สวัสดีค่ะ ขออนุญาติเล่าเรื่องของบริษัทที่เราเคยทำงานด้วย ไม่ขอเอ่ยชื่อบริษัทนะคะ แต่ว่าออฟฟิสเราตั้งอยู่ในเขตพระราม 3 โดยทำเกี่ยวกับสอนเด็กนักเรียนหลังเลิกเรียนตามโรงเรียนนานาชาติ และตามสถาบันสอนต่างๆ
เราได้ทำงานในบริษัทนี้มา 10 เดือน โดยช่วงที่เข้ามาตอนแรก ซึ่งก็คือเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แล้วก็เจอกับพิษโควิดเลยค่ะ โดยเขาได้ลดเงินเดือนครึ่งนึงของเงินเดือนเรา ณ ตอนนั้นเราก็ยอมทนๆทำงานไปเพราะงานหายาก โดยเราก็ทำงาน 4 วันที่ออฟฟิส 2 วันที่บ้านเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน
จนผ่านไปเกินครึ่งปี เงินเดือนที่ได้ก็ยังไม่ได้เท่าที่เขียนในใบสัญญา แต่ก็ทนๆทำไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น เจ้านายเราก็พูดสัญญาว่าถ้าสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ จะขึ้นเงินเดือนให้ในทันที จนกระทั่งเดือนตุลาคม เงินก็ขึ้นมาเป็นปกติตามใบสัญญา
ทีนี้โควิดได้กลับมาระบาดอีกครั้ง หัวหน้าเราเรียกทุกคนไปคุยเมื่อวันที่ 3 มกราคม โดยเขาบอกว่าจะให้พนักงานส่วนนึงออกไปพักที่บ้านเป็นเวลา 3 เดือน (อารมณ์ประมาณให้พักงานโดยไม่เซ็นใบพักงาน และไม่ได้รับเงินเดือน) และไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ส่วนอีกกลุ่มจะให้ทำงานโดยยื่นข้อเสนอว่าจะลดเงินเดือนครึ่งนึง แต่จะทำเรื่องขอเงินกับประกันสังคมอีก 50% ของเงินเดือน ซึ่งเท่ากับว่าไม่เสียอะไรเลย โดยการทำงานก็ให้ทำที่ออฟฟิส 6 วันเหมือนเดิม แค่ลดเวลาไปเป็น 6 ชั่วโมง จาก 9 ชั่วโมง (เขาให้เราอยู่ในกลุ่มนี้)
เราเห็นว่ามันน่าจะเป็นเหมือนปีที่แล้วที่เงินเดือนไม่ขึ้นสักที เลยบอกเขาว่าขอปรึกษาพ่อแม่ก่อน พ่อเราก็บอกว่าเขาโกงหรือเปล่า ประกันสังคมไม่น่าจะขอได้เพราะยังได้รับเงินเดือนอยู่ เราไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เยอะนักเลยไม่แน่ใจ แต่ก็ได้ปฎิเสธข้อเสนอนั้นเพราะไม่อยากมีปัญหาทีหลังบวกกับกลัวเหตุการณ์จะเหมือนปีที่แล้ว ทีนี้หัวหน้าเราก็ได้แสดงอารมณ์ฉุนเฉียว บอกให้เราเซ็นใบลาออกเอง และเงินประกันสังคมก็จะไม่ได้ โดยเขาได้ปริ้นจดหมายลาออกในนามเราเหมือนว่าเราเป็นคนเขียนเอง โดยเขียนด้วยตัวเขาเอง เพื่อที่จะให้เราเซ็นออก แม่เราก็บอกไม่ให้เซ็น เดี๋ยวจะไปกรมแรงงานก่อน
