สุดรันทด! สองแม่ลูก เดินทาง 35 กม. เพื่อลงทะเบียน “เราชนะ” ไม่มีเงินติดตัวสักบาท
https://www.matichon.co.th/social/news_2583522
สุดรันทด! สองแม่ลูก เดินทาง 35 กม. เพื่อลงทะเบียน “เราชนะ” ไม่มีเงินติดตัวสักบาท
จากกรณีที่ผู้ที่ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ P’fon Kamonthip ได้โพสต์ภาพของตา-ยาย คู่หนึ่ง นั่งป้อนข้าวกัน ระหว่างรอลงทะเบียนเยียวยา โดยระบุว่า ทั้งคู่ออกจากบ้านตั้งแต่เที่ยงคืน ถึงธนาคารตี 4 เงินไม่มีสักบาท ด้วยหวังว่า จะได้เงิน 7,000 บาท จากโครงการเราชนะ จนกลายเป็นที่ฮือฮาบนโลกโซเชียล ที่ต่างพากันสงสารทั้งคู่
ล่าสุด ทางเฟซบุ๊กดังกล่าว ระบุว่า ตา-ยาย ที่นั่งป้อนข้าวกันอยู่ แท้จริงเป็นแม่ลูกกัน และนั่งรอลงทะเบียนเยียวยา เราชนะ อยู่ที่หน้าธนาคารที่ท่ามะเขือ
จ.กำแพงเพชร โดยที่เจ้าหน้าที่ของธนาคาร ได้ดูแลจัดให้เป็นคิวแรก และได้ลงทะเบียนเรียบร้อย และมีการเปิดรับบริจาคเงินช่วยทั้งสองแล้ว
“⭕️🔴 ตามหาจนเจอ “โซเชียลแห่แชร์คลิปหลายหมื่น “ตายายนั่งป้อนข้าว แท้จริงเป็นแม่ลูกกัน นั่งรอลงทะเบียนเยียวยา “เราชนะ” หน้าธนาคาร ที่ ท่ามะเขือ (กำแพงเพชร) ส่วนเจ้าหน้าที่ ธนาคารดูแลดีจัดให้คิวแรก ลงทะเบียนได้เรียบร้อย ชาวเน็ตเห็นแล้วสงสาร อยากโอนเงินช่วยเหลือ เผยเดินทางจากบ้านมาตั้งแต่เที่ยงคืน ถึงธนาคารตอน ตี 3 (ระยะทางจากบ้าน 35 ก.ม.) ทีมข่าวตามหาให้ชาวเน็ตจนเจอ ล่าสุดใครอยากช่วยบัญชีด้านล่างเลยค่ะ 👇👇👇👇
“ธนาคาร ธกส.สาขาปางศิลาทอง” เลขที่บัญชี 020188957193 ชื่อนายจำเนียร เอี่ยมสะอาด ”
https://www.facebook.com/poezatalk/posts/3855798477804605
ก้าวไกล จัดหนัก ‘เสี่ยเฮ้ง’ เปิดช่องค้าแรงงานเถื่อน ทำโควิดระบาด แฉใช้เครือข่ายปะทะม็อบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2583587
‘ก้าวไกล’ จัดหนัก ‘เสี่ยเฮ้ง’ เปิดช่องค้าแรงงานเถื่อน ทำโควิดระบาดรอบสอง แฉใช้เครือข่ายปะทะม็อบ สร้างความแตกแยกให้ประเทศ
เมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเป็นวันที่ 2
น.ส.
วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในข้อกล่าวหาที่บริหารราชการบกพร่อง ปล่อยปละละเลยให้เกิดการค้าแรงงาน ทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เลือกปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติ และมีพฤติการณ์ปลุกปั่นเกลียดชังให้ทางการเมือง ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบไปถึงครอบครัว หลายคนไม่มีเงินจ่ายหนี้สิน ค่าเช่าห้อง หากกัดฝันสู้ต่อไม่ไหวก็ต้องกลับไปอยู่ต่างจังหวัด มีความหวังเดียวคือนโยบายจากรัฐบาล
น.ส.
