(วัดที่ถูกขุดพบใน Talakadu Cr.ภาพ: badattidude.blogspot.com)
เมืองโบราณ " Talakad " หรือที่เรียกว่า Talakadu ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Kaveri ห่างจาก Mysoreไปทางตะวันออก 45 กม. และห่างจาก Bangalore ใน Karnataka ประเทศอินเดีย 185 กม. โบราณสถาน Talakad นั้นมีความสำคัญทางโบราณคดี ไม่ใช่แค่ศูนย์แสวงบุญทางจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังมีทิวทัศน์และหาดทรายที่สวยงามด้วย
Talakadu เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักร Ganga ตะวันตกซึ่งปกครองเหนือรัฐกรณาฏกะทางตอนใต้ของอินเดีย ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 4 - 10
เป็นสถานที่ลึกลับที่เต็มไปด้วยอดีตอันยาวนานและมรดกทางวัฒนธรรม โดยมีวิหาร Vaidyanatheshwara ที่มีชื่อเสียงที่อุทิศแด่พระศิวะ เมืองนี้เป็นพยานถึงการเพิ่มขึ้น และการล่มสลายของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่หลายแห่ง ได้แก่ Cholas, Pallavas, Gangas, Vijayanagar และ Hoysalas
เมืองที่เคยเฟื่องฟูนี้ มีวัดกว่า 30 แห่งอยู่ในซากปรักหักพังและถูกกลืนไปด้วยทราย เมื่อแม่น้ำ Kaveri เปลี่ยนทิศทาง ซึ่งการสูญเสีย Talakadu เป็นภัยพิบัติทางระบบนิเวศที่น่าเสียดาย แต่ก็มีหลายคนที่เชื่อว่าเป็นเพราะการลงโทษของคำสาปโบราณ ที่ให้สถานที่แห่งนี้เป็นทะเลทราย โดยปัจจุบัน มีวัดหลายแห่งที่ถูกฝังอยู่ในทราย โดยเนินทรายบางแห่งสูงถึง 15 เมตร
ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า Talakadu ได้ชื่อมาจากพี่น้องฝาแฝดในตระกูล Kirāta 2 คนคือ Tala และ Kādu ซึ่งมีรูปสลักหินของสองพี่น้องอยู่ที่
ด้านหน้าวิหาร Veerabadra Swamy โดยเรื่องเล่าว่า พวกเขาออกไปล่าสัตว์ในป่า และเห็นช้างป่ากำลังบูชาต้นไม้ ด้วยความอยากรู้ พวกเขาจึงตัดต้นไม้ต้นนั้น และพบว่ามีเลือดออกมา ความจึงปรากฎว่าต้นไม้นั้นคือพระศิวะและช้างคือฤษี (ปราชญ์) ที่กำลังบูชาพระองค์ หลังจากนั้น ต้นไม้ก็ได้รับการบูรณะขึ้นเองอย่างน่าอัศจรรย์และถูกให้ชื่อว่า " Talakadu "
จากศตวรรษที่ 17 แม่น้ำเริ่มเปลี่ยนทิศทางไป และเมืองก้เริ่มถูกฝังอยู่ใต้ทราย โดยนักธรณีวิทยาเชื่อว่า อาจเกิดจากการสร้างเขื่อนทางเหนือของเมือง
ในศตวรรษที่ 14 ซึ่งเขื่อนอาจทำให้น้ำรอบ ๆ แม่น้ำ Kaveri ตื้นขึ้นมากจนเห็นพื้นทราย และลมตะวันตกเฉียงใต้ได้พัดพาทรายมาทับถมที่เมืองเก่าแห่งนี้
สองร้อยปีถัดมา ผืนทรายก็ยังคงเข้าปกคลุม Talakadu และผู้คนที่เบื่อหน่ายกับสิ่งนี้ก็เริ่มย้ายออกไปอยู่เมืองใหม่ที่ผุดขึ้นทางเหนือ ทำให้เมืองเล็ก ๆ ที่เก่าแก่และเงียบสงบแห่งนี้เป็นเพียงซากแห่งความรุ่งเรืองในอดีต แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Talakadu แห่งใหม่ได้กลายเป็นศูนย์กลางของความก้าวหน้าล่าสุด ในการปลูกพืชสวนและการทำไวน์
