คดีของฆาตกรต่อเนื่องหญิง ลีโอนาร์ดา เชียนชูลี A.K.A. คนทำสบู่จากมนุษย์



ลีโอนาร์ดา เชียนชูลี (Leonarda Cianciulli) หรือที่รู้จักกันในฉายา “คนทำสบู่จากเมืองคอร์เรจจิโอ” คือฆาตกรต่อเนื่องหญิงชาวอิตาเลียนที่ล่อลวงเหยื่อผู้หญิง 3 คนมาสังหารโหด แล้วนำเนื้อศพมาทำสบู่ ส่วนเลือดถูกใช้เป็นส่วนผสมในเค้กสำหรับกินคู่กับน้ำชา

ก่อนที่ลีโอนาร์ดาจะเป็นที่รู้จักในฐานะ “คนทำสบู่จากเมืองคอร์เรจจิโอ” เธอก็คือแม่ที่อุทิศตัวเพื่อปกป้องลูกชายให้รอดพ้นจากภัยอันตรายในสนามรบในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง

ลีโอนาร์ดาเคยตั้งครรภ์มาแล้วถึง 17 ครั้ง (รวมทั้งที่เคยแท้งลูก 3 ครั้ง) ลูกของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เด็กทั้งหมด 10 คน ทำให้เธอคอยปกป้อง ดูแล และทะนุถนอมลูกที่เหลืออยู่ทั้ง 4 คนเป็นอย่างดี

ในปีค.ศ. 1939 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 ลีโอนาร์ดาแทบช็อคเมื่อรู้ว่า ลูกชายคนโตและเป็นคนที่เธอรักมากที่สุด ยูเซปปี พันซาร์ดี (Giuseppe Pansardi) จะต้องไปเป็นทหารเกณฑ์เนื่องจากภาวะสงคราม

เมื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนต้องไปออกรบผสมกับการที่เธอมีความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ทำให้เธอกลายมาเป็นหนึ่งในฆาตกรหญิงที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20

...............................................

ประวัติของลีโอนาร์ดา เชียนชูลี

ลีโอนาร์ดาเกิดเมื่อวันที่ 19 เมษายน ปีค.ศ. 1894 ที่เมืองมอนเตลลา (Montella) เมืองโบราณตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี เธอมีชีวิตที่น่าเศร้าทีเดียว ช่วงวัยรุ่นเธอเคยฆ่าตัวตายถึง 2 ครั้ง ในปีค.ศ. 1917 เธอแต่งงานกับเสมียนหนุ่มนามว่า ราฟาเอล พันซาร์ดี (Raffaele Pansardi) ลีโอนาร์ดาอ้างว่าแม่ของเธอไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานและได้สาปแช่งเธอเอาไว้

ในปีค.ศ. 1927 ลีโอนาร์ดาในวัย 33 ปี ถูกจำคุกในคดีฉ้อโกง หลังเธอได้รับการปล่อยตัว ครอบครัวเธอตัดสินใจย้ายออกจากเมืองโปเตนซา(Potenza) ไปอยู่เมืองลาเชดอเนีย (Lacedonia)ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองบ้านเกิดของเธอนัก

วันที่ 23 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1930 เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงทางตอนใต้ของอิตาลี ครอบครัวของลีโอนาร์ดาก็เป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วยเช่นกันและต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน

ลีโอนาร์ดารู้สึกว่าชีวิตย่ำแย่มากและโทษว่าแม่ของเธอคือต้นเหตุ เธอคิดว่าแม่สาปแช่งให้เธอพบเจอแต่เรื่องราวแย่ๆ เช่น เรื่องที่เธอแท้งลูกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายครั้ง เธอจึงไปหาหมอดูเพื่ออยากไขข้อข้องใจ หมอดูหญิงชาวยิปซีทำนายดวงจากลายมือว่า เธอเห็นลีโอนาร์ดาไม่อยู่ในคุกก็ต้องอยู่ในโรงพยาบาลบ้า

ต้องคำสาปหรือมีความผิดปกติทางจิตประสาทและอารมณ์?

ในปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่าผู้หญิงที่เผชิญความสูญเสียจากการแท้งลูกอาจเกิดความเครียดจนทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าขึ้นได้ ลีโอนาร์ดาแท้งและเสียลูกรวมทั้งหมด 13 คน ถ้าเธอมีชีวิตอยู่ ณ ปัจจุบัน เธออาจได้รับการวินิจฉัยโดยจิตแพทย์และได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมตามอาการ

..............................................................

