สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอบอกว่านี่เป็นกระทู้แรกของผม
ที่ตัดสินใจมาเขียนก็เพราะ ผมอยากแลกเปลี่ยนความคิด เพื่อที่จะเป็นแนวทางและประกอบการตัดสินใจ
ผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ขอเท้าความย้อนหลังไปนิดนึงนะครับก่อนหน้าผมทำงานเกี่ยวกับ เครือค่ายมือถือค่ายๆนึง
เป็นงานลักษณะบริการและงานขายภายในห้าง ก็มีเรื่องเครียดบ้างเกี่ยวกับยอดขายเนื่องสถานการณ์โควิด แต่เครียดแค่เฉพาะบางวัน
ที่โดนกดดันยอด ไม่ได้เป็นทุกวัน ทำมาเกือบสองปี ส่วนนึงคือเรื่องเงินตอบโจทย์อยู่ได้มีเก็บ และเพื่อนร่วนงานโอเค
อยู่ในช่วงวัยไล่ๆกัน ลืมบอกผม กำลังจะ26ปีอีกสามสามเดือน
ในช่วงต้นเดือนของพฤศจิกายน ผมทราบข่าวว่างานที่บ้านเค้าเปิดรับสมัครเป็นครูอัตราจ้าง ซึ่งดูจะใกล้เคียงกว่างานเก่าที่ผมทำอยู่
เป็นครูสอนเกี่ยวกับด้านเกษตร ของสายอาชีวะ ผมจบด้านใกล้ๆเคียงสายนี้มาครับ แต่ผมรู้จักตัวเองช้าว่าไม่ได้ชอบในด้านนี้เลยไม่ได้สนใจเลย
ตั้งแต่ตอนเรียนแต่ก็จบมาได้ ส่วนนึงที่ตัดสินใจมาสมัครก็เพราะคิดถึงอนาคตและความมั่นคงในชีวิตมากขึ้นก็เลยมาสมัคร
จนผมมาได้งานนี้เนื่องจากคนสมัครแค่สองคนและอีกคนเป็นผู้หญิงเหมือนเค้าอยากได้ผู้ชายมาทำ ในสัปดาห์แรกของการทำงานเป็นอะไรที่โหด
มากเพราะอยู่ในช่วงเค้าจะเข้ามาประเมินโครงการและปิดเทอม ทั้งยกอิฐ ขุดดิน แบกหาม ทำหมด เพราะคนงานไม่มี มีก็น้อยไม่พอกับงาน
เหมือนผมปรับตัวไม่ได้ เพราะมันกระทันหันและมาเจออะไรแบบนี้ต่างกับงานเก่าโดยสิ้นเชิง เพื่อนร่วมงานก็ค่อนข้างต่างวัย
หัวหน้าแผนกก็ขี้เมา และชอบโยนงานให้ พอมันมาเข้ามาแบบทีเดียวพร้อมกัน หลังจากหนึ่งเดือนงานก็เบาลง แต่เรายังเรารู้สึกเครียด
และกดดันมากๆต้องทำงานหนักนั้นราวๆเกือบสามอาทิตย์ มันเหมือนเป็นตัวชนวนและตัวสะสมความเครียด
และความเศร้าเข้ามากัดกินในใจผม ผมคิดแต่เรื่องเดิมๆซ้ำๆคิดวกวนว่าทำไมกูตัดสินใจพลาดวะ
ไม่น่าตัดสินใจอย่างนี้เลย ผมไม่ได้ลืมจุดประสงค์แรกที่ตั้งใจมาเพราะอะไร
หลังจากนั้นที่เริ่มทำงานมาได้หนึ่งเดือนผมก็เริ่มรู้สึกไม่ปกติกับตัวเอง เนื่องจากผมอยู่คนเดียวและร้องไห้ รู้สึกผิดหวังกับตัวเอง
รู้สึกไร้ค่า กระวนกระวาย และทุกเช้าเราไม่อยากที่จะตื่นขึ้นมา สิ่งที่เคยสนใจและเป็นเป้าหมายกลับหายไปในช่วงแค่เดือนเดียวที่มาทำที่นี้
เอาแต่หมกตัวไม่ทำไรอะไร และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีทางออก หลายๆครั้งมีความคิดเพื่อหาวิธีอยากจะปลดปล่อยตัวเอง
ผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับแม่
เค้าก็แนะนำให้สู้ไปก่อนเดี๋ยวก็ดีขึ้น งานไม่ได้หนักแบบนี้ตลอด ผมรู้สึกเสียใจมากขึ้นไปอีกที่ทำให้เค้าเครียด ในตอนแรก
ผมบอกกับเค้าว่าขอทำแค่จบเทอมนะผมไม่ไหวจริงๆ ทุนเดิมคือไม่ได้ชอบสายนี้อยู่แล้วๆต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้
ความรู้สึกมันเลยดิ่งลึกลงไปจนผมไม่สามารถพามันกลับมาได้ จะถึงขั้นมีปากเสียงและทะเลาะกันเพราะความไม่เข้าใจ
ผมหาวิธีต่างๆนาๆเพื่อจะพูดคุยให้เค้าเข้าใจ แต่ก็ไม่เป็นผลในช่วงแรก ผมเลยรู้สึกผมทำมันพังหมดไปทุกอย่าง
แต่โชคยังดี ....
