ในค่ายมีทั้งยาเสพติด ลักขโมยของ และแก๊งผู้มีอิทธิพล ดูๆแล้วยุโรปนี่ไม่ได้สนใจดูแลผู้ลี้ภัยเท่าไรเลยนะครับ จริงๆ โดนแค่ พรบ. คอมเขาไม่ต้องลี้ภัยก็ได้
------------------------------
17 มกราคม 2564 พระปัญญา สีสัน ภิกษุนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและแนวร่วมพรรคอนาคตใหม่ ผู้ขอลี้ภัยคดี ม.112 ได้ออกมาคร่ำครวญถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในค่ายผู้ขอลี้ภัยในยุโรปตลอดทั้งเดือน ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563 จนถึงปัจจุบันวันที่ 17 มกราคม 2564
โดยพบปัญหาอาชญากรรมภายในค่าย ตั้งแต่การมีแก๊งอิทธิพลภายในค่าย การข่มขู่คุกคาม ทำร้ายร่างกาย การปล้นชิง ลักขโมย การเสพยากลางห้องพักอาศัย รวมไปถึงการไม่เอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ทางการ เสมือนทำงานขอไปที และบริการที่ย่ำแย่จากหน่วยงานที่ดูแลค่ายผู้ลี้ภัย
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 พระปัญญา ได้บ่นถึงสภาพปัญหาในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งแรกที่มาพัก ว่าเพียงการเข้าพักวันเดียวก็โดนขโมยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และ iPad จากห้องพักแล้ว ซ้ำเจ้าหน้าที่ระบุไม่มีอำนาจตรวจค้น ครั้นแจ้งตำรวจ กว่าจะมาก็ผ่านไปเกิน 24 ชม.แล้ว
“…มาถึงศูนย์ผู้ขอลี้ภัยวันแรกขณะที่ยืนรออาหารกลางวันอยู่ชั้น 1 อาตมาก็ถูกขโมยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คกับไอแพดไปจากห้องพักชั้น 3 ซะแล้ว เท่าที่เดินดูทุกห้องพักของชั้น 2 และ 3 ในตอนค่ำกับชาวอัฟกานิสถานคนนึง แต่ละห้องจะมีผู้พักเป็นคนชาติเดียวกัน 3-5 คน งานนี้มิจฉาชีพทำงานเป็นทีม
ทีม รปภ.บอก พวกเขาไม่มีอำนาจค้นห้อง ค้นกระเป๋า อาตมาต้องนั่งรถเมล์ออกไปแจ้งความของหายด้วยตนเองด้วยความช่วยเหลือด้านข้อมูลของ รปภ. กว่าตำรวจท้องที่จะเข้ามาค้นห้องตามคำร้องขอของอาตมาทางโทรศัพท์ในสาย ๆ ของวันต่อมาที่โทรไปแจ้งว่า "ฉันพบห้องผู้ต้องสงสัยแล้ว 2 ห้อง" เวลาก็ผ่านไปเกือบ 24 ช.ม.แล้ว ตำรวจสูงวัย 2 คนใช้เวลา 10 นาทีค้นห้องผู้ต้องสงสัย 2 ห้องซึ่งมีคนอยู่ใน 2 ห้องนี้ 8-10 คน ตำรวจบอกเขาไม่พบ โน๊ตบุ๊คและ iPad และบอกอีก พวกเขาไม่มีอำนาจในการค้นห้องทุกห้อง” หลังเหตุการณ์นี้พระปัญญาได้ขอเปลี่ยนค่ายผู้ลี้ภัย แต่สภาพที่พบก็แทบไม่ต่างจากค่ายแรกเท่าไรนัก
ในขณะที่วันที่ 21 ธันวาคม 2563 พระปัญญาโพสต์ถึงเรื่องราวที่มีผู้ลี้ภัย 2 รายนำเอาสารเสพติดมาเสพเข้าผ่านโพรงจมูกกลางห้องพักกลางดึก ตามด้วยการเสพกัญชาจนควันคลุ้งเต็มห้องพัก ในระหว่างที่พระปัญญากำลังจะหลับ
ล่าสุดวันที่ 17 มกราคม 2564 พระปัญญาบ่นถึงปัญหาเรื่องการถูกคุกคามเป็นครั้งที่ 3 จากแก๊งอิทธิพลในค่าย พร้อมทั้งย้ำว่ามีคนโดนทำร้ายมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงคำเตือนให้อย่าไปมีเรื่องเพราะเจ็บตัวฟรี อีกทั้งยังเปรยว่าตำรวจกับพยาบาลมาดูแลแค่ครั้งเดียวในรอบครึ่งเดือนที่ผ่านมา
“โยมแถวนี้หลายท่านย้ำกับอาตมานักหนา อย่าไปมีเรื่องมีราวในค่าย เจ็บตัวฟรี ได้ไม่คุ้มเสีย ให้รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง แล้วค่ายนี้ก็มีเลือดตกยางออกน้อยกว่าค่ายแรกอยู่มากโข ครึ่งเดือนแล้ว อาตมาเพิ่งเห็นตำรวจกับรถพยาบาลเข้ามาแค่ครั้งเดียวตอนเที่ยงคืน”
“...อาตมาคุยกับเพื่อนชาวอาฟกันอีก 2 คนก็โดนแก๊งค์นี้ข่มขู่อีกเช่นเดียวกัน จนพวกเขาขอย้ายห้องลงมาชั้น 1 พวกเขาเล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้แก๊งค์นี้ก็เพิ่งถึงขั้นลงไม้ลงมือกับคนผิวดำไป 6 : 1
เจ้าหน้าที่ 3 คน ก็ได้แต่บอกให้รอไว้วันจันทร์ ไว้คุยกับหัวหน้าของพวกเขามนุษย์นี่ สมกับเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทหนึ่งจริง ๆ”