ในปีค.ศ. 1930 ครอบครัวเธอตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่เมืองเล็กๆ ชื่อ คอร์เรจจิโอ ที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขามาตีซี (Matese) และภูเขาพิเชนตีนี (Picentini) ทางภาคใต้ของอิตาลี และเปิดร้านขายของชำเล็กๆ เธอเป็นที่รู้จักและเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในชุมชนเพราะเธอเป็นคนนิสัยดี สุภาพเรียบร้อย และเป็นแม่ที่อุทิศตนเพื่อลูก ช่วงนี้นี่เองที่เธอเริ่มเกิดอาการหวาดระแวง จนต้องหันไปพึ่งไสยศาสตร์

มีหลักฐานสนับสนุนสมมติฐานที่ว่า การงมงายหลงใหลในไสยศาสตร์เป็นภาวะทางจิตที่เกิดจากการเผชิญกับภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าต่อเนื่องเรื้อรัง การหันไปพึ่งพาสิ่งเหนือธรรมชาติมากกว่ายึดถือเหตุผลก็เพื่อเป็นการถนอมจิตใจไม่ให้บอบช้ำ

ลีโอนาร์ดาผู้ซึ่งจมปลักอยู่กับคำสาปของแม่และคำทำนายของหมอดู ทำให้เธอมีความเชื่อในด้านไสยศาสตร์อย่างแรงกล้า ในปีค.ศ. 1939 เมื่อลูกชายเดินมาบอกกับเธอว่า เขาถูกเกณฑ์เป็นทหารไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 เธอจึงคิดถึงสิ่งที่จะช่วยให้ลูกชายของเธอคลาดแคล้วจากภัยอันตรายในสนามรบ นั่นก็คือ การบูชายัญด้วยมนุษย์

ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าลีโอนาร์ดาได้ไอเดียนี้มาจากไหน ทั้งที่ชาวอิตาลีส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ซึ่งการฆ่ามนุษย์เพื่อบูชายัญถือเป็นสิ่งต้องห้ามในศาสนาคริสต์ และก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อพระเจ้า และไม่ว่าเธอจะได้ไอเดียนี้มาจากไหนก็ตาม เธอได้ลงมือฆ่าเหยื่อไปทั้งหมด 3 คน

ในปีค.ศ. 1939 ฟอสตินา เซ็ตตี (Faustina Setti) หญิงโสดที่ยังไม่เคยแต่งงาน ได้จ่ายเงินจำนวน 332 ดอลลาร์ให้ลีโอนาร์ดาช่วยจัดแจงหาคู่ครองให้เธอ เมื่อถึงวันนัดดูตัวที่บ้านของลีโอนาร์ดา ลีโอนาร์ดาสั่งให้เธอเขียนจดหมายถึงครอบครัวเพื่อบอกให้พวกเขารู้ว่า เธอมีนัดไปดูตัวกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ต่างประเทศ จากนั้นลีโอนาร์ดาวางยาใส่ในแก้วไวน์ให้เธอดื่ม แล้วใช้ขวานฆ่าเธอ หั่นศพออกเป็น 9 ชิ้น และรวบรวมเลือดใส่ไว้ในกะละมัง

ลีโอนาร์ดาอธิบายภายหลังถูกจับว่า เธอนำชิ้นส่วนศพใส่ลงไปในหม้อ แล้วใส่โซดาไฟที่เธอซื้อมาไว้สำหรับทำสบู่ลงไป 7 กิโลกรัม คนให้เข้ากันจนกระทั่งชิ้นส่วนศพละลาย จนกลายเป็นของเหลวหนืดสีเข้ม จากนั้นเทใส่ในถัง แล้วนำไปทิ้งในบ่อเกรอะที่อยู่ใกล้บ้าน

ส่วนเลือดที่เก็บไว้ในกะละมัง เธอรอจนกระทั่งเลือดแข็งตัว แล้วค่อยนำไปเข้าเตาอบเพื่อทำให้แห้ง จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด แล้วผสมด้วยแป้ง น้ำตาล ช็อกโกแลต นม ไข่ และใส่มาการีนนิดหน่อย นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วนำไปอบ ออกมาเป็นเค้กช็อกโกแลตกรุบกรอบ สำหรับเสิร์ฟคู่กับน้ำชาเวลามีแขกมาที่บ้าน แถมเธอและลูกชายของเธอก็กินเค้กนี้ด้วย

วันที่ 5 กันยายน ปีค.ศ. 1940 ลีโอนาร์ดาหลอกเหยื่อรายที่ 2 ฟรานเชสกา ซัวอาวี (Francesca Soavi) ว่าได้ติดต่องานสอนหนังสือที่ต่างประเทศให้ และให้เธอเขียนจดหมายหาเพื่อนเพื่อแจ้งข่าว หลังจากนั้นลีโอนาร์ดาก็ลงมือกับเหยื่อเหมือนเดิมคือ วางยาใส่ในแก้วไวน์ ใช้ขวานฆ่าเธอ หั่นศพ กำจัดชิ้นส่วนศพ เอาเลือดเหยื่อมาทำเค้ก และขโมยเงิน

.......................................................

