Edit : ผมพึ่งไปอ่านที่
เพื่อนแสตมป์ออกมาแฉ ส่วนที่ผมพิมพ์ไปตอนแรก ที่อยู่ข้างล่าง
ที่เป็นตอนที่ผมได้ข้อมาก่อนเพื่อนแสตมป์จะออกมาแฉนะ
Edit2 :
ผมมองว่า ที่คนนี้ออกมาแฉ เพราะมองว่าตัวเองโดนหลอก เลยโกรธ และออกมาแฉคืน
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าแชทจริงมั้ยอ่ะนะ
ผมคงไม่ได้ตามเรื่องนี้แล้ว//พรุ่งนี้วันจันทร์ 55
ถ้าจะมีอะไรออกมาให้คดีพลิกอีก ถ้าเดาผิด เชื่อข้อมูลผิด ก็อย่าล้อเยอะ เขิน
นับจากวันที่ข่าวแสตมป์โดนคุกคามถูกแชร์ ผ่านเวลามาได้ 2-3 วัน
ข้อมูลจากหลายๆคน เริ่มถูกโยนเข้ามาในโซเชียลมากขึ้นๆ
ทั้งวง Tilly birds ทั้งแฟนหนุ่มซาวด์เอน ทั้งทนายนิด้า และคนในวงการดนตรีประปราย
ชาวเน็ตขี้iสือก แบบเราๆก็อาจจะพอเห็นภาพชัดขึ้น ว่าผู้แสดงตัวว่าเป็นเหยื่อ ก็อาจไม่ใช่เหยื่อซะทีเดียว
และผู้ที่กระทำ ก็อาจจะเป็นเหยื่อในอีกรูปแบบที่สังคมไทยยังไม่คุ้นเคย
ปรากฎการณ์ของแสตมป์ นอกจากเป็นเรื่องเชิงชู้สาวยังมีประเด็นอื่นแทรกอยู่
เช่น พฤติกรรมซาแซง พฤติกรรมการใช้อำนาจเชิงโครงสร้างของนายพล
มีการต่อรองในระบบ(ศาล) หรือนอกระบบ/ไม่เป็นทางการ(เพื่อนในวงการ)
เรียกได้ว่า power dynamic ของเรื่องนี้กำกวม ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าฝั่งไหนกันแน่ที่มีอำนาจมากกว่ากัน
องค์1
แสตมป์ ประกาศบนเวทีแสดงดนตรี เล่าเรื่องที่ตนและภรรยาต้องเผชิญมาตลอดระยะเวลา 10 ปี
จากแฟนคลับที่กลายมาเป็นซาแซง ตามคุกคามภรรยา
และแสตมป์ก็ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดการถูกคุกคามที่ทำให้ใช้ชีวิตลำบาก รวมพ่อนายพลของคู่กรณีใช้ขู่ฝ่ายตัวเอง
สังคมเดือดดาลเพราะอยู่ในยุคที่ประชาชนรำคาญเรื่องอำนาจนิยม
องค์ 2
Tilly birds ที่ถูกลากมาเกี่ยวเพราะถูกแสมตป์โจมตีว่าเป็นวงดนตรี Support โจร
ได้ออกมาแสดงตัวและเลือกอยู่ข้างแฟนหนุ่มของคู่กรณีที่ทำงานเป็นsound engineer
เพื่อนในวงการที่ออกมาใบ้ๆให้ชาวเน็ตหงุดหงิดว่าทำไมiมิงไม่เล่าทั้งหมด และทนายที่ออกมาให้ข้อมูลเท่าที่พอให้ได้
ส่วนใน X -เฟส -IG ก็จะประกอบไปด้วย
-ชาวเน็ตที่กำลังจุดไฟ-สุ่มฟาง เตรียมเผาTilly birds ที่เข้าข้างซาแซง
