JJNY : 5in1 แพทย์-พยาบาลเมียนมาชู3นิ้ว│ค้าปลีกยังแย่│ตรุษจีนโคราชแม่ค้าโอด│พท.ร่วมเวทีUN│เครือข่ายแรงงานโวย│นิพิฎฐ์ท้า

แพทย์-พยาบาลเมียนมาชู 3 นิ้ว ‘นัดหยุดงาน-ติดริบบิ้นแดง’ ต้านรัฐประหาร
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2560917

 
แพทย์-พยาบาลเมียนมาชู 3 นิ้ว ‘นัดหยุดงาน-ติดริบบิ้นแดง’ ต้านรัฐประหาร
 
แพทย์และพยาบาลเมียนมาในโรงพยาบาล 70 แห่ง และหน่วยงานทางการแพทย์ใน 30 เมืองทั่วประเทศร่วมกันหยุดทำงานในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ เพื่อแสดงอารยะขัดขืนต่อการรัฐประหาร และกดดันให้มีการปล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี
 
นอกจากนี้ยังมีการประกาศตั้ง “แนวร่วมริบบิ้นแดง” โดยบุคลากรทางการแพทย์ได้พากันติดริบบิ้นสีแดงที่เสื้อผ้าเพื่อแสดงท่าทีต่อต้านการยึดอำนาจ เนื่องจากสีแดงคือสีของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ของซูจี
 
ขณะที่ในช่วงกลางดึกวันที่ 2 กุมภาพันธ์ มีแถลงการณ์เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กของแนวร่วมอารยะขัดขืนของพลเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นว่า แพทย์และพยาบาลจะทำตามและรับฟัคำสั่งจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น
 
กลุ่มแพทย์และพยาบาลยังได้ออกแถลงการณ์อีกฉบับตำหนิกองทัพว่า ยึดแต่ผลประโยชน์ของตนเองเหนือพลเมืองที่เปราะบาง ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากในขณะที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในเมียนมาแล้วมากกว่า 3,100 ราย ดังนั้นเราจึงปฏิเสธที่จะเชื่อคำสั่งของกองทัพที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่สนใจต่อผู้ป่วยที่น่าสงสาร
  

  
ค้าปลีกยังแย่ โควิดฉุดรายได้ วอนต่อ’ช้อปดีมีคืน’ถึง5หมื่นบ. ดึงกำลังซื้อต้นปี
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2561020
 
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก(โมเดิร์นเทรด) จากผู้ประกอบการ 112 ราย ช่วงวันที่ 23 ธันวาคม 2563 ถึง 18 มกราคม 2564 พบว่า ค่าดัชนีฯไตรมาส4/2563 เท่ากับ 47.3 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนว่าธุรกิจค้าปลีกยังแย่อยู่ และเป็นค่าที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปี ยกเว้นไตรมาส 1/2563 ที่มีค่าดัชนีอยู่ 47.2 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 รอบแรกต้นปี 2563 และรอบสองกลางเดือนธันวาคมถึงปัจจุบัน
 
ดังนั้นปัจจัยที่มีผลต่อค้าปลีก คือ การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้รัฐบาลออกมาตรการล็อกดาวน์และการเดินทางใช้จ่ายหรือท่องเที่ยวลดลง ประกอบกับกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด และวิตกต่อการหางานทำในอนาคต ดังนั้น เมื่อวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดโควิดรอบใหม่ จึงกระทบต่อจำนวนลูกค้าและนักท่องเที่ยวลดลง กำลังซื้อและความถี่ซื้อสินค้าลดลง รายได้ลด กำไรลด สวนทางให้ต้นทุนดำเนินการ กระแสเงนิสด แผนการลงทุน และการจ้างงาน ซึ่งบางส่วนเริ่มพัฒนาระบบออนไลน์ขึ้นมาทดแทนก็ยิ่งเพิ่มการแข่งขันในระบบออนไลน์มากขึ้น
 
” ในการสำรวจผู้ประกอบการฝากความหวังไว้ที่การแพร่ระบาดโควิดคลี่คลายเร็ว และยาวัคซีนต้านไวรัสฉีดได้เร็วและมากที่สุดภายในไตรมาส 2 ปีนี้ ก็จะทำให้กิจกรรมต่างๆฟื้นตัว เปิดน่านฟ้า เริ่มเดินทาง จะทำให้ค่าความเชื่อมั่นโมเดิร์นเทรดเกินระดับ 50 อีกครั้ง บนพื้นฐานจีดีพีไทยปีนี้โต 2.5-3% ” นายธนวรรธน์ กล่าว
 
