ไหม เครือข่ายแรงงาน พาชาว ‘กัมพูชา’ เขียนคำร้อง หลังสร้าง ‘บ้านพักในค่ายทหาร’ แต่ไม่ได้ค่าจ้าง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2575834

 
ไหม เครือข่ายแรงงาน พาชาว ‘กัมพูชา’ เขียนคำร้อง หลังสร้าง ‘บ้านพักในค่ายทหาร’ แต่ไม่ได้ค่าจ้าง
 
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม ตัวแทนเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ได้โพสต์ภาพ พร้อมข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/nongmai.vijan Nongmai Vijan ถึงกรณีที่แรงงานข้ามชาติ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยระบุว่า
 
อีกแล้ว แรงงานกัมพูชา 14 คนถูกนายจ้างหนีไม่จ่ายค่าจ้าง ทำงานก่อสร้างบ้านพักทหารในค่ายทหาร กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ พระพุทธฉาย จ.สระบุรี ทางสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างได้นำไปเขียนคำร้องที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสระบุรี และได้นำอาหาร น้ำดื่ม และเงินที่ได้รับสหภาพแรงงานในกลุ่มผู้ใช้แรงงานสระบุรี ไปมอบให้กับพี่น้องแรงงาน
 
https://www.facebook.com/nongmai.vijan/posts/3915796198455613
 

---

 
วาทะสุดฮา มินอ่องไหล่ ขอประชาชนผนึกกองทัพถ้าต้องการ ปชต. 
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5941283
 
วาทะสุดฮา มินอ่องไหล่ ขอประชาชนผนึกกองทัพ ถ้าต้องการประชาธิปไตย
 
วาทะสุดฮา – เอพี รายงานว่า เมื่อ 12 ก.พ. ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารในเมียนมาพากันหัวเราะเยาะเย้ย วาทะสุดฮา ของ นายพลอาวุโส มิน อ่อง ไหล่ ผู้นำกองทัพ และผู้นำรัฐประหารเมียนมา ที่กล่าวเนื่องในวันสหภาพ หรือ Union Day เรียกร้องให้ประชาชนร่วมมือกับทหาร หากต้องการประชาธิปไตย
 
“ผมขอเรียกร้องอย่างจริงจังให้คนในประเทศทั้งหมดร่วมมือกับกองทัพ เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยเป็นจริงได้ในที่สุด” พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ไหล่ กล่าว และว่า “บทเรียนทางประวัติศาสตร์สอนเราว่า มีเพียงความสามัคคีในชาติเท่านั้นที่จะตรึงสหภาพไม่ให้แตกแยกกัน และธำรงไว้ซึ่งเอกราชอย่างถาวร”
 
ข้อความดังกล่าวของนายพลมิน อ่อง ไหล่ เผยแพร่ตีพิมพ์ทางหนังสือพิมพ์ โกลเบิล นิว ไลต์ ออฟ เมียนมา พร้อมคำประกาศที่จะปล่อยนักโทษ 23,314 คน ที่มีทั้งนักโทษที่ได้รับการลดโทษจากประหารชีวิต และจำคุกตลอดชีวิต อีกทั้งมีชาวต่างชาติ 55 คน
 
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกมองด้วยความวิตกว่า กองทัพจะใช้ยุทธวิธีเดียวกับเหตุนองเลือดเมื่อปี 2531 ที่ปล่อยนักโทษออกมาปราบปรามนักศึกษาและประชาชนที่ชุมนุมต่อต้านกองทัพ
 
กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. เพื่อสกัดกั้นการเปิดสภาที่มีสมาชิกชุดใหม่จากการเลือกตั้ง วันที่ 8 พ.ย. 2563 ขณะที่จับกุมนางออง ซาน ซูจี  และประธานาธิบดีวิน มินต์ พร้อมบุคคลทางการเมืองคนอื่นๆ
 
