รีวิวกึ่งสรุป "ปล่อยให้เรื่องของเรา ค่อย ๆ ผ่านไป"
มีใครสักคนที่มันติดอยู่ในใจ!!!
ทำยังไงก็ลบไม่ออก!!!
ปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับว่าเรื่อง
ความรักความสัมพันธ์เป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตเราเรื่องหนึ่ง
บางคน
อกหักที ก็แทบเป็นแทบตายไม่เป็นอันกินอันนอนเหมือนกัน
เล่มนี้เป็นเล่มที่บันทึกช่วงเวลาความรักความสัมพันธ์ของคนคนนึงไว้ ซึ่งพอเราอ่านแล้วเราจะรู้สึก
รีเรทเหมือนสะท้อนเห็นเรื่องราวชีวิตของตัวเอง
ผู้เขียนเขียนเชิงบันทึกรวมทั้งเอาไดอารี่ชีวิตคู่ของตัวเองมากางให้ดูว่าเริ่มต้นรักได้อย่างไร รู้สึกอย่างไรเมื่อตกหลุมรัก
กระบวนการของการรัก
พบเจอ -> สะดุดตา -> ตกหลุมรัก -> เริ่มรู้จัก -> เริ่มรัก -> ตกหลุมแห่งความเศร้า -> ค่อย ๆ ปล่อยให้ความรู้สึกมันหายไป
ซึ่งเล่มนี้จะไม่ได้เล่าถึงความรักที่สมหวังซะทีเดียวแต่แสดงให้เห็นถึง ความรักที่มันสวยงาม
แต่สิ่งที่ทำให้มันไม่สวยก็คือ คนต่างหากแต่ถ้าความรักยังคงอยู่ถึงแม้คนจะจากไปแล้วมันก็ยังคงสวยงาม
ผู้เขียนชวนคิดเรื่องของการ
มูฟออน
ในเล่มผู้เขียนเล่าถึงเรื่องของความสัมพันธ์ของเขาเองที่มีระยะเวลาประมาณ 5 ปีซึ่งถ้าสะท้อนกลับไปที่เรื่องตัวเองก็คือ เราก็มีความสัมพันธ์แบบนี้เช่นกันไม่ว่าจะเป็น กับเพื่อน กับสิ่งของ กับครอบครัว
แต่เมื่อสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นการหายไปของคนที่เรารัก
เรามักจะถูกบอกให้รีบๆ ลืม
หรือ
เดินหน้าต่อได้แล้วหรือแม้กระทั้งชีวิตมันไม่ได้หยุด อยู่แค่นี้
เขาชวนให้ทุกคนมาคิดว่าระยะเวลาของความสัมพันธ์ที่สร้างกันมาตั้งนาน
แต่เมื่อมันจบลงเราต้องรีบลืมมันจริงๆ หรอ ?