หัวหน้าเราออกอาการหยาบคาบ พูดจาแย่มาก หาว่าเราหักหลังบริษัททั้งๆที่เขาเสียเวลามาเทรนให้ เสียเงินเดือนให้ แต่เรากลับทิ้งบริษัท วันต่อมาเราได้เดือนทางไปกรมแรงงานเพื่อสอบถามและทำเรื่องโดยเราก็ได้มารู้ทีหลังว่าบริษัทไม่มีสิทธิลดเงินเดือนพนังงานโดยที่พนักงานไม่ยินยอม และไม่สามารถเครมเงินกับประกันสังคมได้ถ้ายังได้รับเงินเดือนอยู่ นั่นเท่ากับว่าเราจะยังต้องไปทำงานอยู่
ในกรณีเรา เราไม่สามารถเอาผิดอะไรเขาได้เลยเพราะเราไม่มีหลักฐานเพียงพอ และถ้าเราไม่ไปทำงานเกิน 3 วัน ก็จะเท่ากับเราออกจากงานในทันที และบริษัทเราก็จะไม่เสียอะไรเลย เราก็ได้คุยเรื่องนี้กับหัวหน้าผ่านไลน์ แต่เขาก็บอกกับเราว่าเราไม่เป็นที่ต้อนรับ ถ้าจะมาก็มาเซ็นใบลาออก ถ้ามาเรื่องอื่นก็ไม่ต้องมา
แต่กรมแรงงานก็ยืนยันว่าเราต้องไปทำงาน ต้องไปออฟฟิส ถ้าเขาไม่ให้เข้าก็ต้องถ่ายรูปมาเป็นบันทึกประจำวันว่าเราได้ไปมาแล้วแต่เขาไม่ได้เข้า โดยเราต้องทำอย่างนี้จนครบเดือนถึงจะเอาเรื่องได้ แม่เราเห็นว่ามันยุ่งยากมาก ต้องเดินเรื่องเยอะ เลยบอกเราว่าช่างมันเถอะ เซ็นๆให้มันจบๆไป
ตัวเรานั้นโมโหกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเพราะน้องที่ทำบริษัทเดียวกันนั้นก็โดนพักงาน ไม่แจ้งล่วงหน้าแถมไม่เซ็นใบพักงานให้ เลยเอาเรื่องในส่วนนี้ไม่ได้เหมือนกันเพราะไม่มีหลักฐาน
เรามาเล่าเรื่องนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นๆ และเตือนเพื่อนๆที่มองหางานด้านนี้ ระวังบริษัทนี้เอาไว้ค่ะ
มาเล่าประสบการณ์ บริษัทขี้โกง เห็นแก่ตัว
เราได้ทำงานในบริษัทนี้มา 10 เดือน โดยช่วงที่เข้ามาตอนแรก ซึ่งก็คือเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว แล้วก็เจอกับพิษโควิดเลยค่ะ โดยเขาได้ลดเงินเดือนครึ่งนึงของเงินเดือนเรา ณ ตอนนั้นเราก็ยอมทนๆทำงานไปเพราะงานหายาก โดยเราก็ทำงาน 4 วันที่ออฟฟิส 2 วันที่บ้านเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน
จนผ่านไปเกินครึ่งปี เงินเดือนที่ได้ก็ยังไม่ได้เท่าที่เขียนในใบสัญญา แต่ก็ทนๆทำไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น เจ้านายเราก็พูดสัญญาว่าถ้าสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ จะขึ้นเงินเดือนให้ในทันที จนกระทั่งเดือนตุลาคม เงินก็ขึ้นมาเป็นปกติตามใบสัญญา
ทีนี้โควิดได้กลับมาระบาดอีกครั้ง หัวหน้าเราเรียกทุกคนไปคุยเมื่อวันที่ 3 มกราคม โดยเขาบอกว่าจะให้พนักงานส่วนนึงออกไปพักที่บ้านเป็นเวลา 3 เดือน (อารมณ์ประมาณให้พักงานโดยไม่เซ็นใบพักงาน และไม่ได้รับเงินเดือน) และไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ส่วนอีกกลุ่มจะให้ทำงานโดยยื่นข้อเสนอว่าจะลดเงินเดือนครึ่งนึง แต่จะทำเรื่องขอเงินกับประกันสังคมอีก 50% ของเงินเดือน ซึ่งเท่ากับว่าไม่เสียอะไรเลย โดยการทำงานก็ให้ทำที่ออฟฟิส 6 วันเหมือนเดิม แค่ลดเวลาไปเป็น 6 ชั่วโมง จาก 9 ชั่วโมง (เขาให้เราอยู่ในกลุ่มนี้)