การชุมนุมต่อต้านรัฐประหารของชาวเมียนมามีต่อเนื่องมาเป็นวันที่เจ็ดแล้ว และมีแนวร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่นักศึกษา ผู้ใช้แรงงาน ข้าราชการ หมอ ครู บุคลากรทางการแพทย์ ดาราคนดัง ไปจนถึงพระสงฆ์ นักบวชคริสต์ และกลุ่มแอลจีบีทีคิว โดยเฉพาะที่นครย่างกุ้งและเมืองมัณฑะเลย์
 
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. มีการชุมนุมหน้าสถานทูตจีนในนครย่างกุ้งด้วย เนื่องจากชาวเมียนมาเห็นว่า จีนไม่แสดงท่าทีประณามการรัฐประหารครั้งนี้
 
ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานสหประชาชาติ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สำนักงานสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น เปิดการประชุมเรื่องสถานการณ์ในเมียนมา และออกแถลงการณ์เรียกร้องให้กองทัพปล่อยตัวผู้ถูกจับกุม รวมถึงนางออง ซาน ซู จี โดยทันที 
 
“การยึดอำนาจของกองทัพเมียนมาเมื่อต้นเดือนนี้ เป็นการถอยหลังของประเทศ หลังจากทศวรรษของความชัยชนะที่ยากเย็นในการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย ซึ่งโลกจับตาอยู่” นาดา อัล-นาชิฟ รองข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็น กล่าว

---

ตรุษจีนเงียบเหงา 'คณะสิงโต' จำต้องปรับตัวสู้โควิด-19 รับการแสดงที่หลากหลาย
https://ch3plus.com/news/category/230363
 
เทศกาลตรุษจีนปีนี้เงียบเหงาเป็นประวัติการณ์ โควิด-19 แพร่ระบาด งานเฉลิมฉลองถูกยกเลิก คณะสิงโตต่างหนีตายปรับตัวรับงานหารายได้ 
 
เสียงตีกลองหนักแน่น สลับเสียงฉาบเข้าจังหวะ พร้อมคณะสิงโตขนาดย่อม ที่เดินโยกย้ายผ่านซุ้มประตูหมู่บ้านจัดสรร สร้างความคึกครื้นให้กับลูกบ้านที่ออกมาไหว้เจ้าในเทศกาลตรุษจีนได้เป็นอย่างดี แต่ภายใต้หัวสิงโตสีสันสดใสและหน้ากากแป๊ะยิ้มที่คอยอวยพรผู้คน คือนักแสดงผู้กำลังแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่หนักอึ้ง หลังโควิด-19แพร่ระบาดระลอกใหม่
 
จากที่เคยต่อตัว โชว์มังกรทองแสดงแสงสีอลังการ ต้องหันมารับงานเชิดสิงโตอวยพรตามหมู่บ้าน ค่าจ้างหลักหมื่น ลดลงเหลือหลักพัน เพื่อปรับรูปแบบรับการแสดงที่หลากหลาย ลดจำนวนนักแสดงให้สอดคล้องกับงานมากขึ้น ตั้งแต่งานถ่ายภาพนิ่ง โฆษณา ร่วมอัดคลิปกับยูทูเบอร์ เปิดร้านอาหาร หรือแค่เพียงหัวมังกรหัวเดียวก็พร้อมออกให้บริการ ไปจนถึงให้เช่าอุปกรณ์ เครื่องแต่งกาย แม้สมาชิกที่มีร่วม 50 ชีวิตส่วนใหญ่จะมีงานประจำ 
 
แต่ที่ผ่านมารายได้จากการคณะสิงโตก็นับเป็นครึ่งหนึ่งของรายได้ที่ช่วยหาเลี้ยงชีพนับแต่เปิดคณะมา 27 ปี เคยได้คนละไม่ต่ำกว่า 2 พันบาทต่อคนต่องาน ในช่วงพีคที่วิ่งรอก 4-5งานต่อวัน ตรุษจีนปีนี้รายได้หายไปหลายแสนบาท
 
ในแต่ละปีมีค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์ตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นบาท เหนือสิ่งอื่นใด คือความตั้งใจในการอนุรักษวัฒนธรรมการเชิดสิงโต พัฒนารูปแบบการแสดงและพร้อมถ่ายทอดให้คนรุ่นหลัง