ซึ่งปัจจุบัน Talakadu ถูกเรียกทั่วกันว่า Bangalore's Gourmet Valley ที่ผลิตไวน์ชั้นดีและผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ชีสโดยช่างฝีมือที่มีประสบการณ์
รวมทั้งการทำอาหารที่หลากหลายอื่น ๆด้วย
วิหาร Hoysala ที่มีรากฐานเป็นรูปดาวและเสาและช่างแกะสลักที่สลับซับซ้อน
สำหรับเนินทรายที่เข้ามาปิดเมืองอย่างกะทันหันนั้นยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างแน่ชัด แต่จากคำบอกเล่าส่วนใหญ่ของชาวบ้านนั้นเป็นเพราะคำสาป
โดยเรื่องราวของคำสาปที่มีชื่อเสียงของ Talakadu ต้องย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 17 เมื่อราชา Tirumala ผู้ว่าการอาณาจักร Vijayanagara ซึ่งปกครอง Talakadu มาที่เมืองเพื่อสวดมนต์ในวิหาร Vaidyēsvara
ด้วยความหวังว่าพระคุณอันสูงส่งของพระเจ้าจะรักษาเขา ที่กำลังทุกข์ทรมานจากโรคที่รักษาไม่หาย โดยราชา Tirumala ได้ทิ้งให้ Alamelamma ภรรยาของเขาให้ดูแลอาณาจักรแทน แต่ราชา Wadiyar แห่งไมซอร์ เห็นว่านี่เป็นโอกาสจึงแย่งชิงอำนาจจาก Alamelamma และไล่ล่า Alamelamma ไปที่
ริมฝั่งแม่น้ำ Kaveri (สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า Malangi) ซึ่งราชินีได้กระโดดลงไปในน้ำเพื่อหลบหนีจากลูกน้องของราชา Wadiyar ก่อนที่เธอจะจมน้ำตายพร้อมกับคำสาปสามอย่างคือ
“ ให้ Talakād กลายเป็นทราย, ให้ Mālangi (แม่น้ำ Kaveri ) กลายเป็นวังน้ำวน และให้ราชา Mysore ล้มเหลวในการให้กำเนิดทายาท ” ตั้งแต่นั้นมา มีการกล่าวกันว่าคำสาปทั้งสามนี้ส่งผลกระทบต่อ Talakad ทำให้เมืองที่มีชีวิตชีวาเริ่มกลายเป็นเมืองร้าง และราชวงศ์ที่ปกครองอยู่ก็มีปัญหาแปลก ๆ ในการมีทายาท
โดยต่อมามีการระบุถึงเมือง Talakadu ว่าถูกฝังอยู่ในทราย และลูกชายคนเดียวของ Raja Wadiyar ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เสียชีวิตลงโดยปราศจากผู้ปกครองที่เป็นทายาทแห่งบัลลังก์ แต่ด้วยความเศร้าโศก ราชา Wadiyar จึงกลับใจ หลังจากนั้นเขาได้ทำรูปปั้นของ Alamelamma ที่ทำด้วยทองคำติดตั้งไว้ในพระราชวังและบูชามันในฐานะเทพ โดยรูปปั้นนี้สามารถพบได้ในพระราชวัง Mysore
talakadu kaveri river
References:
# Temple tales, Deccan Herald
# Aditi Shah, Talakadu: A Town Buried Under Kaveri’s Sands, Live History India
# Chitra Ramaswamy, By the river, in the sand, Deccan Herald
# Wikipedia
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
Talakadu: นครแห่งวิหารที่ถูกกลืนกินด้วยทราย
ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า Talakadu ได้ชื่อมาจากพี่น้องฝาแฝดในตระกูล Kirāta 2 คนคือ Tala และ Kādu ซึ่งมีรูปสลักหินของสองพี่น้องอยู่ที่
ด้านหน้าวิหาร Veerabadra Swamy โดยเรื่องเล่าว่า พวกเขาออกไปล่าสัตว์ในป่า และเห็นช้างป่ากำลังบูชาต้นไม้ ด้วยความอยากรู้ พวกเขาจึงตัดต้นไม้ต้นนั้น และพบว่ามีเลือดออกมา ความจึงปรากฎว่าต้นไม้นั้นคือพระศิวะและช้างคือฤษี (ปราชญ์) ที่กำลังบูชาพระองค์ หลังจากนั้น ต้นไม้ก็ได้รับการบูรณะขึ้นเองอย่างน่าอัศจรรย์และถูกให้ชื่อว่า " Talakadu "