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการค้าปลีกเสนอให้รัฐบาลเร่งแกไข้ คือ 1. เร่งแก้ไขปัญหา และควบคุมสถานการณ์โควิด19 ให้เร็วที่สุด 2.มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยลดค่าใช้จ่ายภาคปลีกและการบริการเร่งด่วน อาทิ ลดค่าน้ำ ค่าไฟ 50% 1 ปี นำค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 มาลดหย่อนภาษีได้ 3 เท่า คล้ายกับงดเว้นการเก็บภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดินปี 2563 – 65 ขยายเวลานำผลขาดทุนสุทธิยกมาจากเดิมไม่เกิน 5 รอบ เป็น 8 รอบระยะเวลาบัญชี 3. การเร่งฟื้นฟูการท่องเทยี่วในประเทศ 4. สนับสนุนให้ธุรกิจค้าปลีกได้มีส่วนร่วมในโครงการของรัฐบาล
 
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ผู้ประกอบการร้องขอมาตรการที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือค้าปลีกโดยตรง คือ 
 
1.กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ ช้อป ดี มีคืน เพิ่มวงเงินเป็น 50,000 บาท ในไตรมาส 1/2564 จากปีก่อนอยู่ที่ 30,000 บาท 
  
2. การสนับสนุนบริษัทเอกชนในการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้สำหรับการเสริมมาตรการป้องกันโควิด เช่น สามารถเอาค่าใช้จ่ายหักลดหย่อนภาษีธุรกิจได้ 2 เท่า 
 
3. การส่งเสริมแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้ธุรกิจค้าปลีกและบริการและผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นผู้เช่า
 
4. ลดภาษีนิติบุคคลจากร้อยละ 20% เป็น ร้อยละ 10% เป็นเวลา 3 ปี หรือการเลื่อนการจ่ายภาษี เช่น ภาษีหัก ณ ที่จ่าย, ภาษีนิติบุคคลประจำปีเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องของธุรกิจค้าปลีก 5.เพื่อรักษาสถานะภาพการจ้างงานภาคค้าปลีกและบริการ ป้องกันคนตกงาน เสนอให้ภาครัฐสนับสนุนค่าจ้าง 50% ให้กับโซนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 เช่น สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี ภูเก็ต โดยมีเงื่อนไขว่าบริษัทฯ ต้องไม่จ้าง พนักงานออก หรือให้ภาคค้าปลีกและบริการนำค่าใช้จ่ายค่าจ้างแรงงานมาหักภาษีได้ 3 เท่า ในปี 2563-2565 และ 6.อนุมัติการจ้างงานรายชั่วโมงเพื่อสนับสนุนการจ้างงานเพิ่ม
  
นายสุรงค์ บูลกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า เดิมนั้นเอกชนมองว่าค้าปลีกปีนี้จะดีขึ้น แต่เมื่อเกิดโควิดระดบาดรอบสองในไทยกลางเดือนธันวาคมปีก่อนจนถึงวันนี้ ก็ดับฝันและสถานการณ์ค้าปลีกก็ถดถอยลงอีกครั้ง ประเมินได้ว่าจับจ่ายใช้สอยในช่วงตรุษจีนปีนี้ ไม่คึกคักแน่นอน และบางส่วนหันไปสั่งจองของไหว้และขายผ่านออนไลน์มากกว่าการเดินห้างหรือซื้อตามตลาด ซึ่งค้าปลีกเองก็ปรับตัวมาตั้งแต่ปีก่อนเมือ่เกิดโควิดรอบแรก และเริ่มใช้การออนไลน์มากขึ้น ซึ่งระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน
 
” อยากให้รัฐบาลเร่งพิจารณาเรื่องอนุมัติการจ้างรายชั่วโมง โดยแยกการจ้างแรงงานในภาคบริการ ออกจากภาคอุตสาหกรรม เพราะชั่วโมงการทำงานแตกต่างกัน บริการจะมีช่วงเข้าใช้บริการมากน้อยต่างจากการผลิต ซึ่งหากมีการหนุนจ้างรายชั่วโมงจะช่วยเพิ่มอัตราจ้างใหม่ไม่น้อยกว่า 5 พันอัตรา และสามารถจ้างงานชั่วคราวกับแรงงานนอกระบบอีก1.2 ล้านอัตรา
 