เหยื่อรายสุดท้าย คือ เวอร์จีเนีย แคชโชโป (Virginia Cacioppo) นักร้องเสียงโซปราโนที่ครั้งหนึ่งเธอเคยร้องโอเปราที่โรงโอเปรา ลา สกาลา ซึ่งเป็นโรงละครแห่งชาติและมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ลีโอนาร์ดาหลอกเธอว่าได้ติดต่องานโรงละครในฝรั่งเศสไว้ให้เธอ เวอร์จีเนียตอบตกลงทันทีและนัดเจอลีโอนาร์ดาในวันที่ 30 กันยายน ปีค.ศ. 1940 จากนั้นลีโอนาร์ดาลงมือฆ่าเธอเหมือนเหยื่อรายอื่น แต่คราวนี้เธอไม่ได้นำเลือดเหยื่อมาผสมในเค้กอย่างเดียว เธอยังนำเนื้อของศพมาเป็นส่วนผสมในการทำสบู่อีกด้วย

ลีโอนาร์ดานำเนื้อศพรวมถึงไขมันที่สะสมตามกล้ามเนื้อใส่ลงไปในหม้อ ผสมกับโซดาไฟ เมื่อเนื้อละลายแล้ว เธอเติมโคโลญลงไป 1 ขวด แล้วต้มทิ้งไว้เป็นเวลานาน สุดท้ายออกมาเป็นสบู่ก้อนฟองครีมที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นที่น่าพอใจ และเธอยังนำสบู่ไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้านและคนรู้จักได้ลองใช้ ส่วนเค้กก็ทำออกมาได้รสชาติดีขึ้นอีกด้วย ลีโอนาร์ดาถึงกับออกปากว่า เหยื่อรายนี้มีรสชาติดียิ่งนัก

ถึงแม้ลีโอนาร์ดาจะคิดว่าตัวเองวางแผนฆาตกรรมได้สมบูรณ์แบบแล้ว แต่เธอคิดผิด เหยื่อรายสุดท้ายแตกต่างจากเหยื่อ 2 รายแรกที่มีญาติพี่น้องออกตามหาเพียงไม่กี่ครั้ง

พี่สะใภ้ของเวอร์จีเนีย แคชโชโปเป็นห่วงเธอมาก เธอไม่เชื่อว่าข้อความในจดหมายเป็นเรื่องจริง และเธอเห็นเวอร์จีเนียเดินเข้าไปในบ้านของลีโอนาร์ดาด้วยตาของตัวเอง หลังจากวันนั้นเวอร์จีเนียก็หายตัวไป เธอจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจในทันที

ในตอนแรกลีโอนาร์ดาให้การปฏิเสธ แต่เมื่อตำรวจเริ่มตั้งข้อสงสัยในตัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ เธอเลยสติแตกและยอมสารภาพทุกอย่างออกมา

ศาลตัดสินให้เธอได้รับโทษจำคุก 33 ปี โดยให้เธอได้รับการรักษาอาการทางจิตที่โรงพยาบาลจิตเวชเป็นเวลา 3 ปี และจำคุกอีก 30 ปี ซึ่งทุกอย่างตรงตามคำทำนายของหมอดูหญิงชาวยิปซีที่เคยดูดวงชะตาให้เธอ

วันที่ 15 ตุลาคม ปีค.ศ. 1970 ลีโอนาร์ดาเสียชีวิตจากภาวะเลือดออกในสมองในขณะที่เธอยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช เธอเสียชีวิตขณะมีอายุ 79 ปี

อุปกรณ์ที่ลีโอนาร์ดาใช้ก่อเหตุ ไม่ว่าจะเป็น หม้อต้ม ขวาน หรือกะละมังใส่เลือด ถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์อาชญาวิทยาในกรุงโรม และยังถูกจัดแสดงอยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน



รูปมักช็อตของ ลีโอนาร์ดา เชียนชูลี ขณะถูกจับมีอายุ 46 ปี



ลีโอนาร์ดา เชียนชูลี สมัยยังเป็นสาว



เหตุการณ์แผ่นดินไหวเออร์พีเนีย (Irpinia) ขนาด 6.9 ริคเตอร์ เกิดขึ้นทางตอนใต้ของอิตาลี เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1930 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2,483 คน และไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 250,000 คน



ลีโอนาร์ดา เชียนชูลี เป็นผู้ป่วยกรณีศึกษาให้อาจารย์สาขาจิตวิทยาก่อนเธอจะเสียชีวิต


อุปกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุ ถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์อาชญาวิทยาในกรุงโรม


เหยื่อทั้ง 3 ราย

..............................................................................

ที่มา  :: Leonarda Cianciulli - Wikipedia

ซากุระเที่ยงคืน - เรื่องเล่าจากญี่ปุ่น | Facebook  ::  https://www.facebook.com/SakuraInDaDark/?ref=page_internal
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่