผีถ้วยแก้วที่บ้านของนุ่นเอง ผู้ใหญ่ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน บรรยากาศเงียบสงัด พวกเธอจึงพากันอยากลองของ ได้ยินรุ่นพี่ที่เล่นมาก่อนเล่าให้ฟัง ผีมาจริง เชิญผีตัวไหนมาก็ได้ แล้วก็ถามในสิ่งที่อยากรู้
พวกเธอออกเงินกันซื้อเทียนเล่มเล็กมาหนึ่งซอง ๆ ละห้าบาท เตยอาสาเป็นคนนำแก้วกั๊กเหล้าขาวของตาที่บ้านมาเอง แอบขโมยมา ตาไม่เห็นชัวร์ เตยแอบหยิบใส่กระเป๋านักเรียนไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
ตอนพักกลางวันที่โรงเรียนพวกเธอช่วยกันเขียนแปนกระดาษเอง โดยการออกเงินกันซื้อกระดาษร้อยปอนด์ที่สหกรณ์โรงเรียนมาเขียน เพื่อที่จะเอามาเล่นผีถ้วยแก้ว โบว์กับเจนจะเป็นคนอาสาไปซื้อเทียนที่ร้านค้าเอง
เมื่ออุปกรณ์ครบ ทั้งสี่คนก็ช่วยกันจุดเที่ยนเป็นวงกลม แล้วพากันเข้าไปนั่งในนั้น ปิดประตูปิดหน้าต่างบ้านเอาไว้ และจัดการเล่นผีถ้วยแก้วกันเลย โดยที่ไม่รู้ว่าข้างนอกฝนกำลังจะตก มืดฟ้ามัวดินมาก
เสียงลมพัดหวีดหวิวเข้ามาผ่านช่องรูแยกของหน้าต่างไม้ บรรยากาศที่มืดผิดปกติ เสียงกิ่งมะม่วงขูดกับหลังคาสังกะสีของบ้าน ลมพัดมาทีกิ่งไม้ขูดกับสังกะสีทีพวกเธอแทบสะดุ้งโหยงกันหมดด้วยความกลัว
บรรยากาศเงียบสะงัดไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยของผู้คน “ตาแหวงสบายดีไหม” นุ่นถามต่อก่อนที่ทุกคนจะหลับตาเพื่อให้แก้วเคลื่อนที่อีก
ปั้ง! กรี๊ด!! นุ่นยังไม่ทันถามจบเสียงคนเควี้ยงหินใส่ประตูดังขึ้น พวกเธอเอามือปิดปากกรี๊ดกันสนั่น ทว่าก็ยังไม่ลุกออกจากวงเทียน เพราะยังเล่นไม่จบ ถามไม่จบ ไม่ทันได้ลา แล้วเสียงก็สงบลง ทุกคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ บางทีอาจจะเป็นก้อนหินใครเควี้ยงมาก็ได้ เด็กผู้ชายที่คุ้มของนุ่นมีเยอะ
“ตา! ตาแหวงใช่มั้ย ตาแหวงมาดีใช่มั้ย!” นุ่นถามต่อไปจนจบ พวกเธอหลับตาลงสนิท แก้วเคลื่อนไปที่ ช.ช้าง พอแก้วหยุดพวกเธอก็ลืมตาขึ้น ช.ช้าง ใช่!!! ต้องเป็นใช่แน่นอน ตาแวงมาดี พวกเธอแสดงความคิดเห็น โบว์เหงื่อซึม เมื่อครู่เธอไม่ทันได้ดันแก้ว แล้วใครดัน!
