สวัสดีค่ะ เราทำตำแหน่ง Content Creator ก็คือคิดคอนเทนต์+เขียนด้วย อันนี้คือ JD นะคะ
เล่าคร่าวๆก่อน ว่าเราเข้ามาด้วยการไม่ใช้วุฒิ เพราะโปรไฟล์เราคือเราเรียนถึงปี 4 แต่มีปัญหาส่วนตัว+ปัญหาสุขภาพจิต ทำให้เราต้องหยุดเรียน แต่มีความสามารถด้านการทำงานการตลาด (เป็นแอดมิน ทำคอนเทนต์ฟรีแลนซ์มานาน 5 ปี) เราเลยไปสัมงานเอเจนซี่นึง
ก่อนไปเราได้ทำ Test ก่อน ผ่านเทสงาน เราไปสัมบอสเราถูกใจเรามาก เขาให้เหตุผลว่าเราค่อนข้างมีไฟในการทำงาน ชอบเสพโซเชียลและรู้จักการเล่นกับกระแส
ทำมาได้เรื่อยๆ การทำงานค่อนข้างลงตัว เราอายุน้อยที่สุดในออฟฟิศ แต่ได้เข้าประชุม ออกไอเดีย ทำงานทุกๆเซสชั่นครีเอทีฟ เพราะบอสเล็งเห็นในตัวเราว่าเรามีไอเดียเยอะและช่วย Brain Strom ได้ดี ทำงานเข้ากับทีม จนพอผ่านโปร (ธ.ค. 2019) เขาเพิ่มเงินเดือนให้เรา จาก 15k >> 19k
ตอนนั้นพอใจมากแล้ว เพราะเข้าใจว่างานค่อนข้างมั่นคง งานหนักมากประสาเอเจนซี่เลยค่ะ เราตั้งใจทำงาน เกินสโคปบ้าง เช่น ติดต่อ KOL หรือทำ Desk เพื่อให้เจ้านายไปพิชงานเพื่อหาลูกค้าเพิ่ม ออกไปถ่ายงานข้างนอกไม่ได้ค่ารถเพราะไม่ได้ตกลงกันเอาไว้ก็มี อันนี้เรากะจะเอามาพูดตอนประเมินท้ายปีแทน เพราะถือว่าเราคาดไม่ถึงเอง ทำให้เขาอาศัยช่องว่างนี้ไม่จ่ายค่าเดินทางในการไปทำงานข้างนอก
จนกระทั่ง ก.ย. - ธ.ค. 2020 ที่ผ่านมา บริษัทปรับเปลี่ยนไปเยอะ จากพนักงาน 11 คน ตอนนี้เหลือ 5 เพราะปัญหาการเมืองภายใน สวัสดิการออฟฟิศไม่ดี และเจ้านายไม่ยอมหาคนใหม่ (คือออฟฟิศที่ไม่มีกราฟฟิก ต้องส่งเอ้าซอซอย่างเดียวเลย) เรา Double work เยอะมากกกกกก ทำให้เราหวังไว้เยอะมาก ว่าเราต้องได้ปรับเงินเดือนแน่นอน อย่างน้อยก็จาก 19k >> 22kหรือ23k เพราะเทียบกับราคาตลาดของคนที่ประสบการณ์ประมาณนี้ ราคาอยู่ที่ 23k-28k ขึ้นอยู่กับองค์กร
แต่พอเรียกคุยตอน ม.ค. 2021 เราได้คะแนนประเมิน 79% เป็นผลประเมินจากทีมเก่าที่ลาออกไปหมดแล้ว ซึ่งเขามีปัญหากันภายในทำให้กระทบคะแนนเราไปด้วย ตอนที่บอสเรา comment ผลประเมินคืออันนู้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่ถึงที่เขาคาดหวังไว้ ในหัวเราก็ตื้อไปหมด เพราะตอนเราทำงานเขาบอกตลอดว่าทุกอย่างมันเพอร์เฟ็กต์มาก ลูกค้าชอบมาก ลูกค้าต่อสัญญา บริษัทมีพอร์ตไว้ไปพิชงานอื่นๆต่อ
สรุปคือเราได้ขึ้น 6% จากเงินเดือน 19k >>> 20.14k เราสตั้นไปเลย แล้วก็ต่อรองเขา พูดถึงเรื่องสโคปงาน ความตั้งใจ และเราติดตาม Report จาก AE ทุกเดือนนะว่าคอนเทนต์และแคมเปญของเราผลออกมา Big Win ทุกแบรนด์ ทุกเดือน
เขาบอกเราว่า "ช่วยพี่หน่อยนะ" ตอนนั้นเราก็ยังงงๆ อยู่ แต่ใจแข็งขอต่อรองเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่เขาก็หาข้ออ้างมากมาย ทั้งผลประกอบการ ทั้งเรื่องของ Performance คือเจ็บใจมาก ตลอดที่เราเข้ามา เราเป็นคนอายุน้อยที่สุด เงินเดือนน้อยที่สุด แต่ทำงานให้ทุกงาน แถมเขาจะชอบพูดกับคนอื่นเสมอๆว่าเขารักเรามาก เราเก่งในหน้าที่ของเราและหน้าที่อื่นๆ เวลาคนเข้าใหม่มา เขาจะฝากเราดูแลเพราะเราเข้ากับคนง่าย
หลังจากคุยกันเป็นชม. เขาจบด้วยการบอกว่าให้เราไปพัฒนาตัวเองเพื่อพิสูจน์ให้เขาดูก่อน แล้วสิ้นเดือนให้ไปคุยกับเขาใหม่
ทางเลือกของเราที่คิดมา 1 เดือนเต็ม จะมีประมาณนี้ เพื่อนๆพี่ๆช่วยคิดหน่อยได้ไหมคะ ว่าตัวเลือกไหนที่มันจะดีต่อเรา?
