Ep.8 พาไปเที่ยวประเทศจอร์เจีย (เที่ยวกรุงทบิลิซี+เมืองบาทูมิ!!)

4 วัน 3 คืน สำหรับการโบกรถ
จากกรุงมอสโก-กรุงทบิลิซี ทำให้ร่างกายของผมรวน
รวมถึงความเมื่อยล้าและอ่อนเพลีย ผมจึงต้องการใช้ที่นี่
เป็นแหล่งชาร์จพลังงานภายในตัว
หวังว่าความสวยงามของจอร์เจีย จะช่วยเยียวยาผมได้
- ตามอ่านกระทู้ย้อนหลัง -

Ep.7 : โบกรถ 7 วัน 6 คืน จากกรุงมอสโก-ทบิลิซี-อิสตันบูล (รัสเซีย-จอร์เจีย-ตุรกี) กว่า 3,000 กิโลเมตร *ตอนที่1*


หากเพื่อนๆอยากทราบ
เรื่องราวและข้อมูลการเดินทางของผมเพิ่มเติมแบบ
ละเอียดยิบ สามารถเข้าไปติดตามได้ใน

FB Page : หาตังค์เที่ยวรอบโลก
YouTube : North Vlog


        "ความสวยงามเยียวยาได้ทุกสิ่งจริงๆ" ระหว่างทางที่ผมกำลังโบกรถจากกรุงมอสโก-เมืองทบิลิซี ผมรู้สึกเหนื่อยและเมื่อยล้าสุดๆ ไม่มีการพยายามทำอะไรที่จะเหนื่อยไปมากกว่านี้อีกแล้ว ผมคิดว่าเมื่อไหร่ที่ผมไปถึงเมืองทบิลิซี ผมจะนอนพักผ่อนให้หนำใจ เพื่อชาร์จพลังให้เต็มที่สำหรับการเดินทางครั้งใหม่

        แต่ไม่ทันจะไปถึงเมืองทบิลิซี ผมก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ภูเขาสูงชันสลับไปมาที่อยู่ตรงหน้า ระหว่างด่านพรมแดนธรรมชาติ รัสเซีย-จอร์เจีย มันทำให้ผมตาค้างได้แบบไม่รู้ตัว

         ผมโชคดีมากที่การโบกรถครั้งแรกในชีวิตจบลงด้วยดี ไม่มีเรื่องร้ายๆหรืออันตรายใดๆเกิดขึ้นตลอดการเดินทาง ตรงกันข้ามกัน ผมกลับพบเจอแต่ผู้คนดีๆและมิตรภาพที่น่ารัก แม้กระทั่งชายวัย 50 ต้นๆที่ตัดสินใจจอดรถรับผมตรงหน้าด่านชายแดน (ไม่สามารถเดินเท้าข้ามแดนนี้ได้)

          ผมถามหน่อยครับว่า ถ้ามีใครสักคนมายืนโบกรถ ตอนที่คุณกำลังจะขับรถข้ามแดนจากไทย-มาเลเซีย คุณจะกล้าจอดรับมั้ย? ชายแปลกหน้าที่เป็นใครก็ไม่รู้? มีอาวุธ สิ่งเสพติดหรือของผิดกฎหมายรึป่าว? ถ้ามีแล้วขืนคุณรับขึ้นมาบนรถ เท่ากับว่าคุณสมรู้ร่วมคิดในการขนย้ายของผิดกฎหมายระหว่างประเทศ "ซวยเลยครับถ้าเป็นแบบนี้"

            แต่คุณอาชาวจอร์เจียนคนนี้ ตัดสินใจจอดรถรับผมอย่างไม่ลังเล อีกทั้งพวกเราไม่สามารถสื่อสารภาษาเดียวกันได้ ใช้ภาษามือล้วนๆ คุณอาใจดีและน่ารักมากๆ ถ้าไม่ได้คุณอา ผมคงข้ามด่านพรมแดนนี้ไปไม่ได้ ต้องขอขอบคุณเลยครับ