เราเห็นว่ามันน่าจะเป็นเหมือนปีที่แล้วที่เงินเดือนไม่ขึ้นสักที เลยบอกเขาว่าขอปรึกษาพ่อแม่ก่อน พ่อเราก็บอกว่าเขาโกงหรือเปล่า ประกันสังคมไม่น่าจะขอได้เพราะยังได้รับเงินเดือนอยู่ เราไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เยอะนักเลยไม่แน่ใจ แต่ก็ได้ปฎิเสธข้อเสนอนั้นเพราะไม่อยากมีปัญหาทีหลังบวกกับกลัวเหตุการณ์จะเหมือนปีที่แล้ว ทีนี้หัวหน้าเราก็ได้แสดงอารมณ์ฉุนเฉียว บอกให้เราเซ็นใบลาออกเอง และเงินประกันสังคมก็จะไม่ได้ โดยเขาได้ปริ้นจดหมายลาออกในนามเราเหมือนว่าเราเป็นคนเขียนเอง โดยเขียนด้วยตัวเขาเอง เพื่อที่จะให้เราเซ็นออก แม่เราก็บอกไม่ให้เซ็น เดี๋ยวจะไปกรมแรงงานก่อน
หัวหน้าเราออกอาการหยาบคาบ พูดจาแย่มาก หาว่าเราหักหลังบริษัททั้งๆที่เขาเสียเวลามาเทรนให้ เสียเงินเดือนให้ แต่เรากลับทิ้งบริษัท วันต่อมาเราได้เดือนทางไปกรมแรงงานเพื่อสอบถามและทำเรื่องโดยเราก็ได้มารู้ทีหลังว่าบริษัทไม่มีสิทธิลดเงินเดือนพนังงานโดยที่พนักงานไม่ยินยอม และไม่สามารถเครมเงินกับประกันสังคมได้ถ้ายังได้รับเงินเดือนอยู่ นั่นเท่ากับว่าเราจะยังต้องไปทำงานอยู่
ในกรณีเรา เราไม่สามารถเอาผิดอะไรเขาได้เลยเพราะเราไม่มีหลักฐานเพียงพอ และถ้าเราไม่ไปทำงานเกิน 3 วัน ก็จะเท่ากับเราออกจากงานในทันที และบริษัทเราก็จะไม่เสียอะไรเลย เราก็ได้คุยเรื่องนี้กับหัวหน้าผ่านไลน์ แต่เขาก็บอกกับเราว่าเราไม่เป็นที่ต้อนรับ ถ้าจะมาก็มาเซ็นใบลาออก ถ้ามาเรื่องอื่นก็ไม่ต้องมา
แต่กรมแรงงานก็ยืนยันว่าเราต้องไปทำงาน ต้องไปออฟฟิส ถ้าเขาไม่ให้เข้าก็ต้องถ่ายรูปมาเป็นบันทึกประจำวันว่าเราได้ไปมาแล้วแต่เขาไม่ได้เข้า โดยเราต้องทำอย่างนี้จนครบเดือนถึงจะเอาเรื่องได้ แม่เราเห็นว่ามันยุ่งยากมาก ต้องเดินเรื่องเยอะ เลยบอกเราว่าช่างมันเถอะ เซ็นๆให้มันจบๆไป
ตัวเรานั้นโมโหกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากเพราะน้องที่ทำบริษัทเดียวกันนั้นก็โดนพักงาน ไม่แจ้งล่วงหน้าแถมไม่เซ็นใบพักงานให้ เลยเอาเรื่องในส่วนนี้ไม่ได้เหมือนกันเพราะไม่มีหลักฐาน
เรามาเล่าเรื่องนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่นๆ และเตือนเพื่อนๆที่มองหางานด้านนี้ ระวังบริษัทนี้เอาไว้ค่ะ