1) รอสิ้นเดือน ก.พ. นี้ แคปเอาผล Report ไปให้ดูว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นๆในออฟฟิศแล้ว การทำงานของเราผลลัพธ์ออกมาดีพอที่เราจะได้รับการขึ้นเงินเดือนให้สมกับที่เราเหนื่อยนะ เพื่อยืนยันกับเขาว่าเราตั้งใจจริง
2) บอกเขาว่ามีแพลนจะลาออก(แต่ยังไม่ได้มีที่จะไป) เพราะมีคนมาชวนไปทำงานด้วยและให้เงินที่เยอะกว่า เอาจริงๆถึงเขาจะนี้ดเราหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาขาดคนที่ช่วยคิดคอนเทนต์ไม่ได้ ตอนนี้ลูกค้าก็ต่อสัญญาด้วยคอนเทนต์และเอนเกจที่ได้จากงานเรา
3) บอกว่าจะลาออกเพราะเงินที่เขาให้ไม่สามารถทำให้เราใช้ชีวิตได้จริงๆ สวัสดิการก็ไม่มี การเดินทางไม่สะดวกเพราะเขาย้ายตึกทำงานมาไกลกว่าที่เดิม (อันนี้กะจะแตกหักเลย)
สายงานเอเจนซี่ ทำงานเกินสโคปแต่ปรับเงินเดือนขึ้น 1 พัน เอาไงต่อดี?
เล่าคร่าวๆก่อน ว่าเราเข้ามาด้วยการไม่ใช้วุฒิ เพราะโปรไฟล์เราคือเราเรียนถึงปี 4 แต่มีปัญหาส่วนตัว+ปัญหาสุขภาพจิต ทำให้เราต้องหยุดเรียน แต่มีความสามารถด้านการทำงานการตลาด (เป็นแอดมิน ทำคอนเทนต์ฟรีแลนซ์มานาน 5 ปี) เราเลยไปสัมงานเอเจนซี่นึง
ก่อนไปเราได้ทำ Test ก่อน ผ่านเทสงาน เราไปสัมบอสเราถูกใจเรามาก เขาให้เหตุผลว่าเราค่อนข้างมีไฟในการทำงาน ชอบเสพโซเชียลและรู้จักการเล่นกับกระแส
ทำมาได้เรื่อยๆ การทำงานค่อนข้างลงตัว เราอายุน้อยที่สุดในออฟฟิศ แต่ได้เข้าประชุม ออกไอเดีย ทำงานทุกๆเซสชั่นครีเอทีฟ เพราะบอสเล็งเห็นในตัวเราว่าเรามีไอเดียเยอะและช่วย Brain Strom ได้ดี ทำงานเข้ากับทีม จนพอผ่านโปร (ธ.ค. 2019) เขาเพิ่มเงินเดือนให้เรา จาก 15k >> 19k
ตอนนั้นพอใจมากแล้ว เพราะเข้าใจว่างานค่อนข้างมั่นคง งานหนักมากประสาเอเจนซี่เลยค่ะ เราตั้งใจทำงาน เกินสโคปบ้าง เช่น ติดต่อ KOL หรือทำ Desk เพื่อให้เจ้านายไปพิชงานเพื่อหาลูกค้าเพิ่ม ออกไปถ่ายงานข้างนอกไม่ได้ค่ารถเพราะไม่ได้ตกลงกันเอาไว้ก็มี อันนี้เรากะจะเอามาพูดตอนประเมินท้ายปีแทน เพราะถือว่าเราคาดไม่ถึงเอง ทำให้เขาอาศัยช่องว่างนี้ไม่จ่ายค่าเดินทางในการไปทำงานข้างนอก
จนกระทั่ง ก.ย. - ธ.ค. 2020 ที่ผ่านมา บริษัทปรับเปลี่ยนไปเยอะ จากพนักงาน 11 คน ตอนนี้เหลือ 5 เพราะปัญหาการเมืองภายใน สวัสดิการออฟฟิศไม่ดี และเจ้านายไม่ยอมหาคนใหม่ (คือออฟฟิศที่ไม่มีกราฟฟิก ต้องส่งเอ้าซอซอย่างเดียวเลย) เรา Double work เยอะมากกกกกก ทำให้เราหวังไว้เยอะมาก ว่าเราต้องได้ปรับเงินเดือนแน่นอน อย่างน้อยก็จาก 19k >> 22kหรือ23k เพราะเทียบกับราคาตลาดของคนที่ประสบการณ์ประมาณนี้ ราคาอยู่ที่ 23k-28k ขึ้นอยู่กับองค์กร
