“เราไม่ดีพอหรอ เราทำพลาดตรงไหน เราทำอะไรผิดนะ”
หลายคำถามเกิดขึ้นในหัวซ้ำไปซ้ำมาในยามค่ำคืนที่เรากำลังพยายามข่มตานอนเพื่อตื่นมาเจอทั้งสิ่งที่ยังอยากทำและไม่อยากทำในวันพรุ่งนี้
เทศกาลปีใหม่ หรือ เทศกาลไหนๆ ล้วนมีความหมายสำหรับทุกๆคน ถึงแม้บางคนจะเอ่ยปากบอกใครต่อใคร ว่าไม่สนใจและไม่ได้ให้ความสนใจกับเทศกาลต่างๆนัก แต่ถ้าคุณได้เจอเหตุการณ์สะเทือนใจ หรือ ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงวันเหล่านี้ มันคงเป็นความทรงจำอันเลวร้ายที่คุณอาจจะลืมได้ยากกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันธรรมดาทั่วไป
การสร้างบาดแผลให้คนอื่นนับว่าเป็นสิ่งที่ร้ายแรงมาก ไม่ว่าจะทางกาย หรือ ทางใจ คุณสามารถทำลายความสุขในวันเทศกาลได้ และอาจทำลายมันตลอดไป ด้วยการสร้างความทรงจำอันเลวร้ายในช่วงเทศกาล ที่จะวนมาให้ระลึกถึงในทุกๆปี
เหมือนกับดิฉัน ในตอนนี้ …
เพิ่งพ้นเทศกาลปีใหม่มาไม่กี่วัน แต่กลับเป็นการเริ่มต้นปีที่ไม่สดชื่นและห่อเหี่ยวเหลือเกิน เพราะจับได้ว่าแฟน (เหมือนจะ) นอกใจเมื่อไม่กี่วันก่อนปีใหม่ ความรู้สึกตอนนั้น มันไม่เจ็บปวดเท่าครั้งแรกที่เค้าทำกับฉัน ในครั้งนั้นน่ะ ฉันชาไปทั้งตัวเลย แต่รอบนี้ชาแค่ใบหน้าเท่านั้น จริงๆก็พอจะระแคะระคายมาสักพักแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริง น่าขำปนสมเพชตัวเองชะมัด
ในความผิดพลาดครั้งก่อน เค้าสัญญากับฉันว่าจะเป็นคนใหม่ จริงๆถ้าไม่นับเรื่องนี้ เค้าก็นับว่าเป็นคนที่ดีมากและรักฉันมากระดับนึง แต่ฉันก็ไม่สามารถเข้าใจความรักของผู้ชายได้อย่างถ่องแท้จริงๆ ว่าถ้ารักกันจริงๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร
มันเลยเป็นที่มาของคำถามที่ดูเหมือนคนสติเลื่อนลอยถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา จนบางครั้งก็เผลอถามเค้าออกมาบ้างในบางคำถาม ไม่รักกันแล้วหรอ ? รักฉันคนเดียวจริงๆใช่ไหม? หรือแม้แต่คำถามว่า อยากจะเลิกกับฉันไหม?
ฉันเอาแต่ถามคำถามเหล่านั้นเหมือนคนไร้สติ ที่พยายามฝืนตัวเองให้มีสติ ไม่เหม่อลอย เพราะแน่นอนชีวิตฉันไม่ได้มีแค่เรื่องของเค้าที่ต้องคิด ทั้งที่ใจจริงอยากกจะทิ้งทุกอย่างแล้วไปนอนเหม่อลอยคนเดียวอยู่ในป่าเสียมากกว่า คำตอบของคำถามเหล่านั้นเป็นไปในทางที่ดี และไม่รู้ว่าเพราะรักจนหน้ามืดตามัว หรือ โง่เขลาอย่างไร ทำไมถึงรู้สึกว่าที่เค้าพูดมามันเป็นความจริง
จากความรู้สึกเหล่านั้น ฉันเลยถามตัวเองต่อว่า แล้วถ้าที่เค้าพูดมามันคือควาวมจริงล่ะ แล้วตกลงความรักของเค้ามันเป็นอย่างไรกันแน่ แต่จากที่ดูแล้วอาจจะแตกต่างจากความรักของฉันอยู่บ้างแล้วล่ะ…
นอกจากความรู้สึกมึนงงปนสับสนเหล่านั้นแล้ว ยังมีความรู้สึกเสียใจ และโกรธแค้นเจือปนอยู่ ทั้งต่อตัวเค้า และความโกรธแค้นต่อผู้หญิงคนนั้น
ฉันต้องต่อสู้กับความไร้จิตวิญญาณในช่วงนี้ของตัวเอง ต่อสู้กับความคิดลบๆแย่ๆ ต่อตัวเอง และยังต้องรบราฆ่าฟันกับบรรดาผู้หญิงพวกนั้นอีก ทั้งสงครามย่อมๆและสงครามปะทะรุนแรง จนบางทีฉันเหนื่อยที่จะต้องเจออะไรเหล่านี้
พอฉันถามเค้าบ่อยๆ ว่ายังรักกันอยู่ไหม อยากเลิกกันหรือเปล่า เค้าก็ดูรำคาญนิดนึงมั้ง ว่าทำไมถามบ่อยจัง …
