จำเป็นไหมที่เราจะต้องช่วยหารเงินซื้อของเยี่ยมไข้คนป่วยในที่ทำงาน ที่เราแทบไม่รู้จักเลย

คนป่วยที่เราพูดถึง เป็นพนักงานในที่ทำงาน ซึ่งแทบไม่รู้จัก คือรู้จักแต่ไม่เคยพูดคุยกับเขา เพราะไม่ได้ทำงานร่วมกัน
แผนกที่เราทำงานอยู่ เป็นแผนกที่เพิ่งตั้งใหม่ โดยการแบ่งโอนพนักงานจากแผนกอื่นมาทำงานแผนกใหม่นี้
แล้วคนที่ป่วยก็เคยอยู่แผนกเดียวกับพนักงานคนอื่นๆ ที่ย้ายมาแผนกใหม่ แต่เขาไม่ได้ย้ายมาด้วย
ส่วนเรา ไม่ได้ย้ายมาจากแผนกเดียวกับคนอื่นๆ เราย้ายมาจากคนละแผนกกับพวกเขา มาแบบโดดเดี่ยว เราจึงไม่รู้จักคนที่ป่วย
ทีนี้ถึงจะอยู่คนละแผนกกับคนป่วยแล้ว แต่ด้วยความที่รู้จักกัน หัวหน้าก็จะซื้อของไปเยี่ยมไข้เขา โดยรวมเงินจากพนักงานในแผนกใหม่
ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ก็จะร่วมออกเงิน มีไม่กี่คนที่ไม่ร่วมด้วย คนที่ไม่ร่วม ก็จะไม่ร่วมทุกครั้ง ส่วนคนที่ร่วม ก็จะร่วมทุกครั้ง
เราเองก็ร่วมหารตลอด เพราะคิดว่าเป็นน้ำใจ และซื้อใจหัวหน้า ทั้งๆที่เราแทบไม่รู้จักคนที่ป่วยเลย ไม่เคยร่วมงานกัน
หัวหน้าก็มีจิตวิทยาสูง คือแทนที่จะถามลูกน้องว่า "มีใครจะร่วมซื้อของเยี่ยมไข้บ้าง" ก็จะถามว่า "มีใครจะไม่ร่วมซื้อของเยี่ยมไข้บ้าง"
แต่พอเราช่วยหารหลายๆครั้งเข้า (ด้วยความที่แผนกเก่าของหัวหน้ามีคนเยอะ ป่วยหลายคน หลายครั้ง) และส่วนใหญ่เป็นคนที่เราไม่รู้จัก
เราก็มารู้สึกว่า มันจำเป็นด้วยหรือที่เราจะต้องช่วยออกเงินซื้อของเยี่ยมไข้พวกเขา บางทีรู้สึกเสียดายเงิน
ปกติแผนกเราจะเก็บเงินพนักงานไว้เป็นส่วนกลางทุกเดือนอยู่แล้ว แต่พอซื้อของเยี่ยมไข้ กลับไม่ได้ใช้เงินส่วนกลางซื้อ มาเก็บแยกอีก
เราจึงอยากขอความเห็นคนที่เข้ามาอ่าน ว่าเราควรจะช่วยออกเงินซื้อของเยี่ยมไข้คนที่เราไม่รู้จัก/ไม่เคยร่วมงานกัน ต่อไปหรือไม่

ปล. คนป่วยที่กล่าวถึง หมายถึงคนป่วยที่ต้องแอดมิทในโรงพยาบาล
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
คราวหลังถ้าหัวหน้าถามอีกว่าใครจะไม่ร่วมหารบ้าง ก็ตอบไปว่าครั้งนี้หนูขอเว้นนะคะ จะให้เหตุผลปลอมๆ ไปก็ได้ ถ้าไม่อยากหารจริงๆ ก็คือร่วมบ้างไม่ร่วมบ้าง บอกว่างบหมดอะไรก็ว่าไป คือภาระคนเรามันไม่เท่ากัน แต่ก็ให้เค้าจดจำว่าเราไม่ใช่ไม่จ่ายเลยนะ แต่ก็ไม่ใช่จะจ่ายทุกครั้งเหมือนกัน

ถ้าบริษัทมี behavior แบบนี้บ่อยๆ ก็ตั้งงบของตัวเองไว้เลยสำหรับแต่ละเดือน เช่น 300, 500 บาทก็ว่าไป ลงบัญชีว่าเป็นรายการทำบุญประจำเดือนของตัวเองไป ถ้าเดือนไหนไม่มีเรียกมา ก็ถือว่าเป็นเงินเก็บไป ถ้าเดือนไหนเรียกถี่ ก็นั่นแหล่ะ มีงบให้เท่านั้น ใครป่วยก่อนก็ได้ไป เราก็จะไม่ต้องรู้สึกตะขิดตะขวงใจ ว่าคุมงบตรงนี้ไม่ได้ เพราะไม่งั้นจ่ายเพลิน เกิดเดือนไหนบัดซบยอดพุ่งเป็นพันหรือหลายพันก็แย่  

ตั้งงบไว้ถือว่าเราได้ทำบุญสม่ำเสมอด้วย เพราะชีวิตประจำวันปกติเราอาจจะไม่ค่อยได้ไปทำบุญทำทานที่ไหนบ่อย ก็ถือโอกาสนี้ก็ได้
ความคิดเห็นที่ 9
ไม่เห็นด้วยกับการเรียกเก็บเงินส่วนกลางกับการเยี่ยมไข้แบบนี้ เพราะแต่ละคนเงินเดือนไม่เท่ากัน มีภาระมากน้อยไม่เท่ากัน

ซึ่งการเก็บส่วนกลาง ไม่ได้หารตาม Level และเงินเดือน คงเก็บเท่าๆ กันหมด เอาไปกินเลี้ยง ซื้อของขวัญ ส่วนตัวคิดว่า #ไร้สาระ

สมมติคนละร้อย งด. หมื่นห้าก็เก็บ 100 งด.สองห้าก็เก็บ 100 ++ ต้องเข้าใจ เปิดใจกว้างๆ ด้วยว่า ..บางคน งด.น้อย มีหนี้สินเยอะ แทบไม่มีเงินกินข้าว เงินแทบไม่ชนเดือน ยังต้องมาจ่ายส่วนกลางอะไรแบบนี้อีก

ขนาดงานศพพ่อแม่คนในออฟฟิศ น้องคนนึง งด.เหยียบ 2หมื่น และที่บ้านมีเงิน ยังเห็นน้องใส่ซองแค่ 20 เอง (ไม่ว่ากัน ใส่ตามสะดวก ยก ตย.เฉยๆ)

สรุปว่า ***เรียกเก็บได้ แต่ควรลงขันกันตามความพอใจ ไม่บังคับ และไม่เก็บประจำค่ะ

** เคยอยู่บริษัทนึง เก็บส่วนกลางคนละร้อย พอวันแม่ ทุก Level ยันผู้อำนวนการเก็บเท่ากันทุกเดือน บังคับเก็บ แล้วเอาเงินไปซื้อผ้าพันคอให้ผู้บริหาร ผญ ประมาณ 6000 บาท ไม่ถามความเห็นใครๆ ไม่มีโหวต เอาไปใช้เองแบบไร้สาระเลย รู้แล้วได้แต่ส่ายหน้ากับความคิดไม่สร้างสรรค์แบบนี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่