นายสุรงค์ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่รัฐควรเร่งคือการคัดกรองช่วยเหลือสภาพคล่องผู้ประกอบการให้เข้าถึงซอฟต์โลน และ ลดหย่อนให้กับค้าปลีกที่เปิดพื้นที่ให้รายย่อยได้ค้าขาย เพื่อที่จะหนุนโครงการคนละครึ่ง เป็นต้น
 

 
ปรับราคารับตรุษจีน หมู-ผลไม้ตลาดโคราช แม่ค้าโอด ลูกค้าหายอื้อ ผลจากโควิด 
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5875699
 
หมู-ผลไม้ตลาดสดโคราช เริ่มปรับขึ้นราคารับตรุษจีน แม่ค้าโอด ลูกค้าหาย ตลาดเงียบ ผลกระทบจากโควิด เผยเหตุขึ้นราคา เพราะรับมาราคาสูงแล้ว
 
วันที่ 3 ก.พ.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 12 ก.พ. ของเซ่นไหว้หลายรายการเริ่มปรับราคาสูงขึ้น 15-20% จากการลงพื้นที่สำรวจตลาดย่าโม ซึ่งเป็นตลาดสดค้าปลีกและค้าส่งในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบว่า บรรยากาศยังไม่คึกคักมากนัก มีประชาชนเข้ามาจับจ่ายซื้อของอย่างบางตา ขณะที่วัตถุดิบสำหรับใช้เซ่นไหว้หลายรายการ ได้มีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น เช่น เนื้อหมู เนื้อเป็ด ส้มเขียวหวาน แอปเปิ้ล และสาลี่ เป็นต้น
 
จากการสอบถาม น.ส.อนุรดี จันทร์ดาวรรณ อายุ 22 ปี แม่ค้าเขียงหมู ตลาดสดย่าโม กล่าวว่า ช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีนปีนี้ เนื้อหมูเริ่มปรับราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง หากเทียบกับช่วงปีใหม่เป็นต้นมาจนถึงขณะนี้ ราคาปรับขึ้นแล้วประมาณ 50 บาทต่อกิโลกรัม โดยขณะนี้ ราคาขายหน้าแผง เนื้อแดง ราคา 150 บาท/กก., สันใน ราคา 170 บาท/กก., สามชั้น ราคา 150 บาท/กก. เนื่องจากรับมาจากพ่อค้าคนกลางในราคาแพง
 
ขณะเดียวกันบรรยากาศค้าขายช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ถือว่าเงียบเหงากว่าทุกปี ลูกค้าหายไปกว่า 40% เพราะเศรษฐกิจไม่ได้ ประกอบกับได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วย ดังนั้นทุกคนจึงต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด และหันไปซื้ออย่างอื่นที่ราคาถูกกว่าหมูไปเซ่นไหว้แทน จึงคาดว่าปีนี้จะขายได้น้อยลง
 
ด้าน น.ส.วิภาวรรณ จันทร์แดง อายุ 38 ปี แม่ค้าขายผลไม้ ตลาดสดย่าโม กล่าวว่า ในส่วนของราคาผลไม้สำหรับเซ่นไหว้ ก็ปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงปกติ 10-15 บาท เช่น ส้มสายน้ำผึ้ง ราคา 55 บาท/กก., ส้มซาถัง ราคา 45 บาท/กก., สาลี่ และแอปเปิ้ล ลูกละ 15 บาท, ชมพู่ ราคา 70 บาท/กก. เป็นต้น
 
โดยคาดว่าช่วงสัปดาห์หน้าไปจนถึงวันตรุษจีน ราคาจะปรับสูงขึ้นอีก เนื่องจากประชาชนจะซื้อไปเป็นจำนวนมากทำให้ผลไม้เริ่มขาดตลาด ถึงอย่างไรก็ตามปีนี้คาดว่าขายผลไม้ได้น้อยกว่าทุกปี ดังนั้นตนจึงไม่กล้าที่จะลงผลไม้ไว้มาก โดยได้ลดการนำผลไม้มาขายลงถึง 50% เนื่องจากเชื่อว่าเทศกาลตรุษจีนปีนี้จะไม่ค่อยคึกคัก เพราะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่