-ชาวเน็ตที่บอกว่ารถทัวร์ต้องคว่ำแน่ๆ คดีพลิกแน่ๆ
-ชาวเน็ตที่เดาว่าน่าจะเรื่องชู้สาว
ซึ่งผมมองว่าภาพรวมของดราม่าครั้งนี้ ดูเป็นระเบียบแบบไม่น่าเชื่อ ราวกับว่าเน็ตติเซ็นไทย คุ้นเคยกับแพทเทิร์นดราม่าแนวๆนี้แล้ว
มีการแทงข้าง แทงสวน และมีการระวังให้เผื่อใจกันประปราย ซึ่งถึงแม้ในระยะนี้ คนจะเข้าข้าง แสตมป์80%
แต่ประเด็นชู้สาวก็ถูกยกมาตั้งข้อสงสัยไม่น้อย พร้อมๆกับพฤติกรรมคลั่งไคล้แสตมป์มากของฝ่ายหญิงคู่กรณีก็ถูกพูดถึงเช่นกัน
องค์ 3
เรื่องนอกใจของแสตมป์ถูกเปิดเผย ภาพลักษณ์ของสามีโชคร้ายจากการทำอาชีพศิลปินและปกป้องภรรยา
กลายมาเป็นผู้ชายโกหก และนำความเดือดร้อนมาให้ครอบครัว
ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น
แฟนหนุ่ม sound engineer ถูกล้อเลียนเป็นตัวตลกที่ประจานแฟนตัวเอง
ส่วนคนที่ไม่ได้นิยมเสพดราม่าดารานอกใจ ก็ถามหาบทสรุปของนายพลกร่างสปอยลูกสาว
กับความรับผิดชอบของสายการบินที่ล็อคตั๋วเสิร์ฟพฤติกรรมซาแซง
สำหรับผม ในทีแรกที่อ่านข่าวแสตมป์-ได้ข้อมูลจากแสตมป์ฝั่งเดียว
ผมก็คิดว่ามันเป็นไปได้ที่ศิลปินจะโดนแฟนคลับตามรังควานแบบโรคจิต(กรณีหลิวเต๋อหัว แฟนคลับคลั่งแบบนั้นก็มีมาแล้ว)
ความผิดปกติเดียวในเรื่องเล่าของแสตมป์ที่ผมรู้สึกได้แต่แรก
คือความอดทนของภรรยาแสตมป์ ที่เลือกจะไม่ฟ้องอีกฝ่าย มันหลายครั้งเกินไป
ซึ่งถ้าแสตมป์รู้สึกเห็นใจภรรยา และอยากปกป้องเธอจริง น่าจะโน้มน้าวให้เธอฟ้อง หรือตัวเองฟ้องเองก็ได้
แต่แสตมป์ยกประโยคว่า "ภรรยาไม่อยากให้เรื่องบานปลาย" มา 3-4ครั้ง จนผิดปกติ
แต่พอเอามาประกอบกับการข่มขู่ของนายพล
ผมก็เลยคิดไปทางว่า แสตมป์อาจจะสู้กับอำนาจมืด ภรรยาเลยไม่อยากให้เรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้เป็นได้
พอTilly birds กับคนในวงการดนตรี has entered the chat และแสดงท่าทีเข้าข้างอีกฝ่ายชัดเจน
ผมก็คิดไปทางว่า ฝ่ายหญิงอาจให้ข้อมูลกับทางนั้น ในมุมที่ทำให้ตัวเองเป็นเหยื่อ
จนทำให้ฝ่ายแสตมป์กับภรรยาดูแย่ในมองมุมของ Tilly birds and frineds
และพอเริ่มมีมูลว่า แสตมป์เคยมีพฤติกรรมนอกใจ จากเรื่องเล่าซาแซง กลายเป็นศิลปินแอบกินตับแฟนคลับ
