อาจมีบางคนสงสัยว่า ...
จุดกึ่งกลางที่เชื่อมต่อให้โลก
ฝั่งตะวันออกและตะวันตก
มาบรรจบกันนั้น อยู่แห่งหนใด ...
ในทางภูมิศาสตร์ มีหลายประเทศที่อยู่ใน
กลุ่มประเทศสองทวีป โซนยุโรปและเอเชีย
หรือ Transcontinental countries
เช่น รัสเซีย ตุรกี และคาซัคสถาน
จากหลายประเทศเหล่านั้น
ยังมีอีก 2 ประเทศที่น่าสนใจ
นั้นคือ ประเทศจอร์เจีย และอาร์เมเนีย
ตั้งอยู่ภายใต้ร่มเงาของเทือกเขาคอเคซัส
ซึ่งทำหน้าที่แบ่งพรมแดน
ระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย
เป็นที่ซึ่งอารยธรรมตะวันตกบรรจบกับตะวันออก
พวกเรา CrossCutting Journey
จึงออกเดินทางทริปนี้ เพื่อไปสัมผัสและทำความรู้จัก
ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
รวมถึงเชิงสังคม และผู้คนที่เราได้พบเจอระหว่างทาง
ยังมีสถานที่ และเรื่องราวมากมายที่เรายังไม่เคยรู้
ซึ่งควรค่าทำความเข้าใจ และเพิ่มเติมประสบการณ์
มาออกเดินทางไปด้วยกันเลยครับ
ยินดีทักทายพูดคุยกันต่อได้ที่
https://www.facebook.com/thecrosscutting/
ขอบคุณพันทิปและเพื่อนๆ ทุกคนครับ
และสามารถติดตามชมรูปแบบวีดีโอบันทึกการเดินทาง
ได้ที่ช่อง CrossCutting Channel หรือลิ้งค์นี้ครับ
___________________________________________________________________________
ในช่วงเวลาที่พวกเราออกเดินทางไปจอร์เจีย
ยังไม่มีไฟลท์บินตรง จากกรุงเทพฯ ไปทบิลีซี
และยังไม่มีสายการบิน จากสนามบินดอนเมือง
การเดินทางทริปนี้ จึงเริ่มที่สนามบินสุวรรณภูมิ...
พวกเราเลือกเดินทางสายการบิน Fly Dubai
สายการบินราคาประหยัดจากประเทศ UAE
ต้องไป transit รอต่อเครื่องประมาณ 6 ชั่วโมงที่สนามบินดูไบ
ซึ่งจะไปถึงที่ทบิลีซี เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย
ราวๆ ตีสี่ เช้าของวันถัดไป
___________________________________________________________________________
ที่ทบิลีซีพวกเราเลือกพักโรงแรมเล็กๆ ชื่อ Lotus Hotel
อยู่ใกล้ย่านชุมชนจะได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนในทบิลีซี
และใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน อัพลาบารี่ รวมถึง วิหารโฮลี่ทรีนิตี้ ออฟ ทบิลีซี อีกด้วย
หลังจากเช็คอินช่วงเช้ามืด ได้นอนพักนิดหน่อย
... ตื่นมาไม่มีเจ็ตแลค
พอกินอาหารเช้าเสร็จ ก็ออกไปสำรวจเมืองกันเลย
ระหว่างทางเดินจากที่พัก ผ่านแผงขายของข้างทาง
สายตาเหลือบเห็น ของกินหน้าตาประหลาดแขวนเรียงอยู่
มีสีสันหลากหลาย ตัดสินใจเดินเข้าไปถามคนขายเลยดีกว่า
คนขายบอกว่า นี่เป็นของกินเล่นยอดนิยมของคนจอร์เจีย
เป็นของหวานที่ราคาไม่แพง ชื่อว่า ‘คูซเชลา’ (Churchkhela)
วิธีการทำคูซเชล่า คือ เอาวอลนัทหรือถั่วต่างๆ ไปร้อยกับด้ายให้เป็นเส้นยาว
แล้วเคลือบในน้ำเชื่อมองุ่นที่เคี่ยวกับแป้งและน้ำตาล จากนั้นนำไปตากแห้ง
ทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วันก็ทานได้