แต่เค้าคงไม่รู้เลย ว่าเราเองก็ไม่ได้อยากเสียเค้าไป เราก็พยายามทำทุกอย่างและต่อสู้กับความเจ็บปบวดที่เหมือนก้อนอะไรทับหัวอยู่หนักๆเหมือนกัน มันทำให้เราแอบคิดคนเดียววว่า เค้าทำเรื่องร้ายแรงขนาดนั้นทำไมถึงยังกล้ามาแสดงท่าทีรำคาญกันอีกนะ
ในตอนที่เราทะเลาะกัน เค้าโอบกอดฉันไว้ กระซิบข้างหูในตอนที่ฉันนอนหลับว่า อย่าทิ้งกันไปไหนนะ อาจจะดูโง่เขลา แต่คำพูดเหล่านั้นในตอนนั้นระงับความเจ็บปวดได้เหมือนมอร์ฟีนเลยอย่างไรอย่างนั้น
มาคิดๆดูแล้ว มันอาจจะเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย กับการเสพติดการตั้งคำถามวนไปวนมา เพราะคำตอบของเค้าช่างหอมหวาน ระงับความเจ็บปวดได้ถึงแม้ว่าจะระงับไว้ได้ไม่นาน แต่คงเป็นจุดจุดนึงที่เหมือนจุดพักความคิด จุดพักกินน้ำของการเดินทาง ประเภทวิ่งทางไกลของความคิดลบๆในช่วงนี้มั้ง
ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ต้องเดินไปทางไหน กลัวพลาด ไม่มีความมั่นใจในตัวเองหลงเหลืออยู่เลยสักนิด นี่เรากำลังติดกับดักอะไรอยู่นะ ไม่ชอบตัวเองตอนนี้เลย …
ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ต้องจัดการความรู้สึกตัวเองอย่างไรดี
หลายคำถามเกิดขึ้นในหัวซ้ำไปซ้ำมาในยามค่ำคืนที่เรากำลังพยายามข่มตานอนเพื่อตื่นมาเจอทั้งสิ่งที่ยังอยากทำและไม่อยากทำในวันพรุ่งนี้
เทศกาลปีใหม่ หรือ เทศกาลไหนๆ ล้วนมีความหมายสำหรับทุกๆคน ถึงแม้บางคนจะเอ่ยปากบอกใครต่อใคร ว่าไม่สนใจและไม่ได้ให้ความสนใจกับเทศกาลต่างๆนัก แต่ถ้าคุณได้เจอเหตุการณ์สะเทือนใจ หรือ ความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงวันเหล่านี้ มันคงเป็นความทรงจำอันเลวร้ายที่คุณอาจจะลืมได้ยากกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันธรรมดาทั่วไป
การสร้างบาดแผลให้คนอื่นนับว่าเป็นสิ่งที่ร้ายแรงมาก ไม่ว่าจะทางกาย หรือ ทางใจ คุณสามารถทำลายความสุขในวันเทศกาลได้ และอาจทำลายมันตลอดไป ด้วยการสร้างความทรงจำอันเลวร้ายในช่วงเทศกาล ที่จะวนมาให้ระลึกถึงในทุกๆปี
เหมือนกับดิฉัน ในตอนนี้ …
เพิ่งพ้นเทศกาลปีใหม่มาไม่กี่วัน แต่กลับเป็นการเริ่มต้นปีที่ไม่สดชื่นและห่อเหี่ยวเหลือเกิน เพราะจับได้ว่าแฟน (เหมือนจะ) นอกใจเมื่อไม่กี่วันก่อนปีใหม่ ความรู้สึกตอนนั้น มันไม่เจ็บปวดเท่าครั้งแรกที่เค้าทำกับฉัน ในครั้งนั้นน่ะ ฉันชาไปทั้งตัวเลย แต่รอบนี้ชาแค่ใบหน้าเท่านั้น จริงๆก็พอจะระแคะระคายมาสักพักแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริง น่าขำปนสมเพชตัวเองชะมัด
ในความผิดพลาดครั้งก่อน เค้าสัญญากับฉันว่าจะเป็นคนใหม่ จริงๆถ้าไม่นับเรื่องนี้ เค้าก็นับว่าเป็นคนที่ดีมากและรักฉันมากระดับนึง แต่ฉันก็ไม่สามารถเข้าใจความรักของผู้ชายได้อย่างถ่องแท้จริงๆ ว่าถ้ารักกันจริงๆ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร
มันเลยเป็นที่มาของคำถามที่ดูเหมือนคนสติเลื่อนลอยถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา จนบางครั้งก็เผลอถามเค้าออกมาบ้างในบางคำถาม ไม่รักกันแล้วหรอ ? รักฉันคนเดียวจริงๆใช่ไหม? หรือแม้แต่คำถามว่า อยากจะเลิกกับฉันไหม?