วรรณวิภา กล่าวต่อว่า เมื่อนายสุชาติ เข้ารับตำแหน่ง ก็มีโครงการแก้ปัญหาการจ้างงาน 2 โครงการ คือ โครงการการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำคัญผู้จบการศึกษาใหม่ และโครงการ Job Expo โครงการการส่งเสริมการจ้างงานใหม่ที่มีการตั้งเป้าหมาย 260,000 คน ใช้งบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นการจ้างงานให้คนจบใหม่
โดยรัฐช่วยผู้ประกอบการออกเงินเดือน แต่ก็ล้มเหลว เพราะจ้างงานได้เพียง 7,000 คนเท่านั้น จากนั้นก็กดค่าแรงในช่วงวิกฤต ประกาศยกเลิกเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา และให้เจรจากันเอง ซึ่งค่าแรงตามวุฒิก็แทบไม่พอกินอยู่แล้ว
ส่วนโครงการ Job Expo ที่โม้ว่าจะมีคนเข้าร่วมโครงการ 1 ล้านตำแหน่ง แต่ก็มีคนเข้าไปสมัครเพียง 134,000 ครั้งเท่านั้น จึงไม่คุ้มค่าใช้จ่ายในการจัดงานเลย มิหนำซ้ำงานจากหน่วยงานรัฐเองที่มาประกาศหาในครั้งนี้ ก็กดขี่ค่าแรงเสียเอง ให้เงินเดือนเพียง 5,000 บาทต่อเดือน ชัดเจนว่าขัดต่อกฎหมายคุ้มครองแรงงาน สัญญาจ้างเพียง 12 เดือน เรียกว่าสัญญาทาส เพราะไม่ได้รับสวัสดิการอะไรเลย ถ้าท่านตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะรู้ว่าการมีงานมั่นคงมีค่ามากแค่ไหน หากมีงานนี้รอบหน้า เปิดแค่ตำแหน่งเดียวพอ คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
บริหารงาน กระทบกองทุนประกันสังคม
ในส่วนของเงินกองทุนประกันสังคม พอมีปัญหา กลับลดเงินจ่ายสมทบ ไม่ยอมจ่ายโปะคืน การกระทำเช่นนี้ ทำให้กระทบต่อกองทุนประกันสังคมโดยตรง แรงงานไม่รู้ว่าจะได้รับบำนาญหรือไม่ ทั้งที่จ่ายเงินสมทบทุกเดือน นอกจากนี้มีการลดเงินประกันสังคมตลอดสามครั้ง ทำให้เสียรายได้เกือบ 7 หมื่นล้านบาท
ความเสียหายจากกองทุนประกันสังคม กระทรวงแรงงานนำเงินประกันสังคมมาใช้รวมแล้ว 8 หมื่นล้านบาท โดยยังไม่คิดจะจ่ายเงินคืนให้กองทุนประกันสังคม เป็นการซ้ำเติม เพราะรัฐบาลมีหนี้ค้างจ่ายในส่วนนี้ ทั้งหนี้เก่าหนี้ใหม่กว่า 1.8 แสนล้านบาท
รัฐบาลการ์ดตก เปิดช่องค้าแรงงานข้ามชาติเถื่อน
น.ส.