ความเห็นของชาวเน็ต เลยเริ่มหันกลับไปด่าแสตมป์ แต่ก็ยังด่าคู่กรณีด้วยเช่นเดิม เพราะมองว่าเรื่องเกิดมาหลายปีแล้ว
แต่คนที่ไม่หยุดคือคู่กรณีสาวและมีแฟนหนุ่ม sound engineer ให้ท้าย
แน่นอนว่า เราชาวเน็ต ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ย่อมแยกแยะความถูก-ผิด ได้คร่าวๆ
-มีชู้ คือผิด
-โกหก คือผิด
-คุกคาม คือผิด
-ใช้ยศทหารข่มขู่ คือผิด
แต่ถ้าเราลองจินตนาการ ว่าเราเป็นคนรอบตัวของ แสตมป์ หรือ เพื่อนของคู่กรณีสาว
เราจะแยกแยะความถูกผิดยังไง และจะจัดการเรื่องแบบนี้ด้วยวิธีไหน
เริ่มจาก Tilly birds ที่ปกป้อง sound engineer ของเขาในฐานะเพื่อนร่วมงาน
และปฏิเสธที่จะทำตามคำขอร้องของแสตมป์ที่ให้ไล่sound engineer คนนี้ออก
** Edit ผมอ่านพลาด จริงๆคือไล่คู่กรณีสาวออกจากการจ้างงาน ไม่ได้ไล่แฟนหนุ่มออก ขอบคุณคนที่เตือนนะครับ
จนแสตมป์ออกมาโพสว่า วงดนตรี ซัพพอร์ตโจร และชาวเน็ตต่อว่า ท่าทีของ Tilly birds ว่าเข้าข้างคนผิด
ในมุมผม ถ้าผมเป็น Tilly birds ผมก็จะปกป้องเพื่อนและแฟนเพื่อนเหมือนกัน
**Edit : มีคนบอกว่า ทำไมsound engineer ต้องเอาแฟนไปทำงานด้วย ผมก็มองว่าแสตมป์เองก็เอาภรรยาไปที่งานด้วยเหมือนกัน
มันเป็นสิทธิของเขาที่จะเอาคนที่เขาอยากพาไปซัพพอร์ต ไปอยู่กับเขาในที่ทำงานด้วย
แต่ที่ทำให้คนสงสัยคือ ทำไม แฟนหนุ่ม sound engineer ยังปล่อยแฟนสาวให้รังควานอีกฝ่ายไม่เลิก
สิ่งที่ผมคิดขึ้นมาก็คือ กลไกทางจิตวิทยา ปกป้องผู้สาวผู้อ่อนแอ (อีกนัยนึงเหมือนแฟนหนุ่ม ซาวด์เอนก็โดนความสงสารเล่นงานล่ะมั้ง)
แฟนหนุ่มsound engineer กำลังปกป้องแฟนสาวของเขา ไม่ต่างจากแสตมป์ทำ
ต่างกันตรงที่ แสตมป์รับกรรมในสิ่งที่ตัวเองทำเอง+โชคร้ายที่อีกฝ่ายไม่ Move on จากความสัมพันธ์ และสั่งสมเป็นความเคียดแค้น
*** Edit : จะให้ move on ยังไง โดนฝ่ายชายโยนขี้ให้ทั้งหมด เฮ้อ
ท่าทีของคนในวงการดนตรีอีกจำนวนนึงที่เข้าข้างฝ่ายคู่กรณีสาว
ก็ทำให้ผมครุ่นคิดว่าเป็นแนวๆเพื่อนเข้าข้างเพื่อน
หรือเพราะฝ่ายคู่กรณีสาวมีทักษะในการ gaslight ให้คนรอบตัวมองเธอเป็นเหยื่อ?
พอถึงตรงนี้ ผมก็สลับมุมไปลองคิด ว่าถ้าเธอเองก็เป็นเหยื่อล่ะ?