ฉันเอาแต่ถามคำถามเหล่านั้นเหมือนคนไร้สติ ที่พยายามฝืนตัวเองให้มีสติ ไม่เหม่อลอย เพราะแน่นอนชีวิตฉันไม่ได้มีแค่เรื่องของเค้าที่ต้องคิด ทั้งที่ใจจริงอยากกจะทิ้งทุกอย่างแล้วไปนอนเหม่อลอยคนเดียวอยู่ในป่าเสียมากกว่า คำตอบของคำถามเหล่านั้นเป็นไปในทางที่ดี และไม่รู้ว่าเพราะรักจนหน้ามืดตามัว หรือ โง่เขลาอย่างไร ทำไมถึงรู้สึกว่าที่เค้าพูดมามันเป็นความจริง
จากความรู้สึกเหล่านั้น ฉันเลยถามตัวเองต่อว่า แล้วถ้าที่เค้าพูดมามันคือควาวมจริงล่ะ แล้วตกลงความรักของเค้ามันเป็นอย่างไรกันแน่ แต่จากที่ดูแล้วอาจจะแตกต่างจากความรักของฉันอยู่บ้างแล้วล่ะ…
นอกจากความรู้สึกมึนงงปนสับสนเหล่านั้นแล้ว ยังมีความรู้สึกเสียใจ และโกรธแค้นเจือปนอยู่ ทั้งต่อตัวเค้า และความโกรธแค้นต่อผู้หญิงคนนั้น
ฉันต้องต่อสู้กับความไร้จิตวิญญาณในช่วงนี้ของตัวเอง ต่อสู้กับความคิดลบๆแย่ๆ ต่อตัวเอง และยังต้องรบราฆ่าฟันกับบรรดาผู้หญิงพวกนั้นอีก ทั้งสงครามย่อมๆและสงครามปะทะรุนแรง จนบางทีฉันเหนื่อยที่จะต้องเจออะไรเหล่านี้
พอฉันถามเค้าบ่อยๆ ว่ายังรักกันอยู่ไหม อยากเลิกกันหรือเปล่า เค้าก็ดูรำคาญนิดนึงมั้ง ว่าทำไมถามบ่อยจัง …
แต่เค้าคงไม่รู้เลย ว่าเราเองก็ไม่ได้อยากเสียเค้าไป เราก็พยายามทำทุกอย่างและต่อสู้กับความเจ็บปบวดที่เหมือนก้อนอะไรทับหัวอยู่หนักๆเหมือนกัน มันทำให้เราแอบคิดคนเดียววว่า เค้าทำเรื่องร้ายแรงขนาดนั้นทำไมถึงยังกล้ามาแสดงท่าทีรำคาญกันอีกนะ
ในตอนที่เราทะเลาะกัน เค้าโอบกอดฉันไว้ กระซิบข้างหูในตอนที่ฉันนอนหลับว่า อย่าทิ้งกันไปไหนนะ อาจจะดูโง่เขลา แต่คำพูดเหล่านั้นในตอนนั้นระงับความเจ็บปวดได้เหมือนมอร์ฟีนเลยอย่างไรอย่างนั้น
มาคิดๆดูแล้ว มันอาจจะเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย กับการเสพติดการตั้งคำถามวนไปวนมา เพราะคำตอบของเค้าช่างหอมหวาน ระงับความเจ็บปวดได้ถึงแม้ว่าจะระงับไว้ได้ไม่นาน แต่คงเป็นจุดจุดนึงที่เหมือนจุดพักความคิด จุดพักกินน้ำของการเดินทาง ประเภทวิ่งทางไกลของความคิดลบๆในช่วงนี้มั้ง
ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ต้องเดินไปทางไหน กลัวพลาด ไม่มีความมั่นใจในตัวเองหลงเหลืออยู่เลยสักนิด นี่เรากำลังติดกับดักอะไรอยู่นะ ไม่ชอบตัวเองตอนนี้เลย …