วรรณวิภา กล่าวต่อว่า การแพร่ระบาดอีกระลอกเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลการ์ดตกเสียเอง ไม่สนใจแรงงานข้ามชาติขาดแคลน เพราะข้ามกลับไปในช่วงที่เกิดการระบาดรอบแรก เมื่อการแพร่ระบาดลดลง ก็เกิดความต้องการแรงงาน จนเกิดการทะลักเข้ามาจากชายแดน ตั้งแต่นายสุชาติ เข้ามาทำงานไม่ได้แก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้อย่างไร เงื่อนไขการเข้ามาของแรงงานข้ามชาติก็มีเงื่อนไขและค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ท่านก็ไม่คิดมีมาตรการแบ่งเบาภาระนายจ้างเลย
จึงไม่แปลกใจที่นายจ้างใช้บริการนายหน้าค้ามนุษย์ และเจ้าหน้าที่ เพราะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000 บาท มีทั้งจ่ายแบบสด และแบบผ่อน มีหลายธุรกิจยอมจ่ายใต้โต๊ะ เพราะราคาถูก และไม่ต้องกักตัวแรงงาน มีการจ่ายส่วยตั้งแต่ต้นน้ำยังปลายน้ำ ที่ท่านไม่ยอมจัดการเรื่องการขาดแคลนแรงงาน เป็นเพราะเอื้อให้เกิดการลักลอบเข้าประเทศ ความผิดพลาดที่ทำให้แรงงานขาดแคลน ทำให้เกิดการแพร่ระบาดอีกรอบ ยิ่งกว่ารอบแรก ทำให่เศรษฐกิจล้มเหลว
แน่นอนว่านาย
สุชาติ พยายามจะประกาศนิรโทษกรรมแรงงานผิดกฎหมาย เป็นทางเดียวที่ทำให้แรงงานออกมาจากที่ซ้อน แต่จากนโยบายนี้ทำให้นายจ้างลอยแพลูกจ้าง เพราะกลัวความผิด แบบนี้เราจะคุมการแพร่ระบาดได้อย่างไร ท่านตั้งเป้าให้เกิดการลงทะเบียนแรงงานผิดกฎหมาย 5 แสนราย ก็ไม่รู้ว่าท่านเอาตัวเลขนี้มาจากไหน ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามีแรงงานเถื่อนอยู่เท่าไหร่ นี่คือความล้มเหลวที่ท่านต้องยอมรับ อยากรู้ว่าท่านจะแก้ปัญหาแรงงานเพื่อควบคุมโควิด-19 ได้อย่างไร
ฝ่ายค้านติง “นายกฯ-รมว.สธ.” ล่าช้าแก้ปัญหาโควิด
https://tna.mcot.net/politics-638859
รัฐสภา 17 ก.พ. – ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ติงล่าช้าและผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยเฉพาะการจัดหาวัคซีน
ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยติงว่าล่าช้าและผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยเฉพาะการจัดหาวัคซีน ขณะที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์
การอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงที่ผ่านมา ฝ่ายค้านได้หยิบยกประเด็นการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่หละหลวม ล่าช้า ผิดพลาดของรัฐบาล ปล่อยปละละเลยให้เกิดบ่อนการพนัน การค้ามนุษย์ ค้าแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน จนเกิดการระบาดระลอกที่ 2 ส่งผลกระทบต่อการทำมาหากิน การค้าขาย และการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน ทำให้ลำบากเดือดร้อน หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ อีกทั้งการจัดซื้อวัคซีนล่าช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ผูกขาดเอกชนบางราย ซื้อในราคาที่แพงกว่า พร้อมเรียกร้องให้มีการเปิดเผยสัญญาการจัดซื้อวัคซีน เพื่อความโปร่งใส .