ในศตวรรษที่ 14 ซึ่งเขื่อนอาจทำให้น้ำรอบ ๆ แม่น้ำ Kaveri ตื้นขึ้นมากจนเห็นพื้นทราย และลมตะวันตกเฉียงใต้ได้พัดพาทรายมาทับถมที่เมืองเก่าแห่งนี้
สองร้อยปีถัดมา ผืนทรายก็ยังคงเข้าปกคลุม Talakadu และผู้คนที่เบื่อหน่ายกับสิ่งนี้ก็เริ่มย้ายออกไปอยู่เมืองใหม่ที่ผุดขึ้นทางเหนือ ทำให้เมืองเล็ก ๆ ที่เก่าแก่และเงียบสงบแห่งนี้เป็นเพียงซากแห่งความรุ่งเรืองในอดีต แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Talakadu แห่งใหม่ได้กลายเป็นศูนย์กลางของความก้าวหน้าล่าสุด ในการปลูกพืชสวนและการทำไวน์
ซึ่งปัจจุบัน Talakadu ถูกเรียกทั่วกันว่า Bangalore's Gourmet Valley ที่ผลิตไวน์ชั้นดีและผลิตภัณฑ์ที่แปลกใหม่ชีสโดยช่างฝีมือที่มีประสบการณ์
รวมทั้งการทำอาหารที่หลากหลายอื่น ๆด้วย
โดยเรื่องราวของคำสาปที่มีชื่อเสียงของ Talakadu ต้องย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 17 เมื่อราชา Tirumala ผู้ว่าการอาณาจักร Vijayanagara ซึ่งปกครอง Talakadu มาที่เมืองเพื่อสวดมนต์ในวิหาร Vaidyēsvara
ด้วยความหวังว่าพระคุณอันสูงส่งของพระเจ้าจะรักษาเขา ที่กำลังทุกข์ทรมานจากโรคที่รักษาไม่หาย โดยราชา Tirumala ได้ทิ้งให้ Alamelamma ภรรยาของเขาให้ดูแลอาณาจักรแทน แต่ราชา Wadiyar แห่งไมซอร์ เห็นว่านี่เป็นโอกาสจึงแย่งชิงอำนาจจาก Alamelamma และไล่ล่า Alamelamma ไปที่
ริมฝั่งแม่น้ำ Kaveri (สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า Malangi) ซึ่งราชินีได้กระโดดลงไปในน้ำเพื่อหลบหนีจากลูกน้องของราชา Wadiyar ก่อนที่เธอจะจมน้ำตายพร้อมกับคำสาปสามอย่างคือ
“ ให้ Talakād กลายเป็นทราย, ให้ Mālangi (แม่น้ำ Kaveri ) กลายเป็นวังน้ำวน และให้ราชา Mysore ล้มเหลวในการให้กำเนิดทายาท ” ตั้งแต่นั้นมา มีการกล่าวกันว่าคำสาปทั้งสามนี้ส่งผลกระทบต่อ Talakad ทำให้เมืองที่มีชีวิตชีวาเริ่มกลายเป็นเมืองร้าง และราชวงศ์ที่ปกครองอยู่ก็มีปัญหาแปลก ๆ ในการมีทายาท
โดยต่อมามีการระบุถึงเมือง Talakadu ว่าถูกฝังอยู่ในทราย และลูกชายคนเดียวของ Raja Wadiyar ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เสียชีวิตลงโดยปราศจากผู้ปกครองที่เป็นทายาทแห่งบัลลังก์ แต่ด้วยความเศร้าโศก ราชา Wadiyar จึงกลับใจ หลังจากนั้นเขาได้ทำรูปปั้นของ Alamelamma ที่ทำด้วยทองคำติดตั้งไว้ในพระราชวังและบูชามันในฐานะเทพ โดยรูปปั้นนี้สามารถพบได้ในพระราชวัง Mysore
# Temple tales, Deccan Herald
# Aditi Shah, Talakadu: A Town Buried Under Kaveri’s Sands, Live History India
# Chitra Ramaswamy, By the river, in the sand, Deccan Herald
# Wikipedia
Cr.https://lakshmisharath.com/talakadu-buried-in-the-sands-of-time-3/