สิ่งที่ยังเข้าใจกันผิดสำหรับคนที่อยากเป็นแอร์สจ๊วต

❓ต้องเรียน “การบิน”ไหม? ต้องเรียนอะไรถึงสมัครได้
✅ เรียนจบคณะอะไรมา ก็สมัครแอร์ สจ๊วตได้ค่ะ ขอแค่ให้มีวุฒิตรงตามที่เค้าขอ เช่น สายการบินตะวันออกกลาง เค้าต้องการแค่วุฒิ ม.6 น้องจะจบ ปวช, ปวศ จบมหาวิทยาลัย ก็สมัครได้ค่ะ  ส่วนสายการบินในไทยส่วนมากจะต้องการปริญญาตรี น้องจะจบคณะไหนมาก็ได้ วิศวะ, สถาปัตยกรรมศาสตร์, พยาบาล, จิตรกรรม ตราบใดที่มีวุฒิและมีใจก็มาสมัครได้ค่ะ 
กรรมการไม่ได้จะมองหาแต่คนที่จบตรงเท่านั้น เค้ามองหาคนที่จะมาทำงานลูกเรือได้ดีค่ะ ถ้าตอนสัมภาษณ์งาน เราสามารถทำให้กรรมการเห็นได้ว่าเรามีคุณสมบัติที่ตรงและเหมาะสมกับงานอย่างไร เราก็เป็นแอร์สจ๊วตได้ค่ะ 
โค้ชเองก็มีลูกศิษย์จบวิศวะ, จบทันต,จบสถาปัตย์, จบพยาบาล, ไปเป็นแอร์เป็นสจ๊วตกันเยอะแยะค่ะ 😊😊

❌เป็นแอร์สจ๊วตต้องสำเนียงดี British accent 🇬🇧
✅ สำเนียงเป็นตัวบอกภูมิลำเนา เช่น คนอินเดีย ก็มีสำเนียงอินเดีย คนไทยก็มีสำเนียงไทย ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และสำเนียงไม่ใช่ตัวบอกความสามารถในการสื่อสาร การใช้ภาษาได้ถูกหลัก เช่น Basic grammar อาจจะสำคัญกว่าสำเนียงด้วยซ้ำ 

❓แอร์ต้องผิวดีมากไหม
✅ เอาจริง มันขึ้นอยู่กับสายการบินนะ บางสายเค้าเน้นงานผิว ก็ต้องผิวดีจริงๆ เช่น Qatar ที่เวลามารับสมัครมีการขอให้โรงแรมเพิ่มไฟในห้องสัมภาษณ์ มีการขอให้ผู้สมัครยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ และบางครั้งถึงขั้น ให้ผู้สมัครไปล้างหน้าก็มี
หรือ Singapore Airlines ที่ก็เคร่งกับเรื่องแผลเป็นมากๆ โค้ชมีลูกศิษย์ที่รอบไฟนอล โดนให้ไปล้างแขนเพราะกรรมการเห็นรอยแผลเป็นจางๆ และสุดท้ายน้องก็ตกสัมภาษณ์รอบนั้น แต่น้องก็ได้ไปเป็นเอมิเรตส์แทน 
หลายๆสายการบินเค้าก็ไม่ได้เคร่งมากเรื่องผิว  อย่างเอมิเรตส์ นกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย หรือแม้แต่การบินไทย โค้ชก็มีลูกศิษย์ที่มีรอยแผลเป็น หรือมีสิวในวันสมัคร แต่น้องก็ผ่านสัมภาษณ์มาได้ กรรมการแต่ละสายมองไม่เหมือนกันค่ะ 😊

❓ตอนนี้เรียนปี 4 อยากเป็นแอร์ จะไปwork and travel ก็ไม่ได้ เพราะโควิด ควรเตรียมตัวอย่างไร
💡 ถึงน้องๆจะไปเก็บประสบการณ์การทำงานที่ต่างประเทศยังไม่ได้ในช่วงนี้ แต่น้องก็ยังเก็บประสบการณ์การทำงานในเมืองไทยได้ ลองหา part-time ตามร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านไอติม ถ้าเลือกได้ ไปย่านที่มีคนต่างชาติอาศัยอยู่ยิ่งดี แต่ถ้าน้องไปสมัครแล้ว ยังไม่ทีที่ไหนเรียก ลองงานขายดูค่ะ มันเป็นงานที่ได้เจอลูกค้าได้พัฒนาทักษะในการสื่อสารเช่นกัน ไม่ว่าจะทางโทรศัพท์ หรือแบบออกไปจัดบูธเจอลูกค้าตัวเป็นๆเลย ยังไง เราก็ยังได้ฝึกการพูดคุยกับลูกค้า ดีกว่าจะไม่ทำงานอะไร
อย่ามองที่ตัวเลขของอัตราค่าจ้าง ให้มองว่าเรากำลังเก็บประสบการณ์และความรู้ในการทำงาน
ใบปริญญามีค่าตอนเราจะเดินออกจากมหาวิทยาลัย แต่ประสบการณ์คือใบเบิกทางให้เราเดินออกไปสู่โลกแห่งการทำงานค่ะ สมัยนี้ ถ้ามีประสบการณ์การทำงานติดตัวมาบ้าง เราจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่น 💪🏻💪🏻

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่