พวกเราเลยต้องลองซื้อมาชิม เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงจอร์เจีย
... รสชาติของคูซเชล่าออกฝาดๆ มันๆ ผมเองก็บรรยายไม่ถูก
เอาเป็นว่า อยากให้คุณได้มาลองชิมเองดีกว่าครับ …
หลังจากหยุดชิมคูซเซล่าแล้ว
พวกเราเดินต่อไปเรื่อยๆ จุดหมายคือ โบสถ์เมเตห์คี
จากหน้าสถานีรถไฟใต้ดินอัพลาบารี่ พวกเราเดินตามทางไป "ยุโรปสแควร์"
ซึ่งอยู่ใกล้ๆ โบสถ์เมเตคี และยังเป็นใจกลางเมืองทบิลีซีอีกด้วย
โบสถ์เมเตคี เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของทบิลิซีและจอร์เจีย
ตั้งอยู่บนเนินเขา ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำมตควารี่ ของถนนเมเตคี ในเขตเมืองเก่า
โดยเป็นเขตพื้นที่อยู่อาศัยแรกตั้งแต่เริ่มสร้างเมืองทบิลีซี …
ตามตำนานเล่าว่า ช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนถูกสร้างเป็นเมือง
ดินแดนของทบิลิซีนั้นถูกปกคลุมด้วยป่าไม้หนาทึบ
กษัตริย์วัคตัง ที่หนึ่ง จอร์กาซาลี แห่งอาณาจักรไอบีเรีย
ได้ออกไปล่าสัตว์ในบริเวณผืนป่านั้นพร้อมเหยี่ยวคู่ใจ
ขณะที่กำลังล่าสัตว์อยู่นั้น
เหยี่ยวของพระองค์ได้ต่อสู้กับไก่ฟ้า
และพลัดตกลงไปตายในบ่อน้ำพุร้อนบริเวณป่าแห่งนั้น
พระองค์เกิดความพอพระทัยในดินแดนแห่งนั้น
จึงสั่งให้มีการรื้อป่า และสร้างเมืองขึ้นมา
โดยเรียกซื่อเมืองนั้นว่า ทบิลิซี หมายถึง ดินแดนอันอบอุ่น …
ต่อมากษัตริย์ดาซี โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์
จึงได้ย้ายเมืองหลวงจากมิชเคตา ที่อยู่ห่างไปประมาณ 25 กิโลเมตร
มาที่เมืองทบิลีซี
นับแต่นั้นมา ทบิลีซี กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้า อุตสาหกรรม
สังคมและวัฒนธรรมในภูมิภาคคอเคซัส ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปยุโรป
จึงมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์…
หลังจากสร้างเมืองทบิลิซีแล้ว กษัตริย์วัคตังที่หนึ่ง
จึงได้สร้างพระราชวัง ป้อมปราการและโบสถ์บนเนินเขา
ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำมตควารี่ ในเขตที่เรียกว่า "เมเตคี"
ต่อมาพระราชวังและโบสถ์เมเตคี
ทำหน้าที่เป็นที่พักอาศัยของกษัตริย์จอร์เจียหลายพระองค์
ในอดีตเมืองทบิลิซีถูกบุกรุก ทำลาย และยึดครองหลายครั้ง
โบสถ์เมเตคีแห่งนี้ ก็ถูกผู้รุกรานทำลายเสียหายแทบทุกครั้งเช่นกัน
รวมถึงถูกเปลี่ยนบทบาทไปหลายแบบ
ทั้งเป็นเรือนจำและเป็นคลังแสงเก็บอาวุธ…
อย่างไรก็ตามในปี 1988 โบสถ์เมเตคี ได้กลับมาเป็นที่นมัสการ
ของศาสนาคริสต์นิกายจอร์เจียนออร์โธด็อกซ์อีกครั้ง
ได้กลับมาทำหน้าที่เดิมอย่างที่ควรเป็น
ทุกวันนี้โบสถ์เมเตคี และรูปปั้นของกษัตริย์วัคตัง ผู้ก่อตั้งเมือง
ตั้งอยู่อย่างภาคภูมิ เป็นแลนด์มาร์คที่ผู้มาเยือนทบิลีซี ต้องห้ามพลาด...
ประตูสู่คอร์เคซัส EP.1 ทบิลิซี จอร์เจีย | Gateway to the Caucasus – Tbilisi, Georgia
อาจมีบางคนสงสัยว่า ...