-สำนักข่าวไทย
รัฐผิดข้อตกลง! ชาวบ้านถูกสกัด เจ้าหน้าที่ไม่ให้ชาวบางกลอยกลับป่า ใจแผ่นดิน
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_5972929
กระทรวงทรัพยากรฯ กระทำผิดข้อตกลง ชาวบ้านถูกสกัด ไม่ให้กลับถิ่นฐานที่ด่านแม่มะเร็ว เจ้าหน้าที่ จับชาวบ้านบางกลอย เขียนประวัติ
สืบเนื่องจากวันที่ 16 ก.พ.64 ตัวแทนรัฐบาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ภาคีปกป้องบางกลอย และ พี่น้องกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน ได้ เห็นชอบร่วมกันให้บันทึกข้อตกลง เพื่อแก้ไขกรณี บางกลอย-ใจแผ่นดิน
โดย ตัวแทน ชาวบ้านบางกลอย ได้ ยอมรับ 3 ข้อเสนอของรัฐ ผ่านการทำบันทึกข้อตกลงกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่
1. ถอนกำลัง จนท.ออกจากบางกลอย
2. หยุดสกัดการส่งอาหารให้ชาวบ้าน
3.ยุติดำเนินคดีกับผู้ที่ออกมาเรียกร้อง โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ระบุว่า จะถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออก ทำให้ชาวบ้านบางกลอยตัดสินใจยุติการชุมนุมหน้าทำเนียบและเดินทางกลับถิ่นฐาน โดยชาวบ้านบางกลอยจะเดินทางกลับบางกลอย และติดตามการแก้ปัญหาของรัฐ ในวันพุธ (17ก.พ.64)
อย่างไรก็ตาม ในวันพุธ (17ก.พ.64) ชาวบางกลอยที่กำลังเดินทางออกจากกรุงเทพมหานครไปยังถิ่นฐาน กลับถูกสกัดไม่ให้ขึ้น ใจแผ่นดิน โดย สกัดระหว่างทางขึ้นที่ แม่มะเร็ว ทั้งที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำข้อตกลงกับชาวบ้านแล้วว่า จะถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออก จึงถือว่าภาครัฐได้กระทำผิดข้อตกลง อย่างไรก็ตาม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมาเปิดเผยว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ ได้สกัด ชาวบ้านบางกลอย ที่ด่านมะเร็ว และออกคำสั่งให้ ชาวบ้านบางกลอย เขียนประวัติข้อมูลส่วนบุคคลก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่อนุญาตให้กลับขึ้นไปยังถิ่นฐาน เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านต่างตกอยู่ในความกังวลอย่างมากเพราะขณะนี้เริ่มจะตกค่ำแล้ว และการเดินทางเข้าไปยัง ใจแผ่นดิน ต้องเดินเท้านาน 3 ชั่วโมง ซึ่งไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ดังกล่าว จึงอาจเกิดอันตรายได้
JJNY : 6in1 สุดรันทด!“เราชนะ”│ก้าวไกลจัดหนักเฮ้ง│ติงล่าช้าแก้โควิด│รัฐผิดข้อตกลง!│เมียนมารณรงค์รถเสีย│เที่ยวบินม.ค.64วูบ
https://www.matichon.co.th/social/news_2583522
สุดรันทด! สองแม่ลูก เดินทาง 35 กม. เพื่อลงทะเบียน “เราชนะ” ไม่มีเงินติดตัวสักบาท
จากกรณีที่ผู้ที่ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ P’fon Kamonthip ได้โพสต์ภาพของตา-ยาย คู่หนึ่ง นั่งป้อนข้าวกัน ระหว่างรอลงทะเบียนเยียวยา โดยระบุว่า ทั้งคู่ออกจากบ้านตั้งแต่เที่ยงคืน ถึงธนาคารตี 4 เงินไม่มีสักบาท ด้วยหวังว่า จะได้เงิน 7,000 บาท จากโครงการเราชนะ จนกลายเป็นที่ฮือฮาบนโลกโซเชียล ที่ต่างพากันสงสารทั้งคู่