“เป็นเรื่องจริง! ผีถ้วยแก้วมีจริง” เตยสบถด้วยความเหลือเชื่อ กลัวและตื่นเต้นในอารมณ์เดียวกัน ทว่าก็เก็บอาการไว้ ไม่ให้เพื่อนรู้ว่าเมื่อสักครู่เธอเองที่ดัน ส่วนเจน โบว์ นุ่นนั้นกลัวสุดขีด
“พี่กูบอกว่าเราต้องเล่นให้จบ ต้องให้เขาไปก่อนเราถึงจะเลิกเล่นได้ ไม่อย่างนั้นจะตาย!” โบว์พูดต่อ พวกเธอทั้งสี่คนอ้าปากค้าง เบิกตากว้างกับคำพูดของโบว์
“หื่อ! ไม่น่าเล่นเลย ไม่น่าพากูเล่นเลย” ด้วยความกลัวสุดขีด เตยเกือบจะร้องไห้ออกมา ถึงจะมีส่วนแกล้งเพื่อน ทว่าก็รู้สึกกลัวพิลึก ส่วนคนที่นิ่งที่สุด เงียบที่สุดคือเจน เตยสังเกตได้ แน่นอนสิเจนเป็นคนไม่กลัวผี ไม่กลัวตาย ไม่กลัวอะไรเลยอยู่แล้วหนิ แต่เธอกลัว!
พวกเธอสี่คนพากันนั่งเล่นผีถ้วยแก้วอยู่ภายในบ้านที่มืดสนิท แสงไม่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ ไม่รู้เลยว่าเวลาล่วงเลยไปนานแค่ไหน เทียนที่จุดเป็นวงกลมรอบตัวก็จวนจะหมด น้ำตาเทียนหยดลงเต็มพื้นบ้าน แต่ละเล่มเหลือไม่เท่าไหร่ สั้นลงทุกที
“ตาแหวงไปยัง” เจนเป็นคนถามบ้าง พอถามเสร็จทุกคนก็หลับตา แล้วแก้วก็เคลื่อนตัวไปที่ ย.ยักษ์ ทุกคนลืมตาขึ้น
“เฮ้ย! ย.ยักษ์!! ยัง! ยังไม่ไปอีก!” กรี๊ด!!! “กูกลัว!” เตยร้องไห้ด้วยความกลัวสุดขีด ทั้งกลัวผีทั้งกลัวตาย ส่วนเจนก็ยังนิ่ง ทั้งโบว์และนุ่นต่างก็กลัวกันหมด จะร้องไห้กันทุกคน รอบนี้เตยไม่ได้ดัน แล้วใครดัน!!
ปั้ง! ปั้ง ๆ ๆ !!!! เสียงเคาะประตูบ้านรัว ๆ ดังขึ้น ทุกคนสะดุ้งสุดตัว เพราะอยู่ในภวังค์แห่งความกลัวกันอยู่
กรี๊ด!!!! ทุกคนกรี๊ดออกมาสุดเสียงกันเลยคราวนี้ “อย่ามาทำอะไรนุ่นกับเพื่อนเลย นุ่นไม่เล่นแล้วตาแหวง นุ่นจะไม่เล่นอีกต่อไปแล้ว! ฮือ!” นุ่นลืมตัวไปว่าเย็นแล้ว ยายน่าจะกลับมาจากนา
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้! อี่นุ่นมืงทำอะไร!!! เปิดประตูบ้านให้กูเดี๋ยวนี้!!!” เสียงยายหนู ยายของนุ่นตะโกนเรียก พร้อมตวาดให้นุ่นเปิดประตูบ้าน เพราะนุ่นเล่นล็อกบ้านเอาไว้สนิท ทั้งประตูหน้าต่าง