นั่นหมายความว่าคนgaslightตัวจริง กลายเป็น แสตมป์ ต่างหาก
ไอดอล-ศิลปินที่โดนแฟนคลับที่คลั่งไคล้ไล่ตาม มีให้เห็นเป็นข่าวอยู่ทั่วไป ยิ่งใครตามkpopก็อาจจะชินกับข่าวทำนองนี้
แต่ศิลปินที่ gaslight แฟนคลับ อาจจะไม่ได้มีเคสให้เห็นบ่อยๆ
คำว่า gaslight เริ่มแพร่หลายในสังคมไทยตอนกรณีนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่เป็นประเด็นกับแฟนคลับ
แสตมป์อาจจะไม่ได้ทำหลายครั้ง หลายคน แบบที่นักวิทย์คนนั้นทำ
แต่ถ้ามองว่า ศิลปินมีอิทธิพลทางความคิด-จิตใจเหนือแฟนคลับอยู่แล้ว
การที่ศิลปินทำตัวเลยเถิดกับแฟนคลับมันเลยเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดศีลธรรม
อย่างน้อยก็ในมุมผมที่มองว่ามันไม่เป็นมืออาชีพ ต่อให้แสตมป์ไม่มีแฟนอยู่แล้วตอนนั้น
การมีความสัมพันธ์กับแฟนคลับที่ชื่นชอบตัวเองในฐานะศิลปิน
มันเป็นการเอาเปรียบทางจิตใจ และง่ายต่อการ manipulate อีกฝ่าย
หลายคนอาจจะเห็นภาพ ที่คู่กรณีสาวให้แฟนตัวเองถือภาพหน้าแสตมป์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงปัญหาทางจิตของฝ่ายหญิง
ซึ่งทำให้ตอนแรก เธอถูกมองว่าเป็นนังโรคจิตที่เพ้อเจ้อ ไล่ตามผู้ชายที่เขาไม่ได้สนใจ
แน่นอนว่าเธออาจจะไม่ใช่ perfect victim
แต่การผลักให้ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอแต่ผู้เดียวของแสตมป์ ก็แสดงถึงความไม่เป็นลูกผู้ชายของเขาด้วย
และการยื้อไม่ฟ้องมาหลายปี ผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเป็นการตัดสินใจของภรรยาแสตมป์ หรือเป็นการห่วงภาพลักษณ์ของตัวแสตมป์เองกันแน่
และลองถ้ามองดูคู่กรณีสาว ในฐานะเหยื่อ
อาจจะพอเข้าใจว่าทำไมแฟนหนุ่มsound engineer และเพื่อนร่วมวงการบางคนถึงเลือกเข้าข้างคู่กรณีสาว
รวมถึงการใช้ยศในทางมิชอบของพ่อแม่คู่กรณีสาว ซึ่งรู้ๆอยู่ว่ามันไม่ถูกต้อง
แต่ในมุมมนุษย์ปุถุชน เขาอาจจะมองว่าลูกสาวถูกกระทำจริงๆ ถึงขึ้นชื่อว่าเป็นชู้ยังไงก็ผิด โดนลงโทษทางแพ่งก็แล้ว
แต่ความเจ็บปวดที่เห็นว่าลูกสาวโดนฝ่ายชายกระทำ ก็อาจจะทำให้ทำใจจบเรื่องไม่ลง
ผมเลยมองว่า power dynamic ของเรื่องนี้กำกวม
ชักไม่แน่ใจว่าใครมีอิทธิพลเหนือใครกันแน่ เพราะเราไม่รู้ว่า ในความสัมพันธ์ของแสตมป์ และ คู่กรณีสาว