จุดกึ่งกลางที่เชื่อมต่อให้โลก
ฝั่งตะวันออกและตะวันตก
มาบรรจบกันนั้น อยู่แห่งหนใด ...
ในทางภูมิศาสตร์ มีหลายประเทศที่อยู่ใน
กลุ่มประเทศสองทวีป โซนยุโรปและเอเชีย
หรือ Transcontinental countries
เช่น รัสเซีย ตุรกี และคาซัคสถาน
จากหลายประเทศเหล่านั้น
ยังมีอีก 2 ประเทศที่น่าสนใจ
นั้นคือ ประเทศจอร์เจีย และอาร์เมเนีย
ตั้งอยู่ภายใต้ร่มเงาของเทือกเขาคอเคซัส
ซึ่งทำหน้าที่แบ่งพรมแดน
ระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชีย
เป็นที่ซึ่งอารยธรรมตะวันตกบรรจบกับตะวันออก
พวกเรา CrossCutting Journey
จึงออกเดินทางทริปนี้ เพื่อไปสัมผัสและทำความรู้จัก
ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม
รวมถึงเชิงสังคม และผู้คนที่เราได้พบเจอระหว่างทาง
ยังมีสถานที่ และเรื่องราวมากมายที่เรายังไม่เคยรู้
ซึ่งควรค่าทำความเข้าใจ และเพิ่มเติมประสบการณ์
มาออกเดินทางไปด้วยกันเลยครับ
ยินดีทักทายพูดคุยกันต่อได้ที่ https://www.facebook.com/thecrosscutting/
ขอบคุณพันทิปและเพื่อนๆ ทุกคนครับ
และสามารถติดตามชมรูปแบบวีดีโอบันทึกการเดินทาง
ได้ที่ช่อง CrossCutting Channel หรือลิ้งค์นี้ครับ
___________________________________________________________________________
ในช่วงเวลาที่พวกเราออกเดินทางไปจอร์เจีย
ยังไม่มีไฟลท์บินตรง จากกรุงเทพฯ ไปทบิลีซี
และยังไม่มีสายการบิน จากสนามบินดอนเมือง
การเดินทางทริปนี้ จึงเริ่มที่สนามบินสุวรรณภูมิ...
พวกเราเลือกเดินทางสายการบิน Fly Dubai
สายการบินราคาประหยัดจากประเทศ UAE
ต้องไป transit รอต่อเครื่องประมาณ 6 ชั่วโมงที่สนามบินดูไบ
ซึ่งจะไปถึงที่ทบิลีซี เมืองหลวงของประเทศจอร์เจีย
ราวๆ ตีสี่ เช้าของวันถัดไป
___________________________________________________________________________
ที่ทบิลีซีพวกเราเลือกพักโรงแรมเล็กๆ ชื่อ Lotus Hotel
อยู่ใกล้ย่านชุมชนจะได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนในทบิลีซี
และใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน อัพลาบารี่ รวมถึง วิหารโฮลี่ทรีนิตี้ ออฟ ทบิลีซี อีกด้วย
หลังจากเช็คอินช่วงเช้ามืด ได้นอนพักนิดหน่อย
... ตื่นมาไม่มีเจ็ตแลค
พอกินอาหารเช้าเสร็จ ก็ออกไปสำรวจเมืองกันเลย
ระหว่างทางเดินจากที่พัก ผ่านแผงขายของข้างทาง
สายตาเหลือบเห็น ของกินหน้าตาประหลาดแขวนเรียงอยู่
มีสีสันหลากหลาย ตัดสินใจเดินเข้าไปถามคนขายเลยดีกว่า
คนขายบอกว่า นี่เป็นของกินเล่นยอดนิยมของคนจอร์เจีย
เป็นของหวานที่ราคาไม่แพง ชื่อว่า ‘คูซเชลา’ (Churchkhela)
วิธีการทำคูซเชล่า คือ เอาวอลนัทหรือถั่วต่างๆ ไปร้อยกับด้ายให้เป็นเส้นยาว
แล้วเคลือบในน้ำเชื่อมองุ่นที่เคี่ยวกับแป้งและน้ำตาล จากนั้นนำไปตากแห้ง
ทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วันก็ทานได้