ภิกษุแนวร่วมม็อบราษฎรครวญ ชีวิตในค่ายผู้ขอลี้ภัยในยุโรปไม่ได้สุขสบายอย่างที่คิด
------------------------------
17 มกราคม 2564 พระปัญญา สีสัน ภิกษุนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและแนวร่วมพรรคอนาคตใหม่ ผู้ขอลี้ภัยคดี ม.112 ได้ออกมาคร่ำครวญถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในค่ายผู้ขอลี้ภัยในยุโรปตลอดทั้งเดือน ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563 จนถึงปัจจุบันวันที่ 17 มกราคม 2564
โดยพบปัญหาอาชญากรรมภายในค่าย ตั้งแต่การมีแก๊งอิทธิพลภายในค่าย การข่มขู่คุกคาม ทำร้ายร่างกาย การปล้นชิง ลักขโมย การเสพยากลางห้องพักอาศัย รวมไปถึงการไม่เอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ทางการ เสมือนทำงานขอไปที และบริการที่ย่ำแย่จากหน่วยงานที่ดูแลค่ายผู้ลี้ภัย
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 พระปัญญา ได้บ่นถึงสภาพปัญหาในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งแรกที่มาพัก ว่าเพียงการเข้าพักวันเดียวก็โดนขโมยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และ iPad จากห้องพักแล้ว ซ้ำเจ้าหน้าที่ระบุไม่มีอำนาจตรวจค้น ครั้นแจ้งตำรวจ กว่าจะมาก็ผ่านไปเกิน 24 ชม.แล้ว
“…มาถึงศูนย์ผู้ขอลี้ภัยวันแรกขณะที่ยืนรออาหารกลางวันอยู่ชั้น 1 อาตมาก็ถูกขโมยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คกับไอแพดไปจากห้องพักชั้น 3 ซะแล้ว เท่าที่เดินดูทุกห้องพักของชั้น 2 และ 3 ในตอนค่ำกับชาวอัฟกานิสถานคนนึง แต่ละห้องจะมีผู้พักเป็นคนชาติเดียวกัน 3-5 คน งานนี้มิจฉาชีพทำงานเป็นทีม
ทีม รปภ.บอก พวกเขาไม่มีอำนาจค้นห้อง ค้นกระเป๋า อาตมาต้องนั่งรถเมล์ออกไปแจ้งความของหายด้วยตนเองด้วยความช่วยเหลือด้านข้อมูลของ รปภ. กว่าตำรวจท้องที่จะเข้ามาค้นห้องตามคำร้องขอของอาตมาทางโทรศัพท์ในสาย ๆ ของวันต่อมาที่โทรไปแจ้งว่า "ฉันพบห้องผู้ต้องสงสัยแล้ว 2 ห้อง" เวลาก็ผ่านไปเกือบ 24 ช.ม.แล้ว ตำรวจสูงวัย 2 คนใช้เวลา 10 นาทีค้นห้องผู้ต้องสงสัย 2 ห้องซึ่งมีคนอยู่ใน 2 ห้องนี้ 8-10 คน ตำรวจบอกเขาไม่พบ โน๊ตบุ๊คและ iPad และบอกอีก พวกเขาไม่มีอำนาจในการค้นห้องทุกห้อง” หลังเหตุการณ์นี้พระปัญญาได้ขอเปลี่ยนค่ายผู้ลี้ภัย แต่สภาพที่พบก็แทบไม่ต่างจากค่ายแรกเท่าไรนัก
ในขณะที่วันที่ 21 ธันวาคม 2563 พระปัญญาโพสต์ถึงเรื่องราวที่มีผู้ลี้ภัย 2 รายนำเอาสารเสพติดมาเสพเข้าผ่านโพรงจมูกกลางห้องพักกลางดึก ตามด้วยการเสพกัญชาจนควันคลุ้งเต็มห้องพัก ในระหว่างที่พระปัญญากำลังจะหลับ
ล่าสุดวันที่ 17 มกราคม 2564 พระปัญญาบ่นถึงปัญหาเรื่องการถูกคุกคามเป็นครั้งที่ 3 จากแก๊งอิทธิพลในค่าย พร้อมทั้งย้ำว่ามีคนโดนทำร้ายมาแล้วหลายครั้ง รวมถึงคำเตือนให้อย่าไปมีเรื่องเพราะเจ็บตัวฟรี อีกทั้งยังเปรยว่าตำรวจกับพยาบาลมาดูแลแค่ครั้งเดียวในรอบครึ่งเดือนที่ผ่านมา
“โยมแถวนี้หลายท่านย้ำกับอาตมานักหนา อย่าไปมีเรื่องมีราวในค่าย เจ็บตัวฟรี ได้ไม่คุ้มเสีย ให้รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง แล้วค่ายนี้ก็มีเลือดตกยางออกน้อยกว่าค่ายแรกอยู่มากโข ครึ่งเดือนแล้ว อาตมาเพิ่งเห็นตำรวจกับรถพยาบาลเข้ามาแค่ครั้งเดียวตอนเที่ยงคืน”
“...อาตมาคุยกับเพื่อนชาวอาฟกันอีก 2 คนก็โดนแก๊งค์นี้ข่มขู่อีกเช่นเดียวกัน จนพวกเขาขอย้ายห้องลงมาชั้น 1 พวกเขาเล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้แก๊งค์นี้ก็เพิ่งถึงขั้นลงไม้ลงมือกับคนผิวดำไป 6 : 1
เจ้าหน้าที่ 3 คน ก็ได้แต่บอกให้รอไว้วันจันทร์ ไว้คุยกับหัวหน้าของพวกเขามนุษย์นี่ สมกับเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทหนึ่งจริง ๆ”