มันดำเนินไปยังไงแบบไหน ความคลั่งไคล้ และความเคียดแค้น ของเธอจึงไม่สามารถจบลงได้
***** edit : มันไม่จบ เพราะ
ชายแทร่ ไม่ยอมจบนั่นแหละ เหอะเหอะ
***** edit2: ไม่น่ารีบตั้งกระทู้เล้ย น่าจะมีหักอีกหลายตลบ 55
กรณีแสตมป์ ซาแซง-ชู้สาว-นักร้องซอฟต์หวาน-ชายแทร่gaslight-พ่อยศนายพล-คนดนตรีที่เลือกข้าง และไทยมุง
ที่เป็นตอนที่ผมได้ข้อมาก่อนเพื่อนแสตมป์จะออกมาแฉนะ
Edit2 :
ผมมองว่า ที่คนนี้ออกมาแฉ เพราะมองว่าตัวเองโดนหลอก เลยโกรธ และออกมาแฉคืน
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าแชทจริงมั้ยอ่ะนะ
ผมคงไม่ได้ตามเรื่องนี้แล้ว//พรุ่งนี้วันจันทร์ 55
ถ้าจะมีอะไรออกมาให้คดีพลิกอีก ถ้าเดาผิด เชื่อข้อมูลผิด ก็อย่าล้อเยอะ เขิน
นับจากวันที่ข่าวแสตมป์โดนคุกคามถูกแชร์ ผ่านเวลามาได้ 2-3 วัน
ข้อมูลจากหลายๆคน เริ่มถูกโยนเข้ามาในโซเชียลมากขึ้นๆ
ทั้งวง Tilly birds ทั้งแฟนหนุ่มซาวด์เอน ทั้งทนายนิด้า และคนในวงการดนตรีประปราย
ชาวเน็ตขี้iสือก แบบเราๆก็อาจจะพอเห็นภาพชัดขึ้น ว่าผู้แสดงตัวว่าเป็นเหยื่อ ก็อาจไม่ใช่เหยื่อซะทีเดียว
และผู้ที่กระทำ ก็อาจจะเป็นเหยื่อในอีกรูปแบบที่สังคมไทยยังไม่คุ้นเคย
ปรากฎการณ์ของแสตมป์ นอกจากเป็นเรื่องเชิงชู้สาวยังมีประเด็นอื่นแทรกอยู่
เช่น พฤติกรรมซาแซง พฤติกรรมการใช้อำนาจเชิงโครงสร้างของนายพล
มีการต่อรองในระบบ(ศาล) หรือนอกระบบ/ไม่เป็นทางการ(เพื่อนในวงการ)
เรียกได้ว่า power dynamic ของเรื่องนี้กำกวม ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าฝั่งไหนกันแน่ที่มีอำนาจมากกว่ากัน
องค์1
แสตมป์ ประกาศบนเวทีแสดงดนตรี เล่าเรื่องที่ตนและภรรยาต้องเผชิญมาตลอดระยะเวลา 10 ปี
จากแฟนคลับที่กลายมาเป็นซาแซง ตามคุกคามภรรยา
และแสตมป์ก็ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดการถูกคุกคามที่ทำให้ใช้ชีวิตลำบาก รวมพ่อนายพลของคู่กรณีใช้ขู่ฝ่ายตัวเอง
สังคมเดือดดาลเพราะอยู่ในยุคที่ประชาชนรำคาญเรื่องอำนาจนิยม
องค์ 2
Tilly birds ที่ถูกลากมาเกี่ยวเพราะถูกแสมตป์โจมตีว่าเป็นวงดนตรี Support โจร
ได้ออกมาแสดงตัวและเลือกอยู่ข้างแฟนหนุ่มของคู่กรณีที่ทำงานเป็นsound engineer
เพื่อนในวงการที่ออกมาใบ้ๆให้ชาวเน็ตหงุดหงิดว่าทำไมiมิงไม่เล่าทั้งหมด และทนายที่ออกมาให้ข้อมูลเท่าที่พอให้ได้