นุ่นวิ่งไปเปิดประตูให้ยายทันที พอเปิดประตูออกเท่านั้น แสงสว่างที่พอมีสาดส่องเข้ามาในบ้าน พบว่าข้างนอกกำลังมืดฟ้ามัวดินด้วยพายุ ฝนกำลังจะตก ลมพัดสู่เข้ามาให้รู้สึกเย็น เทียนที่กำลังจะดับก็ดับสนิทในทันที เพราะโดนลมพัดเข้าเต็ม ๆ ยายหนูเห็นถึงกับหูผึ่ง
“ฝนกำลังจะตกมืงเก็บผ้าเก็บผ่อนหรือยัง นึ่งข้าวหรือยัง แล้วใครใช้ให้มืงมาจุดเทียนในบ้าน!!! ไฟจะไหม้บ้านตายมืงรู้จักมั้ย!!” ยายหนูตวาดนุ่น และตวาดพวกเธอ ทว่าพวกเธอก็ไม่สะทกสะท้าน นึกโล่งใจที่คนเคาะประตูเป็นยายหนู ไม่ใช่ตาแหวงสักหน่อย
ฮา! พวกเธอหัวเราะให้กันและกัน “เด็กพวกนี้กลับบ้านตัวเองเดี๋ยวนี้เลย อี่เตย อี่โบว์ อี่เจนกลับบ้านตัวเองไปเลย ค่ำแล้วฝนจะตกไม่แหกตาดูเหรอนั่น พากันมาจุดเทียนเล่นอะไรในบ้าน ไฟไหม้หัวตายแน่แม๊น้อ!!!” ยายหนูฉุนมาก ไล่พวกเธอกลับบ้าน
เตย โบว์ เจน หยิบกระเป๋านักเรียนได้วิ่งหางจุกตูดกันไปเลย กลับบ้านใครบ้านมัน ทว่าคำพูดที่โบว์พูดมันยังก้องกังวาลในหัวของเตยอยู่ทุกเมื่อ ถ้าเล่นไม่จบแล้วจะตายกันหมด ผีที่มาจะมาเอาตัวไป ทางเดียวที่จะรอดพ้นจากผีถ้วยแก้วคือ ทิ้งแก้วนั้นซะ!
ระหว่างนึกได้ เตยก็เควี้ยงแก้วกั๊กของตาทิ้งไป เพี๊ยะ! เสียงแก้วกระทบพื้นแตกกระจาย เตยยิ้มกริ่มแค่นี้ก็สบายใจได้ ผีถูกทิ้งแตกไปกับแก้วเรียบร้อยแล้ว
“ตาหาอะไรอ่ะ” เตยชำเรืองมองตาที่กำลังเดินทั่วบ้านหาอะไรสักอย่าง
“หาแก้วน่ะสิ ไม่รู้ใครเอาไป เมื่อวานเอาวางไว้เสาบ้านต้นนี้ หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อย่าให้รู้นะใครเอาไปเล่น จะตีมือมันเจ็บ ๆ เลย” ตาบ่นอุบอิบ
“นั่นไงแก้ว ในตู้อ่ะ” เธอชี้มือไปที่ตู้โชว์ เป็นแก้วใส่น้ำดื่มยายซื้อมาเก็บไว้ตั้งหลายโหล
“ไม่ใช่! มันเป็นแก้วกั๊กใบเล็ก ๆ น่ะ” ตาตอบแบบหัวเสียมาก เพราะหาแก้วไม่เจอ ตาข้างบ้านถือสาโทมาฝาก หาแก้วดื่มไม่เจอ “จะตีมันเจ็บ ๆ เลยใครเอาไปเล่นนะ!”
“เตยไม่รู้ เตยไม่เห็น เตยไม่ได้เอาไป เตยไปซื้อน้ำปลาให้ยายก่อนนะ” แล้วเธอก็รีบเดินออกจากบ้านโดยเร็ว
....แต่สิ่งที่เตยคิดเสมอมาคือ ย.ยักษ์ ใครเป็นคนดัน!! ในเมื่อทุกคนยอมรับกันแล้วว่าใครดันตัวไหนบ้าง แล้ว ย.ยักษ์ใครเป็นคนดัน ก่อนที่ยายหนูจะมา...
จบ...
ได้ไอเดียจากปลุกวิญญาณขึ้นมาคุยของพี่น้ำ ดินสอสีน้ำ ค่ะ 🤣🤣🤣🤣