ที่ผมตัดสินใจไปปรึกษาหมอ ก็เล่าอาการและเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง พอหลังจากคุยกับหมอจบ หมอก็ไม่รีรอที่จำจ่ายยาให้ผม
และหลังจากกินไปได้สองอาทิตย์ ความคิดต่างๆนาๆที่มันเคยฟุ้งก็ค่อยๆเงียบและสงบลง แต่ก็ยังไม่ทำให้ผมสามารถ
ทำงานได้อย่างเต็มที่อยู่ดีเหมือนเราทำงานแค่รอเวลาที่จะออก และงานมันก็จะออกมาไม่โอเค ผมลองเปลี่ยนวิธีการคิด
พยามหาข้อดีของงานนี้ซึ่งมันก้มีแต่ เพราะผมเองไม่ได้ชอบในสายนี้แต่แรก ทุกอย่างมันเลยเหมือนปิดกั้น
ผมเลยอยากได้คำแนะนำและความคิดเห็นของเพื่อนๆว่า ผมควรทนทำงานนี้ต่อไปไหม เพราะตอนนี้คำตอบผมคือทำให้ครบเทอม
เพื่องานจะได้ไม่ตกที่คนอื่นกัน ครบเทอมจะครบก่อนสงกรานต์นี้ หรือควรเปลี่ยนวิธีคิดกับมุมมองยังไงดีถ้าต้องไปต่อ
ถ้าไม่ไปต่อจะออกตอนครบเทอม จะคุยกับแม่ยังไงให้เข้าใจดีครับ ??
เป็นโรคซึมเศร้า เพราะตัดสินใจผิดพลาด !!
ที่ตัดสินใจมาเขียนก็เพราะ ผมอยากแลกเปลี่ยนความคิด เพื่อที่จะเป็นแนวทางและประกอบการตัดสินใจ
ผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ขอเท้าความย้อนหลังไปนิดนึงนะครับก่อนหน้าผมทำงานเกี่ยวกับ เครือค่ายมือถือค่ายๆนึง
เป็นงานลักษณะบริการและงานขายภายในห้าง ก็มีเรื่องเครียดบ้างเกี่ยวกับยอดขายเนื่องสถานการณ์โควิด แต่เครียดแค่เฉพาะบางวัน
ที่โดนกดดันยอด ไม่ได้เป็นทุกวัน ทำมาเกือบสองปี ส่วนนึงคือเรื่องเงินตอบโจทย์อยู่ได้มีเก็บ และเพื่อนร่วนงานโอเค
อยู่ในช่วงวัยไล่ๆกัน ลืมบอกผม กำลังจะ26ปีอีกสามสามเดือน
ในช่วงต้นเดือนของพฤศจิกายน ผมทราบข่าวว่างานที่บ้านเค้าเปิดรับสมัครเป็นครูอัตราจ้าง ซึ่งดูจะใกล้เคียงกว่างานเก่าที่ผมทำอยู่
เป็นครูสอนเกี่ยวกับด้านเกษตร ของสายอาชีวะ ผมจบด้านใกล้ๆเคียงสายนี้มาครับ แต่ผมรู้จักตัวเองช้าว่าไม่ได้ชอบในด้านนี้เลยไม่ได้สนใจเลย
ตั้งแต่ตอนเรียนแต่ก็จบมาได้ ส่วนนึงที่ตัดสินใจมาสมัครก็เพราะคิดถึงอนาคตและความมั่นคงในชีวิตมากขึ้นก็เลยมาสมัคร
จนผมมาได้งานนี้เนื่องจากคนสมัครแค่สองคนและอีกคนเป็นผู้หญิงเหมือนเค้าอยากได้ผู้ชายมาทำ ในสัปดาห์แรกของการทำงานเป็นอะไรที่โหด
มากเพราะอยู่ในช่วงเค้าจะเข้ามาประเมินโครงการและปิดเทอม ทั้งยกอิฐ ขุดดิน แบกหาม ทำหมด เพราะคนงานไม่มี มีก็น้อยไม่พอกับงาน
เหมือนผมปรับตัวไม่ได้ เพราะมันกระทันหันและมาเจออะไรแบบนี้ต่างกับงานเก่าโดยสิ้นเชิง เพื่อนร่วมงานก็ค่อนข้างต่างวัย