         โชคดีสองต่อครับ คุณอาพาข้ามแดนมาได้ยังไม่พอ แต่แกจะพาผมไปส่งที่กรุงทบิลิซีเลย เพราะแกกำลังจะไปเมืองหลวงพอดี ผมจึงไม่ต้องโบกรถทางฝั่งจอร์เจียอีกต่อไป ปิดจ็อบการโบกรถครั้งนี้แบบสวยๆ พร้อมวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่โคตรอลังการสวยงามสุดๆ ผมกำลังนั่งชมวิวไปพร้อมๆกับใจเต้นตึกตักๆ คุณอากำลังขับรถฉวัดเฉลียวไปมาตามแนวภูเขาที่สูงชันทางตอนเหนือของประเทศจอร์เจีย

         4 วัน 3 คืนที่ผมใช้ในการเดินเล่นและพักผ่อนภายในกรุงทบิลิซี ยิ่งทำให้ผมเหนื่อยมากขึ้น เอ้า ฮ่าๆๆ เหตุเป็นเพราะกรุงทบิลิซีเป็นเมืองที่สร้างบนภูเขา ดังนั้นเวลาที่ผมเดินเที่ยว ผมจะต้องใช้แรงเยอะมากในการเดินขึ้นๆลงๆ ไม่มีการพักผ่อนใดๆเกิดขึ้น เพราะตั้งแต่วันแรกที่ผมเดินทางมาถึง ผมโยนกระเป๋าและออกเที่ยวทันที (ขออภัยในความตื่นเต้นนะครับทุกคน)

          วันแรกที่ผมเดินทางมาถึงที่นี่ ตรงกับช่วงเทศกาลไวน์ ซึ่งเป็นเทศกาลประจำปีของประเทศจอร์เจีย มีผู้คนหลั่งไหลเดินทางมาจากทั่วสารทิศ เพื่อตั้งใจมาร่วมงานนี้ ทำให้ภายในงานคลาคล่ำไปด้วยผู้คน คนเยอะมากขนาดเดินเบียดเสียดกัน ถ้าเป็นช่วงนี้ก็คงติดโควิดกันไปหมดแล้ว 
           เหตุผลที่ประเทศจอร์เจียมีเทศกาลไวน์ประจำปี สาเหตุเนื่องมาจากการที่พวกเขาเคลมว่า ประเทศของพวกเขาเป็นประเทศต้นกำเนิดของไวน์ ไวน์ของพวกเขาเป็นสูตรดั้มเดิมที่ถูกสืบทอดมาตั้งแต่ยุคเเรกเริ่มหลายพันปีมาแล้ว แน่นอนว่ารสชาติไวน์ของที่นี่มีคุณภาพระดับพรีเมียม อีกทั้งราคาแสนถูก ผมเคยไปซื้อไวน์ส้มกับเพื่อนขวดนึง 100 กว่าบาทเอง "รสชาติดีโคตร"  

            พูดถึงเรื่องของถูก จอร์เจียเป็นประเทศหนึ่งที่ราคาของกินและของใช้ถูกมาก หลายๆสิ่งถูกกว่าที่ไทยซะอีก จะซื้ออะไรก็ไม่ต้องคิดมาก อยากได้ก็ซื้อมาลองเลย สวรรค์ของนักเดินทางสายประหยัดชัดๆ

            กรุงทบิลิซีเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันๆปี ซึ่งทำเลที่ตั้งของเมืองที่อยู่คาบเกี่ยวระหว่างทวีปยุโรป-เอเชียแบบนี้ ทำให้ในอดีตพื้นที่ตรงจุดนี้ เป็นทางผ่านของกองทัพคริสตจักรและกองทัพของโลกมุสลิมในสงครามครูเสด