ส่วนใน X -เฟส -IG ก็จะประกอบไปด้วย
-ชาวเน็ตที่กำลังจุดไฟ-สุ่มฟาง เตรียมเผาTilly birds ที่เข้าข้างซาแซง
-ชาวเน็ตที่บอกว่ารถทัวร์ต้องคว่ำแน่ๆ คดีพลิกแน่ๆ
-ชาวเน็ตที่เดาว่าน่าจะเรื่องชู้สาว
ซึ่งผมมองว่าภาพรวมของดราม่าครั้งนี้ ดูเป็นระเบียบแบบไม่น่าเชื่อ ราวกับว่าเน็ตติเซ็นไทย คุ้นเคยกับแพทเทิร์นดราม่าแนวๆนี้แล้ว
มีการแทงข้าง แทงสวน และมีการระวังให้เผื่อใจกันประปราย ซึ่งถึงแม้ในระยะนี้ คนจะเข้าข้าง แสตมป์80%
แต่ประเด็นชู้สาวก็ถูกยกมาตั้งข้อสงสัยไม่น้อย พร้อมๆกับพฤติกรรมคลั่งไคล้แสตมป์มากของฝ่ายหญิงคู่กรณีก็ถูกพูดถึงเช่นกัน
องค์ 3
เรื่องนอกใจของแสตมป์ถูกเปิดเผย ภาพลักษณ์ของสามีโชคร้ายจากการทำอาชีพศิลปินและปกป้องภรรยา
กลายมาเป็นผู้ชายโกหก และนำความเดือดร้อนมาให้ครอบครัว
ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น
แฟนหนุ่ม sound engineer ถูกล้อเลียนเป็นตัวตลกที่ประจานแฟนตัวเอง
ส่วนคนที่ไม่ได้นิยมเสพดราม่าดารานอกใจ ก็ถามหาบทสรุปของนายพลกร่างสปอยลูกสาว
กับความรับผิดชอบของสายการบินที่ล็อคตั๋วเสิร์ฟพฤติกรรมซาแซง
สำหรับผม ในทีแรกที่อ่านข่าวแสตมป์-ได้ข้อมูลจากแสตมป์ฝั่งเดียว
ผมก็คิดว่ามันเป็นไปได้ที่ศิลปินจะโดนแฟนคลับตามรังควานแบบโรคจิต(กรณีหลิวเต๋อหัว แฟนคลับคลั่งแบบนั้นก็มีมาแล้ว)
ความผิดปกติเดียวในเรื่องเล่าของแสตมป์ที่ผมรู้สึกได้แต่แรก
คือความอดทนของภรรยาแสตมป์ ที่เลือกจะไม่ฟ้องอีกฝ่าย มันหลายครั้งเกินไป
ซึ่งถ้าแสตมป์รู้สึกเห็นใจภรรยา และอยากปกป้องเธอจริง น่าจะโน้มน้าวให้เธอฟ้อง หรือตัวเองฟ้องเองก็ได้
แต่แสตมป์ยกประโยคว่า "ภรรยาไม่อยากให้เรื่องบานปลาย" มา 3-4ครั้ง จนผิดปกติ
แต่พอเอามาประกอบกับการข่มขู่ของนายพล
ผมก็เลยคิดไปทางว่า แสตมป์อาจจะสู้กับอำนาจมืด ภรรยาเลยไม่อยากให้เรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้เป็นได้
พอTilly birds กับคนในวงการดนตรี has entered the chat และแสดงท่าทีเข้าข้างอีกฝ่ายชัดเจน
ผมก็คิดไปทางว่า ฝ่ายหญิงอาจให้ข้อมูลกับทางนั้น ในมุมที่ทำให้ตัวเองเป็นเหยื่อ
จนทำให้ฝ่ายแสตมป์กับภรรยาดูแย่ในมองมุมของ Tilly birds and frineds