แต่พอเรียกคุยตอน ม.ค. 2021 เราได้คะแนนประเมิน 79% เป็นผลประเมินจากทีมเก่าที่ลาออกไปหมดแล้ว ซึ่งเขามีปัญหากันภายในทำให้กระทบคะแนนเราไปด้วย ตอนที่บอสเรา comment ผลประเมินคืออันนู้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่ถึงที่เขาคาดหวังไว้ ในหัวเราก็ตื้อไปหมด เพราะตอนเราทำงานเขาบอกตลอดว่าทุกอย่างมันเพอร์เฟ็กต์มาก ลูกค้าชอบมาก ลูกค้าต่อสัญญา บริษัทมีพอร์ตไว้ไปพิชงานอื่นๆต่อ
สรุปคือเราได้ขึ้น 6% จากเงินเดือน 19k >>> 20.14k เราสตั้นไปเลย แล้วก็ต่อรองเขา พูดถึงเรื่องสโคปงาน ความตั้งใจ และเราติดตาม Report จาก AE ทุกเดือนนะว่าคอนเทนต์และแคมเปญของเราผลออกมา Big Win ทุกแบรนด์ ทุกเดือน
เขาบอกเราว่า "ช่วยพี่หน่อยนะ" ตอนนั้นเราก็ยังงงๆ อยู่ แต่ใจแข็งขอต่อรองเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่เขาก็หาข้ออ้างมากมาย ทั้งผลประกอบการ ทั้งเรื่องของ Performance คือเจ็บใจมาก ตลอดที่เราเข้ามา เราเป็นคนอายุน้อยที่สุด เงินเดือนน้อยที่สุด แต่ทำงานให้ทุกงาน แถมเขาจะชอบพูดกับคนอื่นเสมอๆว่าเขารักเรามาก เราเก่งในหน้าที่ของเราและหน้าที่อื่นๆ เวลาคนเข้าใหม่มา เขาจะฝากเราดูแลเพราะเราเข้ากับคนง่าย
หลังจากคุยกันเป็นชม. เขาจบด้วยการบอกว่าให้เราไปพัฒนาตัวเองเพื่อพิสูจน์ให้เขาดูก่อน แล้วสิ้นเดือนให้ไปคุยกับเขาใหม่
ทางเลือกของเราที่คิดมา 1 เดือนเต็ม จะมีประมาณนี้ เพื่อนๆพี่ๆช่วยคิดหน่อยได้ไหมคะ ว่าตัวเลือกไหนที่มันจะดีต่อเรา?
1) รอสิ้นเดือน ก.พ. นี้ แคปเอาผล Report ไปให้ดูว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นๆในออฟฟิศแล้ว การทำงานของเราผลลัพธ์ออกมาดีพอที่เราจะได้รับการขึ้นเงินเดือนให้สมกับที่เราเหนื่อยนะ เพื่อยืนยันกับเขาว่าเราตั้งใจจริง
2) บอกเขาว่ามีแพลนจะลาออก(แต่ยังไม่ได้มีที่จะไป) เพราะมีคนมาชวนไปทำงานด้วยและให้เงินที่เยอะกว่า เอาจริงๆถึงเขาจะนี้ดเราหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาขาดคนที่ช่วยคิดคอนเทนต์ไม่ได้ ตอนนี้ลูกค้าก็ต่อสัญญาด้วยคอนเทนต์และเอนเกจที่ได้จากงานเรา
3) บอกว่าจะลาออกเพราะเงินที่เขาให้ไม่สามารถทำให้เราใช้ชีวิตได้จริงๆ สวัสดิการก็ไม่มี การเดินทางไม่สะดวกเพราะเขาย้ายตึกทำงานมาไกลกว่าที่เดิม (อันนี้กะจะแตกหักเลย)