หัวหน้าแผนกก็ขี้เมา และชอบโยนงานให้ พอมันมาเข้ามาแบบทีเดียวพร้อมกัน หลังจากหนึ่งเดือนงานก็เบาลง แต่เรายังเรารู้สึกเครียด
และกดดันมากๆต้องทำงานหนักนั้นราวๆเกือบสามอาทิตย์ มันเหมือนเป็นตัวชนวนและตัวสะสมความเครียด
และความเศร้าเข้ามากัดกินในใจผม ผมคิดแต่เรื่องเดิมๆซ้ำๆคิดวกวนว่าทำไมกูตัดสินใจพลาดวะ
ไม่น่าตัดสินใจอย่างนี้เลย ผมไม่ได้ลืมจุดประสงค์แรกที่ตั้งใจมาเพราะอะไร
หลังจากนั้นที่เริ่มทำงานมาได้หนึ่งเดือนผมก็เริ่มรู้สึกไม่ปกติกับตัวเอง เนื่องจากผมอยู่คนเดียวและร้องไห้ รู้สึกผิดหวังกับตัวเอง
รู้สึกไร้ค่า กระวนกระวาย และทุกเช้าเราไม่อยากที่จะตื่นขึ้นมา สิ่งที่เคยสนใจและเป็นเป้าหมายกลับหายไปในช่วงแค่เดือนเดียวที่มาทำที่นี้
เอาแต่หมกตัวไม่ทำไรอะไร และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีทางออก หลายๆครั้งมีความคิดเพื่อหาวิธีอยากจะปลดปล่อยตัวเอง
ผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับแม่
เค้าก็แนะนำให้สู้ไปก่อนเดี๋ยวก็ดีขึ้น งานไม่ได้หนักแบบนี้ตลอด ผมรู้สึกเสียใจมากขึ้นไปอีกที่ทำให้เค้าเครียด ในตอนแรก
ผมบอกกับเค้าว่าขอทำแค่จบเทอมนะผมไม่ไหวจริงๆ ทุนเดิมคือไม่ได้ชอบสายนี้อยู่แล้วๆต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้
ความรู้สึกมันเลยดิ่งลึกลงไปจนผมไม่สามารถพามันกลับมาได้ จะถึงขั้นมีปากเสียงและทะเลาะกันเพราะความไม่เข้าใจ
ผมหาวิธีต่างๆนาๆเพื่อจะพูดคุยให้เค้าเข้าใจ แต่ก็ไม่เป็นผลในช่วงแรก ผมเลยรู้สึกผมทำมันพังหมดไปทุกอย่าง
แต่โชคยังดี ....
ที่ผมตัดสินใจไปปรึกษาหมอ ก็เล่าอาการและเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง พอหลังจากคุยกับหมอจบ หมอก็ไม่รีรอที่จำจ่ายยาให้ผม
และหลังจากกินไปได้สองอาทิตย์ ความคิดต่างๆนาๆที่มันเคยฟุ้งก็ค่อยๆเงียบและสงบลง แต่ก็ยังไม่ทำให้ผมสามารถ
ทำงานได้อย่างเต็มที่อยู่ดีเหมือนเราทำงานแค่รอเวลาที่จะออก และงานมันก็จะออกมาไม่โอเค ผมลองเปลี่ยนวิธีการคิด
พยามหาข้อดีของงานนี้ซึ่งมันก้มีแต่ เพราะผมเองไม่ได้ชอบในสายนี้แต่แรก ทุกอย่างมันเลยเหมือนปิดกั้น
ผมเลยอยากได้คำแนะนำและความคิดเห็นของเพื่อนๆว่า ผมควรทนทำงานนี้ต่อไปไหม เพราะตอนนี้คำตอบผมคือทำให้ครบเทอม
เพื่องานจะได้ไม่ตกที่คนอื่นกัน ครบเทอมจะครบก่อนสงกรานต์นี้ หรือควรเปลี่ยนวิธีคิดกับมุมมองยังไงดีถ้าต้องไปต่อ
ถ้าไม่ไปต่อจะออกตอนครบเทอม จะคุยกับแม่ยังไงให้เข้าใจดีครับ ??