และพอเริ่มมีมูลว่า แสตมป์เคยมีพฤติกรรมนอกใจ จากเรื่องเล่าซาแซง กลายเป็นศิลปินแอบกินตับแฟนคลับ
ความเห็นของชาวเน็ต เลยเริ่มหันกลับไปด่าแสตมป์ แต่ก็ยังด่าคู่กรณีด้วยเช่นเดิม เพราะมองว่าเรื่องเกิดมาหลายปีแล้ว
แต่คนที่ไม่หยุดคือคู่กรณีสาวและมีแฟนหนุ่ม sound engineer ให้ท้าย
แน่นอนว่า เราชาวเน็ต ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ย่อมแยกแยะความถูก-ผิด ได้คร่าวๆ
-มีชู้ คือผิด
-โกหก คือผิด
-คุกคาม คือผิด
-ใช้ยศทหารข่มขู่ คือผิด
แต่ถ้าเราลองจินตนาการ ว่าเราเป็นคนรอบตัวของ แสตมป์ หรือ เพื่อนของคู่กรณีสาว
เราจะแยกแยะความถูกผิดยังไง และจะจัดการเรื่องแบบนี้ด้วยวิธีไหน
เริ่มจาก Tilly birds ที่ปกป้อง sound engineer ของเขาในฐานะเพื่อนร่วมงาน
และปฏิเสธที่จะทำตามคำขอร้องของแสตมป์ที่ให้ไล่sound engineer คนนี้ออก
** Edit ผมอ่านพลาด จริงๆคือไล่คู่กรณีสาวออกจากการจ้างงาน ไม่ได้ไล่แฟนหนุ่มออก ขอบคุณคนที่เตือนนะครับ
จนแสตมป์ออกมาโพสว่า วงดนตรี ซัพพอร์ตโจร และชาวเน็ตต่อว่า ท่าทีของ Tilly birds ว่าเข้าข้างคนผิด
ในมุมผม ถ้าผมเป็น Tilly birds ผมก็จะปกป้องเพื่อนและแฟนเพื่อนเหมือนกัน
**Edit : มีคนบอกว่า ทำไมsound engineer ต้องเอาแฟนไปทำงานด้วย ผมก็มองว่าแสตมป์เองก็เอาภรรยาไปที่งานด้วยเหมือนกัน
มันเป็นสิทธิของเขาที่จะเอาคนที่เขาอยากพาไปซัพพอร์ต ไปอยู่กับเขาในที่ทำงานด้วย
แต่ที่ทำให้คนสงสัยคือ ทำไม แฟนหนุ่ม sound engineer ยังปล่อยแฟนสาวให้รังควานอีกฝ่ายไม่เลิก
สิ่งที่ผมคิดขึ้นมาก็คือ กลไกทางจิตวิทยา ปกป้องผู้สาวผู้อ่อนแอ (อีกนัยนึงเหมือนแฟนหนุ่ม ซาวด์เอนก็โดนความสงสารเล่นงานล่ะมั้ง)
แฟนหนุ่มsound engineer กำลังปกป้องแฟนสาวของเขา ไม่ต่างจากแสตมป์ทำ
ต่างกันตรงที่ แสตมป์รับกรรมในสิ่งที่ตัวเองทำเอง+โชคร้ายที่อีกฝ่ายไม่ Move on จากความสัมพันธ์ และสั่งสมเป็นความเคียดแค้น
*** Edit : จะให้ move on ยังไง โดนฝ่ายชายโยนขี้ให้ทั้งหมด เฮ้อ
ท่าทีของคนในวงการดนตรีอีกจำนวนนึงที่เข้าข้างฝ่ายคู่กรณีสาว
ก็ทำให้ผมครุ่นคิดว่าเป็นแนวๆเพื่อนเข้าข้างเพื่อน
หรือเพราะฝ่ายคู่กรณีสาวมีทักษะในการ gaslight ให้คนรอบตัวมองเธอเป็นเหยื่อ?
พอถึงตรงนี้ ผมก็สลับมุมไปลองคิด ว่าถ้าเธอเองก็เป็นเหยื่อล่ะ?