ล่าสุด ทางเฟซบุ๊กดังกล่าว ระบุว่า ตา-ยาย ที่นั่งป้อนข้าวกันอยู่ แท้จริงเป็นแม่ลูกกัน และนั่งรอลงทะเบียนเยียวยา เราชนะ อยู่ที่หน้าธนาคารที่ท่ามะเขือ
จ.กำแพงเพชร โดยที่เจ้าหน้าที่ของธนาคาร ได้ดูแลจัดให้เป็นคิวแรก และได้ลงทะเบียนเรียบร้อย และมีการเปิดรับบริจาคเงินช่วยทั้งสองแล้ว
“⭕️🔴 ตามหาจนเจอ “โซเชียลแห่แชร์คลิปหลายหมื่น “ตายายนั่งป้อนข้าว แท้จริงเป็นแม่ลูกกัน นั่งรอลงทะเบียนเยียวยา “เราชนะ” หน้าธนาคาร ที่ ท่ามะเขือ (กำแพงเพชร) ส่วนเจ้าหน้าที่ ธนาคารดูแลดีจัดให้คิวแรก ลงทะเบียนได้เรียบร้อย ชาวเน็ตเห็นแล้วสงสาร อยากโอนเงินช่วยเหลือ เผยเดินทางจากบ้านมาตั้งแต่เที่ยงคืน ถึงธนาคารตอน ตี 3 (ระยะทางจากบ้าน 35 ก.ม.) ทีมข่าวตามหาให้ชาวเน็ตจนเจอ ล่าสุดใครอยากช่วยบัญชีด้านล่างเลยค่ะ 👇👇👇👇
“ธนาคาร ธกส.สาขาปางศิลาทอง” เลขที่บัญชี 020188957193 ชื่อนายจำเนียร เอี่ยมสะอาด ”
https://www.facebook.com/poezatalk/posts/3855798477804605
ก้าวไกล จัดหนัก ‘เสี่ยเฮ้ง’ เปิดช่องค้าแรงงานเถื่อน ทำโควิดระบาด แฉใช้เครือข่ายปะทะม็อบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2583587
‘ก้าวไกล’ จัดหนัก ‘เสี่ยเฮ้ง’ เปิดช่องค้าแรงงานเถื่อน ทำโควิดระบาดรอบสอง แฉใช้เครือข่ายปะทะม็อบ สร้างความแตกแยกให้ประเทศ
เมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเป็นวันที่ 2
น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในข้อกล่าวหาที่บริหารราชการบกพร่อง ปล่อยปละละเลยให้เกิดการค้าแรงงาน ทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 เลือกปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติ และมีพฤติการณ์ปลุกปั่นเกลียดชังให้ทางการเมือง ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบไปถึงครอบครัว หลายคนไม่มีเงินจ่ายหนี้สิน ค่าเช่าห้อง หากกัดฝันสู้ต่อไม่ไหวก็ต้องกลับไปอยู่ต่างจังหวัด มีความหวังเดียวคือนโยบายจากรัฐบาล
น.ส.วรรณวิภา กล่าวต่อว่า เมื่อนายสุชาติ เข้ารับตำแหน่ง ก็มีโครงการแก้ปัญหาการจ้างงาน 2 โครงการ คือ โครงการการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำคัญผู้จบการศึกษาใหม่ และโครงการ Job Expo โครงการการส่งเสริมการจ้างงานใหม่ที่มีการตั้งเป้าหมาย 260,000 คน ใช้งบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นการจ้างงานให้คนจบใหม่
โดยรัฐช่วยผู้ประกอบการออกเงินเดือน แต่ก็ล้มเหลว เพราะจ้างงานได้เพียง 7,000 คนเท่านั้น จากนั้นก็กดค่าแรงในช่วงวิกฤต ประกาศยกเลิกเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา และให้เจรจากันเอง ซึ่งค่าแรงตามวุฒิก็แทบไม่พอกินอยู่แล้ว
ส่วนโครงการ Job Expo ที่โม้ว่าจะมีคนเข้าร่วมโครงการ 1 ล้านตำแหน่ง แต่ก็มีคนเข้าไปสมัครเพียง 134,000 ครั้งเท่านั้น จึงไม่คุ้มค่าใช้จ่ายในการจัดงานเลย มิหนำซ้ำงานจากหน่วยงานรัฐเองที่มาประกาศหาในครั้งนี้ ก็กดขี่ค่าแรงเสียเอง ให้เงินเดือนเพียง 5,000 บาทต่อเดือน ชัดเจนว่าขัดต่อกฎหมายคุ้มครองแรงงาน สัญญาจ้างเพียง 12 เดือน เรียกว่าสัญญาทาส เพราะไม่ได้รับสวัสดิการอะไรเลย ถ้าท่านตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะรู้ว่าการมีงานมั่นคงมีค่ามากแค่ไหน หากมีงานนี้รอบหน้า เปิดแค่ตำแหน่งเดียวพอ คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