ผู้เขียนใช้วิธีปล่อยให้ความทรงจำเก่า ๆ นั้นค่อย ๆ ผ่านไป โดยใช้ชีวิตบนความเข้าใจความเศร้าของตัวเอง
เข้าใจความคิดถึงของตัวเองและยังคงดำเนินชีวิตต่อบนความคิดถึงนั้นโดยที่ไม่ได้ปฏิเสธว่าเราไม่คิดถึงหรือเราสบายดี
ผมชอบบทที่เล่าถึงห้องสมุดแห่งความทรงจำที่สุด เพราะรู้สึกว่ามันเป็นความเศร้าที่งดงาม
ในชีวิตของเรามันจะมีบางคน ที่เวลาเราไปที่ไหนเราจะนึกถึงเขาตลอดเพราะเราเคยใช้ชีวิตกับเขาที่นี่ หรือแม้กระทั้งฟังเพลง หากเราฟังเพลงเพลงนึงแล้วเราอาจจะนึกถึงคนคนนี้ทุกทีที่ฟังเพลงนี้
นั้นแหละครับผู้เขียนเปรียบเหมือนสถานที่นั้นเป็นห้องสมุดแห่งความทรงจำ และเมื่อเขาคิดถึงมันขึ้นมาก็จะไปสถานที่ที่นั้นอีกครั้ง ! ไปเปิดสมุดแห่งความทรงจำอ่านอีกครั้ง
ซึ่งผมคิดว่าเป็นหนังสือที่สะท้อนและทำให้ตัวเองได้ทบทวนความสัมพันธ์ที่มีอยู่ที่ดีเล่มหนึ่งเลยไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน
คนที่มีความรักอยู่ -> เราจะเห็นข้อผิดพลาดที่ไม่ควรทำ
คนที่กำลังแอบรัก -> เราจะเห็นว่าพอได้รักจริง ๆแล้วมันก็มีเรื่องที่ไม่ได้งดงามตามที่วางไว้
คนที่กำลังอกหัก -> การแกล้งทำเป็นไม่เป็นไร มันไม่ได้ช่วยอะไร
คนที่อยู่คนเดียวได้สบาย ๆ -> การมีความรักแม้จะผิดหวังมันก็ไม่ได้แย่
เหมือนอ่านชีวิตคนคนนึงที่มันซึ้งและเศร้าในเวลาเดียวกันแต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ถ้ากำลังรัก ไม่ต้องเร่งให้รักเกิด
ถ้ากำลังเศร้า ไม่ต้องเร่งให้หายเศร้า
ถ้ากำลังมูฟออนเป็นวงกลม ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนีจากวงกลมนั้น
ปล่อยทุกอย่างให้มัน ค่อย ๆ ผ่านไปอย่างเป็นธรรมชาติ
และไม่ต้องรีบร้อน
สักวันคุณจะหายดี!
หนังสือยังไม่ได้วางขายในร้านหนังสือนะ
แต่สามารถ ซื้อ
E-book หรือสั่งจองเล่มได้ก่อนวางร้าน
ได้ที่นี้นะ |
https://www.bigdreamblog.com/2021/01/09/ebook-moveon/
มีใครสักคนที่มันติดอยู่ในใจ!!! | รีวิวกึ่งสรุปหนังสือ "ปล่อยให้เรื่องของเรา ค่อย ๆ ผ่านไป"
มีใครสักคนที่มันติดอยู่ในใจ!!!
ทำยังไงก็ลบไม่ออก!!!
ปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับว่าเรื่องความรักความสัมพันธ์เป็นเรื่องใหญ่ของชีวิตเราเรื่องหนึ่ง
บางคนอกหักที ก็แทบเป็นแทบตายไม่เป็นอันกินอันนอนเหมือนกัน
เล่มนี้เป็นเล่มที่บันทึกช่วงเวลาความรักความสัมพันธ์ของคนคนนึงไว้ ซึ่งพอเราอ่านแล้วเราจะรู้สึก
รีเรทเหมือนสะท้อนเห็นเรื่องราวชีวิตของตัวเอง
ผู้เขียนเขียนเชิงบันทึกรวมทั้งเอาไดอารี่ชีวิตคู่ของตัวเองมากางให้ดูว่าเริ่มต้นรักได้อย่างไร รู้สึกอย่างไรเมื่อตกหลุมรัก
กระบวนการของการรัก
พบเจอ -> สะดุดตา -> ตกหลุมรัก -> เริ่มรู้จัก -> เริ่มรัก -> ตกหลุมแห่งความเศร้า -> ค่อย ๆ ปล่อยให้ความรู้สึกมันหายไป
ซึ่งเล่มนี้จะไม่ได้เล่าถึงความรักที่สมหวังซะทีเดียวแต่แสดงให้เห็นถึง ความรักที่มันสวยงาม
แต่สิ่งที่ทำให้มันไม่สวยก็คือ คนต่างหากแต่ถ้าความรักยังคงอยู่ถึงแม้คนจะจากไปแล้วมันก็ยังคงสวยงาม
ผู้เขียนชวนคิดเรื่องของการมูฟออน
ในเล่มผู้เขียนเล่าถึงเรื่องของความสัมพันธ์ของเขาเองที่มีระยะเวลาประมาณ 5 ปีซึ่งถ้าสะท้อนกลับไปที่เรื่องตัวเองก็คือ เราก็มีความสัมพันธ์แบบนี้เช่นกันไม่ว่าจะเป็น กับเพื่อน กับสิ่งของ กับครอบครัว
แต่เมื่อสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นการหายไปของคนที่เรารัก
เรามักจะถูกบอกให้รีบๆ ลืม
หรือ
เดินหน้าต่อได้แล้วหรือแม้กระทั้งชีวิตมันไม่ได้หยุด อยู่แค่นี้
เขาชวนให้ทุกคนมาคิดว่าระยะเวลาของความสัมพันธ์ที่สร้างกันมาตั้งนาน
แต่เมื่อมันจบลงเราต้องรีบลืมมันจริงๆ หรอ ?