นั่นหมายความว่าคนgaslightตัวจริง กลายเป็น แสตมป์ ต่างหาก
ไอดอล-ศิลปินที่โดนแฟนคลับที่คลั่งไคล้ไล่ตาม มีให้เห็นเป็นข่าวอยู่ทั่วไป ยิ่งใครตามkpopก็อาจจะชินกับข่าวทำนองนี้
แต่ศิลปินที่ gaslight แฟนคลับ อาจจะไม่ได้มีเคสให้เห็นบ่อยๆ
คำว่า gaslight เริ่มแพร่หลายในสังคมไทยตอนกรณีนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่เป็นประเด็นกับแฟนคลับ
แสตมป์อาจจะไม่ได้ทำหลายครั้ง หลายคน แบบที่นักวิทย์คนนั้นทำ
แต่ถ้ามองว่า ศิลปินมีอิทธิพลทางความคิด-จิตใจเหนือแฟนคลับอยู่แล้ว
การที่ศิลปินทำตัวเลยเถิดกับแฟนคลับมันเลยเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดศีลธรรม
อย่างน้อยก็ในมุมผมที่มองว่ามันไม่เป็นมืออาชีพ ต่อให้แสตมป์ไม่มีแฟนอยู่แล้วตอนนั้น
การมีความสัมพันธ์กับแฟนคลับที่ชื่นชอบตัวเองในฐานะศิลปิน
มันเป็นการเอาเปรียบทางจิตใจ และง่ายต่อการ manipulate อีกฝ่าย
หลายคนอาจจะเห็นภาพ ที่คู่กรณีสาวให้แฟนตัวเองถือภาพหน้าแสตมป์ ซึ่งเป็นการแสดงถึงปัญหาทางจิตของฝ่ายหญิง
ซึ่งทำให้ตอนแรก เธอถูกมองว่าเป็นนังโรคจิตที่เพ้อเจ้อ ไล่ตามผู้ชายที่เขาไม่ได้สนใจ
แน่นอนว่าเธออาจจะไม่ใช่ perfect victim
แต่การผลักให้ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอแต่ผู้เดียวของแสตมป์ ก็แสดงถึงความไม่เป็นลูกผู้ชายของเขาด้วย
และการยื้อไม่ฟ้องมาหลายปี ผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าเป็นการตัดสินใจของภรรยาแสตมป์ หรือเป็นการห่วงภาพลักษณ์ของตัวแสตมป์เองกันแน่
และลองถ้ามองดูคู่กรณีสาว ในฐานะเหยื่อ
อาจจะพอเข้าใจว่าทำไมแฟนหนุ่มsound engineer และเพื่อนร่วมวงการบางคนถึงเลือกเข้าข้างคู่กรณีสาว
รวมถึงการใช้ยศในทางมิชอบของพ่อแม่คู่กรณีสาว ซึ่งรู้ๆอยู่ว่ามันไม่ถูกต้อง
แต่ในมุมมนุษย์ปุถุชน เขาอาจจะมองว่าลูกสาวถูกกระทำจริงๆ ถึงขึ้นชื่อว่าเป็นชู้ยังไงก็ผิด โดนลงโทษทางแพ่งก็แล้ว
แต่ความเจ็บปวดที่เห็นว่าลูกสาวโดนฝ่ายชายกระทำ ก็อาจจะทำให้ทำใจจบเรื่องไม่ลง
ผมเลยมองว่า power dynamic ของเรื่องนี้กำกวม
ชักไม่แน่ใจว่าใครมีอิทธิพลเหนือใครกันแน่ เพราะเราไม่รู้ว่า ในความสัมพันธ์ของแสตมป์ และ คู่กรณีสาว
มันดำเนินไปยังไงแบบไหน ความคลั่งไคล้ และความเคียดแค้น ของเธอจึงไม่สามารถจบลงได้
***** edit : มันไม่จบ เพราะ ชายแทร่ ไม่ยอมจบนั่นแหละ เหอะเหอะ
***** edit2: ไม่น่ารีบตั้งกระทู้เล้ย น่าจะมีหักอีกหลายตลบ 55