บริหารงาน กระทบกองทุนประกันสังคม
ในส่วนของเงินกองทุนประกันสังคม พอมีปัญหา กลับลดเงินจ่ายสมทบ ไม่ยอมจ่ายโปะคืน การกระทำเช่นนี้ ทำให้กระทบต่อกองทุนประกันสังคมโดยตรง แรงงานไม่รู้ว่าจะได้รับบำนาญหรือไม่ ทั้งที่จ่ายเงินสมทบทุกเดือน นอกจากนี้มีการลดเงินประกันสังคมตลอดสามครั้ง ทำให้เสียรายได้เกือบ 7 หมื่นล้านบาท
ความเสียหายจากกองทุนประกันสังคม กระทรวงแรงงานนำเงินประกันสังคมมาใช้รวมแล้ว 8 หมื่นล้านบาท โดยยังไม่คิดจะจ่ายเงินคืนให้กองทุนประกันสังคม เป็นการซ้ำเติม เพราะรัฐบาลมีหนี้ค้างจ่ายในส่วนนี้ ทั้งหนี้เก่าหนี้ใหม่กว่า 1.8 แสนล้านบาท
รัฐบาลการ์ดตก เปิดช่องค้าแรงงานข้ามชาติเถื่อน
น.ส.วรรณวิภา กล่าวต่อว่า การแพร่ระบาดอีกระลอกเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลการ์ดตกเสียเอง ไม่สนใจแรงงานข้ามชาติขาดแคลน เพราะข้ามกลับไปในช่วงที่เกิดการระบาดรอบแรก เมื่อการแพร่ระบาดลดลง ก็เกิดความต้องการแรงงาน จนเกิดการทะลักเข้ามาจากชายแดน ตั้งแต่นายสุชาติ เข้ามาทำงานไม่ได้แก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้อย่างไร เงื่อนไขการเข้ามาของแรงงานข้ามชาติก็มีเงื่อนไขและค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ท่านก็ไม่คิดมีมาตรการแบ่งเบาภาระนายจ้างเลย
จึงไม่แปลกใจที่นายจ้างใช้บริการนายหน้าค้ามนุษย์ และเจ้าหน้าที่ เพราะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000 บาท มีทั้งจ่ายแบบสด และแบบผ่อน มีหลายธุรกิจยอมจ่ายใต้โต๊ะ เพราะราคาถูก และไม่ต้องกักตัวแรงงาน มีการจ่ายส่วยตั้งแต่ต้นน้ำยังปลายน้ำ ที่ท่านไม่ยอมจัดการเรื่องการขาดแคลนแรงงาน เป็นเพราะเอื้อให้เกิดการลักลอบเข้าประเทศ ความผิดพลาดที่ทำให้แรงงานขาดแคลน ทำให้เกิดการแพร่ระบาดอีกรอบ ยิ่งกว่ารอบแรก ทำให่เศรษฐกิจล้มเหลว
แน่นอนว่านายสุชาติ พยายามจะประกาศนิรโทษกรรมแรงงานผิดกฎหมาย เป็นทางเดียวที่ทำให้แรงงานออกมาจากที่ซ้อน แต่จากนโยบายนี้ทำให้นายจ้างลอยแพลูกจ้าง เพราะกลัวความผิด แบบนี้เราจะคุมการแพร่ระบาดได้อย่างไร ท่านตั้งเป้าให้เกิดการลงทะเบียนแรงงานผิดกฎหมาย 5 แสนราย ก็ไม่รู้ว่าท่านเอาตัวเลขนี้มาจากไหน ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามีแรงงานเถื่อนอยู่เท่าไหร่ นี่คือความล้มเหลวที่ท่านต้องยอมรับ อยากรู้ว่าท่านจะแก้ปัญหาแรงงานเพื่อควบคุมโควิด-19 ได้อย่างไร
ฝ่ายค้านติง “นายกฯ-รมว.สธ.” ล่าช้าแก้ปัญหาโควิด
https://tna.mcot.net/politics-638859
รัฐสภา 17 ก.พ. – ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ติงล่าช้าและผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยเฉพาะการจัดหาวัคซีน
ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยติงว่าล่าช้าและผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยเฉพาะการจัดหาวัคซีน ขณะที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์
การอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงที่ผ่านมา ฝ่ายค้านได้หยิบยกประเด็นการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่หละหลวม ล่าช้า ผิดพลาดของรัฐบาล ปล่อยปละละเลยให้เกิดบ่อนการพนัน การค้ามนุษย์ ค้าแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน จนเกิดการระบาดระลอกที่ 2 ส่งผลกระทบต่อการทำมาหากิน การค้าขาย และการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน ทำให้ลำบากเดือดร้อน หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ อีกทั้งการจัดซื้อวัคซีนล่าช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ผูกขาดเอกชนบางราย ซื้อในราคาที่แพงกว่า พร้อมเรียกร้องให้มีการเปิดเผยสัญญาการจัดซื้อวัคซีน เพื่อความโปร่งใส .-สำนักข่าวไทย
รัฐผิดข้อตกลง! ชาวบ้านถูกสกัด เจ้าหน้าที่ไม่ให้ชาวบางกลอยกลับป่า ใจแผ่นดิน
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_5972929
กระทรวงทรัพยากรฯ กระทำผิดข้อตกลง ชาวบ้านถูกสกัด ไม่ให้กลับถิ่นฐานที่ด่านแม่มะเร็ว เจ้าหน้าที่ จับชาวบ้านบางกลอย เขียนประวัติ
สืบเนื่องจากวันที่ 16 ก.พ.64 ตัวแทนรัฐบาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ภาคีปกป้องบางกลอย และ พี่น้องกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน ได้ เห็นชอบร่วมกันให้บันทึกข้อตกลง เพื่อแก้ไขกรณี บางกลอย-ใจแผ่นดิน
โดย ตัวแทน ชาวบ้านบางกลอย ได้ ยอมรับ 3 ข้อเสนอของรัฐ ผ่านการทำบันทึกข้อตกลงกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่
1. ถอนกำลัง จนท.ออกจากบางกลอย
2. หยุดสกัดการส่งอาหารให้ชาวบ้าน
3.ยุติดำเนินคดีกับผู้ที่ออกมาเรียกร้อง โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ระบุว่า จะถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออก ทำให้ชาวบ้านบางกลอยตัดสินใจยุติการชุมนุมหน้าทำเนียบและเดินทางกลับถิ่นฐาน โดยชาวบ้านบางกลอยจะเดินทางกลับบางกลอย และติดตามการแก้ปัญหาของรัฐ ในวันพุธ (17ก.พ.64)
อย่างไรก็ตาม ในวันพุธ (17ก.พ.64) ชาวบางกลอยที่กำลังเดินทางออกจากกรุงเทพมหานครไปยังถิ่นฐาน กลับถูกสกัดไม่ให้ขึ้น ใจแผ่นดิน โดย สกัดระหว่างทางขึ้นที่ แม่มะเร็ว ทั้งที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำข้อตกลงกับชาวบ้านแล้วว่า จะถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออก จึงถือว่าภาครัฐได้กระทำผิดข้อตกลง อย่างไรก็ตาม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมาเปิดเผยว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ ได้สกัด ชาวบ้านบางกลอย ที่ด่านมะเร็ว และออกคำสั่งให้ ชาวบ้านบางกลอย เขียนประวัติข้อมูลส่วนบุคคลก่อน ไม่เช่นนั้นจะไม่อนุญาตให้กลับขึ้นไปยังถิ่นฐาน เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านต่างตกอยู่ในความกังวลอย่างมากเพราะขณะนี้เริ่มจะตกค่ำแล้ว และการเดินทางเข้าไปยัง ใจแผ่นดิน ต้องเดินเท้านาน 3 ชั่วโมง ซึ่งไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ดังกล่าว จึงอาจเกิดอันตรายได้