พวกเราเลยต้องลองซื้อมาชิม เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงจอร์เจีย
... รสชาติของคูซเชล่าออกฝาดๆ มันๆ ผมเองก็บรรยายไม่ถูก
เอาเป็นว่า อยากให้คุณได้มาลองชิมเองดีกว่าครับ …
หลังจากหยุดชิมคูซเซล่าแล้ว
พวกเราเดินต่อไปเรื่อยๆ จุดหมายคือ โบสถ์เมเตห์คี
จากหน้าสถานีรถไฟใต้ดินอัพลาบารี่ พวกเราเดินตามทางไป "ยุโรปสแควร์"
ซึ่งอยู่ใกล้ๆ โบสถ์เมเตคี และยังเป็นใจกลางเมืองทบิลีซีอีกด้วย
โบสถ์เมเตคี เป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของทบิลิซีและจอร์เจีย
ตั้งอยู่บนเนินเขา ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำมตควารี่ ของถนนเมเตคี ในเขตเมืองเก่า
โดยเป็นเขตพื้นที่อยู่อาศัยแรกตั้งแต่เริ่มสร้างเมืองทบิลีซี …
ตามตำนานเล่าว่า ช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนถูกสร้างเป็นเมือง
ดินแดนของทบิลิซีนั้นถูกปกคลุมด้วยป่าไม้หนาทึบ
กษัตริย์วัคตัง ที่หนึ่ง จอร์กาซาลี แห่งอาณาจักรไอบีเรีย
ได้ออกไปล่าสัตว์ในบริเวณผืนป่านั้นพร้อมเหยี่ยวคู่ใจ
ขณะที่กำลังล่าสัตว์อยู่นั้น
เหยี่ยวของพระองค์ได้ต่อสู้กับไก่ฟ้า
และพลัดตกลงไปตายในบ่อน้ำพุร้อนบริเวณป่าแห่งนั้น
พระองค์เกิดความพอพระทัยในดินแดนแห่งนั้น
จึงสั่งให้มีการรื้อป่า และสร้างเมืองขึ้นมา
โดยเรียกซื่อเมืองนั้นว่า ทบิลิซี หมายถึง ดินแดนอันอบอุ่น …
ต่อมากษัตริย์ดาซี โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์
จึงได้ย้ายเมืองหลวงจากมิชเคตา ที่อยู่ห่างไปประมาณ 25 กิโลเมตร
มาที่เมืองทบิลีซี
นับแต่นั้นมา ทบิลีซี กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้า อุตสาหกรรม
สังคมและวัฒนธรรมในภูมิภาคคอเคซัส ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียกับทวีปยุโรป
จึงมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์…
หลังจากสร้างเมืองทบิลิซีแล้ว กษัตริย์วัคตังที่หนึ่ง
จึงได้สร้างพระราชวัง ป้อมปราการและโบสถ์บนเนินเขา
ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำมตควารี่ ในเขตที่เรียกว่า "เมเตคี"
ต่อมาพระราชวังและโบสถ์เมเตคี
ทำหน้าที่เป็นที่พักอาศัยของกษัตริย์จอร์เจียหลายพระองค์
ในอดีตเมืองทบิลิซีถูกบุกรุก ทำลาย และยึดครองหลายครั้ง
โบสถ์เมเตคีแห่งนี้ ก็ถูกผู้รุกรานทำลายเสียหายแทบทุกครั้งเช่นกัน
รวมถึงถูกเปลี่ยนบทบาทไปหลายแบบ
ทั้งเป็นเรือนจำและเป็นคลังแสงเก็บอาวุธ…
อย่างไรก็ตามในปี 1988 โบสถ์เมเตคี ได้กลับมาเป็นที่นมัสการ
ของศาสนาคริสต์นิกายจอร์เจียนออร์โธด็อกซ์อีกครั้ง
ได้กลับมาทำหน้าที่เดิมอย่างที่ควรเป็น
ทุกวันนี้โบสถ์เมเตคี และรูปปั้นของกษัตริย์วัคตัง ผู้ก่อตั้งเมือง
ตั้งอยู่อย่างภาคภูมิ เป็นแลนด์มาร์คที่ผู้มาเยือนทบิลีซี ต้องห้ามพลาด...