เข้าฌานเเล้วสามารถทำงานทำกิจกรรมเเบบคนปกติได้ไหมครับ จะโดนหาว่าบ้าไหมครับ

วอนผู้มีเมตตามาช่วยตอบที ตัวผมเองยอมรับว่าไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้ คือผมอยากจะลองมาเริ่มฝึกปฎิบัติธรรมที่บ้าน เลยอยากทราบว่า
1.ถ้าเข้าฌานเเล้ว ยังไปทำงานทำกิจกรรมเเบบคนปกติได้รึเปล่า หรือว่าไม่ได้
2.ถ้าเข้าฌานเเล้วจะกลายเป็นคนนิ่งทั้งวัน ยิ้มทั้งวัน หูดับใครพูดอะไรก็ไม่ได้ยิน ไม่พูดจากับใคนเลยทั้งวัน เลยรึเปล่า เเบบนี้จะเข้าสังคมยากอาจถูกส่งเข้าโรงบาลบ้าได้เลย หรือยังพอมีความเป็นปกติเเค่อาจดูเป็นคนนิ่งๆขรึมๆหน่อยเเค่นั้น(คือผมยังมีงานต้องทำครับ ยังละทางโลกไม่ได้ เลยจะปฎิบัติควบคู่กันไป)
3.หรือว่า มันขึ้นอยู่กับระดับฌานด้วย ฌานเเรกๆยังพอดูเป็นคนปกติเข้าสังคมได้รึเปล่าครับ
4.ถ้าทุกฌาน เข้าเเล้วมันทำงานไม่ได้เข้าสังคมไม่ได้ การมีสมาธิเเต่ยังไม่ถึงฌาน เเบบอุปจารสมาธิ ยังดูเป็นคนปกติ ทำงานได้ เข้าสังคมได้ ใช่ไหมครับ
5.การเข้าออกฌานสามารถทำได้ตามใจนึกเลยเปล่าครับ เวลานี้ว่างๆก็เข้าฌาน เวลาจะทำงานก็ออกฌาน อย่างนี้รึเปล่า
6.สมาธิที่ยังไม่ถึงขั้นฌาณ เเบบขณิกสมาธิหรืออุปจารสมาธิ สามารถวิปัสสนาญาณ บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันได้รึเปล่าครับ
7.มีวิธีฝึกเเบบไหนไหมครับ ที่สามารถปฏิบัติธรรมเเล้วควบคู่ทำงานทางโลก เเล้วบรรลุธรรมได้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
เข้ามาตอบ เพราะเอ็นดู จขกท. ที่สนใจ ปฏิบัติธรรม

เรายังไม่เคยบรรลุธรรมด้วยตนเอง บางข้อยังตอบไม่ได้
เอาเป็นว่า ขอตอบตามความเข้าใจ และ ประสบการณ์ของเราเองนะคะ
(อย่าเพิ่งเชื่อ จนกว่าจะเอากลับไป พิจารณาโดยแยบคายด้วยตนเองล่ะ)

1. เวลาทำงาน จิตใจจะจดจ่ออยู่กับงานค่ะ เรียกว่ามีสมาธิ ในการทำงาน

2. ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เวลาเข้าสังคม จะเต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะ แตกต่างจากผู้อื่น
ลักษณะท่ายืน เดิน อิริยาบถจะงาม ในแบบที่ แม้คนไม่ปฏิบัติธรรม ก็มองออกว่าแตกต่าง

3. คนที่เข้าฌานระดับสูง และทรงฌานอยู่ จะปลีกวิเวกค่ะ เมื่อมาพบปะผู้คนจะลดระดับกำลังฌานลงมา

4. นักปฏิบัติธรรม ย่อมจะต้องทราบค่ะ ว่าขณะนี้ ทำอะไรอยู่ เขาจะไม่ทำให้ชีวิตเขาลำบากเพราะเรื่องแบบนี้หรอกค่ะ

5. ความคล่องแคล่ว ในการ เข้า ออกฌาน ขึ้นอยู่กับ การฝึกฝนของแต่ละคนค่ะ

6. ได้ค่ะ เอาเป็นว่า ทำควบคู่กันไป เมื่อถึงเวลาจะบรรลุธรรม จิตจะเข้าถึงระดับฌานที่พอดี เพียงพอที่จะมีกำลังละสังโยชน์ ณ. ขณะนั้นๆได้ค่ะ

7. ลองหลายๆแบบค่ะ จนกว่าจะเจอแบบที่เรารู้สึกว่า ทำแล้วได้ผลมากที่สุด
เพราะวิธีที่เหมาะ สำหรับแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน

โดยส่วนตัว เราชอบ กายคตาสติ  เรารู้สึกว่า จะดับกิเลส ได้รวดเร็ว

วิธีสังเกต
อย่าไปใส่ใจเลยค่ะ ว่าได้ฌานระดับไหน จะถูกส่งโรงพยาบาลบ้าไหม ใครจะมองไม่ดีหรือไม่ จะอยู่กับทางโลกได้หรือไม่
(คือ เราเข้าใจนะคะ สงสัยได้  แต่มันไม่มีอะไรน่ากังวลขนาดนั้นค่ะ ถ้าเดินทางสายกลางนะคะ)

ให้เน้นมาที่ดูตัวเองดีกว่า ว่าจิตใจเราวันนี้ เป็นอย่างไร กิเลสที่เคยแพ้ วันนี้ยังแพ้อยู่ไหม ?
เราเห็น ไตรลักษณ์ ได้แจ่มแจ้งมากขึ้นไหม

เวลาทำงาน ถ้าต้องคุยกับคน ก็คุยตามปกติ
เวลาเริ่มเครียดๆ หรือ เวลารอ ช่วงว่างๆ ก็มาตามรู้ลมหายใจตนเองค่ะ
บางที ก็ยืดเหยียดอิริยาบถ แล้วรู้เท่าทัน เวทนา ทางกาย

สรุปลงท้าย  ยาที่ชะงัดสุดๆของเรา คือ มรณะสติค่ะ
รู้สึกว่าเวลาเหลือน้อยลงทุกทีๆ (แต่ความประมาทของตัวเองทำไมเหลือเยอะ)

ขอให้คุณเริ่มต้น ปฏิบัติธรรมด้วยความสุข ความโปร่งเบา ปราศจากความกังขาและวิจิกิจฉานะคะ
ขอให้เจริญในธรรมค่ะ

เม่าฝึกจิต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่