             เมื่อมีการสัญจรไปมาระหว่างผู้คนสองทวีป ทำให้มีการเผยแพร่วัฒนธรรมไปมา สถาปัตยกรรมของกรุงทบิลิซีจึงมีการผสมผสานระหว่างยุโรป-เอเชีย เป็นเสน่ห์และจุดเด่นที่ทำให้นักท่องเที้ยวจากทั่วโลกอยากจะเดินทางมาเยี่ยมชมด้วยตาตัวเอง ซึ่งถ้าความเห็นของผมคงต้องบอกเลยครับว่า "สถาปัตยกรรมที่นี่สวยงามมากจริงๆ มันดูเก่าแก่คลาสสิกสุดๆ"           

             ผมเริ่มจากการเดินเล่นภายในเมือง ต่อด้วยการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญภายในเมือง

จุดชมวิวตรงป้อมนาริกาลา
ป้อมนาริกาลา
สะพานแห่งสันติภาพ
น้ำำตกเลกทากิวี
พรมเก่าแก่ของจอร์เจีย

โรงอาบน้ำโบราณ อะบาโนตูบานี
โบสถ์เมเตคี
         หลังจากผมเที่ยวในกรุงทบิลิจนเต็มอิ่ม ผมออกเดินทางด้วยรถไฟภายในประเทศ จากกรุงทบิลิซี-เมืองบาทูมิ จำได้ว่าผมไปถึงเมืองบาทูมิกลางดึก โดยที่ยังไม่ได้จองที่พักเอาไว้เลย ผมจึงใช้เต็นท์ที่พกมากางที่ชายหาดทะเลดำซะเลย บรรยากาศดีมากครับ ลมเย็นสบายทั้งคืน 

 
           เช้าวันต่อมาผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเม็ดฝนกระทบเต็นท์ อากาศค่อนข้างหนาว ลมค่อนข้างแรง ผมใช้เวลาช่วงที่ฝนปรอยเดินเล่นตรงชายหาดทะเลดำ "เย้ และแล้วเราก็ได้มาเห็นทะเลดำแล้ว เย้ Black Sea"

             เมืองบาทูมิ (Batumi) เมืองนี้เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลบนชายฝั่งตะวันออกของทะเลดำ เป็นเมืองหลวงของอัตจารา (Ajara) เป็นสาธารณรัฐอิสระที่ปกครองตนเอง อยู่ทางด้านตะวันตกของประเทศจอร์เจีย ครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้าง และมีสภาพภูมิทัศน์ที่หลากหลายแตกต่างกัน มีทั้งบริเวณเทือกเขาสูงที่อุดมไปด้วยป่าไม้เขียวขจี ไปจนถึงเนินเขาที่เขียวชอุ่ม เป็นหนึ่งในเมืองที่มีทิวทัศน์สวยที่สุดของจอร์เจีย 

ใกล้เที่ยงผมเเบกเป้เที่ยวภายในเมืองและเริ่มมองหาที่พักใกล้แหล่งท่องเที่ยว
(ผมได้โฮสเทลราคาคืนละ 60 บาท)

บรรยากาศภายในเมืองบาทูมิ

       ชายหาดทะเลดำจะเป็นชายหาดหิน ไม่มีหาดทรายเหมือนบ้านเราเลย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้มาสัมผัส
บอกเลยครับว่าเดินยากมาก สะดุดไปสะดุดมา เกือบหัวทิ่ม ชายหาดทรายบ้านเราฟินส์กว่าเยอะ

เคบับของที่นี่รถชาติไม่แพ้ตุรกีเลยครับ

คงเป็นการพักผ่อนที่ไม่ได้พักผ่อนสักเท่าไหร่
เพราะทุกวันที่อยู่ที่นี่ผมเดินเที่ยวทุกวัน
จริงๆแล้วการพักผ่อนไม่ใช่แค่การนอนหลับ
บนเตียงสบายๆหลายๆชั่วโมง
แต่การพักผ่อนคือการได้มาเห็นสิ่งสวยงาม ประเทศจอร์เจียมีให้คุณได้มาชื่นชม

- ติดตามตอนต่อไป -
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่