ผู้เขียนใช้วิธีปล่อยให้ความทรงจำเก่า ๆ นั้นค่อย ๆ ผ่านไป โดยใช้ชีวิตบนความเข้าใจความเศร้าของตัวเอง
เข้าใจความคิดถึงของตัวเองและยังคงดำเนินชีวิตต่อบนความคิดถึงนั้นโดยที่ไม่ได้ปฏิเสธว่าเราไม่คิดถึงหรือเราสบายดี
ผมชอบบทที่เล่าถึงห้องสมุดแห่งความทรงจำที่สุด เพราะรู้สึกว่ามันเป็นความเศร้าที่งดงาม
ในชีวิตของเรามันจะมีบางคน ที่เวลาเราไปที่ไหนเราจะนึกถึงเขาตลอดเพราะเราเคยใช้ชีวิตกับเขาที่นี่ หรือแม้กระทั้งฟังเพลง หากเราฟังเพลงเพลงนึงแล้วเราอาจจะนึกถึงคนคนนี้ทุกทีที่ฟังเพลงนี้
นั้นแหละครับผู้เขียนเปรียบเหมือนสถานที่นั้นเป็นห้องสมุดแห่งความทรงจำ และเมื่อเขาคิดถึงมันขึ้นมาก็จะไปสถานที่ที่นั้นอีกครั้ง ! ไปเปิดสมุดแห่งความทรงจำอ่านอีกครั้ง
ซึ่งผมคิดว่าเป็นหนังสือที่สะท้อนและทำให้ตัวเองได้ทบทวนความสัมพันธ์ที่มีอยู่ที่ดีเล่มหนึ่งเลยไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน
คนที่มีความรักอยู่ -> เราจะเห็นข้อผิดพลาดที่ไม่ควรทำ
คนที่กำลังแอบรัก -> เราจะเห็นว่าพอได้รักจริง ๆแล้วมันก็มีเรื่องที่ไม่ได้งดงามตามที่วางไว้
คนที่กำลังอกหัก -> การแกล้งทำเป็นไม่เป็นไร มันไม่ได้ช่วยอะไร
คนที่อยู่คนเดียวได้สบาย ๆ -> การมีความรักแม้จะผิดหวังมันก็ไม่ได้แย่
เหมือนอ่านชีวิตคนคนนึงที่มันซึ้งและเศร้าในเวลาเดียวกันแต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ถ้ากำลังรัก ไม่ต้องเร่งให้รักเกิด
ถ้ากำลังเศร้า ไม่ต้องเร่งให้หายเศร้า
ถ้ากำลังมูฟออนเป็นวงกลม ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนีจากวงกลมนั้น
ปล่อยทุกอย่างให้มัน ค่อย ๆ ผ่านไปอย่างเป็นธรรมชาติ
และไม่ต้องรีบร้อน
สักวันคุณจะหายดี!
หนังสือยังไม่ได้วางขายในร้านหนังสือนะ
แต่สามารถ ซื้อ E-book หรือสั่งจองเล่มได้ก่อนวางร้าน
ได้ที่นี้นะ | https://www.bigdreamblog.com/2021/01/09/ebook-moveon/