5 เดือนแล้วที่ฉันรักษาอาการโรคซึมเศร้าด้วยการกินยาและทำจิตบำบัด ฉันมีสติมากขึ้น ได้สัมผัสกับความสุขมากกว่าที่เคยสัมผัส ฉันดีใจที่ฉันหายป่วย...แต่ฉันก็เสียใจที่มันทำให้ฉันสูญเสียเพื่อนคนหนึ่งไปตลอดชีวิต
เมื่อก่อนเรามีเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทเลยล่ะ เราไว้ใจกัน รู้ใจกันทุกเรื่อง ตัวติดกันตลอด เมื่อเกิดโควิดเราก็ช่วยเหลือกัน ดูแลกันอย่างใกล้ชิด แต่พออยู่ด้วยกันนาน ๆ ฉันก็มีอาการนอยด์เมื่อถูกแกล้ง ยิ่งการถูกแกล้งเมินใส่เป็นสิ่งที่มันกระทบต่อความรู้สึกเรามากที่สุดมันทำให้ความสนิทของเรายุติลง เมื่อมันไม่มีความสนิทให้กันแล้ว การถูกเพื่อนวิพากษ์วิจารณ์ตัวตน โดยมีครอบครัวเขาร่วมด้วยมันทำให้เรามีทัสนคติเชิงลบ รู้สึกน้อยใจ เจ็บปวด เสียใจ เมื่อถูกตำหนิเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงเรื่องการวางแผนอนาคต คำพูดที่เพื่อนสนิท และพ่อแม่ของเขาสาดมามันทำให้ฉันเซไปเรื่อย ๆ แต่ต้องอดทน เพราะฉันคิดว่าเขาคงหวังดี คงอยากสั่งสอนไม่อย่างนั้นคงไม่พูดหรอก แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเจ็บปวดขนาดนี้ แต่ฉันอดทน อดทน ....จนไม่ไหว
ฉันพูดในสิ่งที่ฉันอยากพูด ฉันพูดในสิ่งที่ฉันรู้สึกออกไป ด้วยเจตนาที่อยากให้ทุกคนยอมรับในสิ่งที่ฉันเป็น และยอมรับในความคิดของฉัน...แต่...เพื่อน..พ่อและแม่ของเพื่อนตัดสินการกระทำนั้นเป็นความเลวร้าย
ฉันรู้สึกแย่มาก....ฉันนอนร้องไห้ทุกคืน....ฉันเริ่มหูแว่ว คิดว่าเพื่อนคุยกับฉันตลอด....ฉันกินข้าวได้น้อยลง....แต่สิ่งที่ฉันพยายามคือฝืนทำตัวปกติ
เมื่อถึงวันที่ต้องแยกย้ายกัน เพื่อนเขาตัดสินใจเดินออกจากชีวิตฉันโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
ฉันเกลียดตัวเองมาก ๆ
ฉันคิดว่าฉันนิสัยไม่ดีจึงทำให้เสียเพื่อน
ฉันเสียใจที่ทำให้เพื่อนเสียใจ เสียความรู้สึก
รู้ไหม...ฉันอยู่กับความเสียใจ เจ็บปวด เกลียดตัวเอง โทษตัวเอง และรู้สึกไร้ค่าจากคำวิพากษ์วิจารณ์ของเพื่อนและพ่อแม่เพื่อนที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว มันทรมานจนทนไม่ไหว.....ฉันพยายามจะปล่อย บอกตัวเองว่า "ช่างมัน" แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุดฉันเลือกที่จะจบชีวิต
ที่พิมพ์อยู่นี่คือยังไม่ตาย....ความงกทำให้ฉันเปลี่ยนใจ ฉันคิดว่าอายุฉันยังน้อยเกินไปถ้าฉันตายเบี้ยประกันที่พ่อแม่ฉันจะได้คงไม่คุ้มแน่ ๆ เลยพยายามฮีลตัวเอง รู้ไหมว่าอะไรปลดล็อกให้ฉันกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้ง.....ไม่ใช่ความงกหรอก เพราะหลังจากล้มเลิกการฆ่าตัวตายก็พยายามฝืนตัวเองอยู่นานมาก ต้องเพิ่มยาอีกขนานเพื่อระงับอาการ แต่สิ่งที่วิเศษกว่ายาใด ๆ คือ "ความคิด"
ฉันยอมรับว่าฉันเจ็บปวดจากคำพูดคนอื่น ใช่...ฉันอ่อนแอ ให้ฉันเศร้าหน่อยละกัน
เพียงแค่ฉันยอมรับอาการที่ตัวเองเป็น และไม่ตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่า ทำไม ทำไม ทำไม .....ชีวิตฉันค่อย ๆ สว่างขึ้น โลกของฉันค่อย ๆ กลับมาสดใสอีกครั้ง....ฉันยอมรับนะว่าการถืออัตตามันทำให้เราเป็นทุกข์ การเอาใจไปผูกติดกับคนอื่นมากเกินไปมันไม่ดี....ฉันนี่แหละจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดให้ตัวเอง
มันไม่ง่ายหรอกนะที่จะให้ใครมีเข้าใจโรคซึมเศร้า เพราะผู้ป่วยเองก็ยังไม่เข้าใจเลย
ไม่เป็นไร.....อย่างน้อยฉันแค่เสียเพื่อน...ถ้าฉันไม่ยอมรับและเดินไปพบจิตแพทย์ฉันคงเสียมากกว่านี้
ดังนั้น สุขภาพจิตก็เหมือนสุขภาพกาย ไม่โอเคก็ไปหาหมอ ก่อนที่จะสายเกินไป
เสียเพื่อนเพราะโรคซึมเศร้า
เมื่อก่อนเรามีเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทเลยล่ะ เราไว้ใจกัน รู้ใจกันทุกเรื่อง ตัวติดกันตลอด เมื่อเกิดโควิดเราก็ช่วยเหลือกัน ดูแลกันอย่างใกล้ชิด แต่พออยู่ด้วยกันนาน ๆ ฉันก็มีอาการนอยด์เมื่อถูกแกล้ง ยิ่งการถูกแกล้งเมินใส่เป็นสิ่งที่มันกระทบต่อความรู้สึกเรามากที่สุดมันทำให้ความสนิทของเรายุติลง เมื่อมันไม่มีความสนิทให้กันแล้ว การถูกเพื่อนวิพากษ์วิจารณ์ตัวตน โดยมีครอบครัวเขาร่วมด้วยมันทำให้เรามีทัสนคติเชิงลบ รู้สึกน้อยใจ เจ็บปวด เสียใจ เมื่อถูกตำหนิเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงเรื่องการวางแผนอนาคต คำพูดที่เพื่อนสนิท และพ่อแม่ของเขาสาดมามันทำให้ฉันเซไปเรื่อย ๆ แต่ต้องอดทน เพราะฉันคิดว่าเขาคงหวังดี คงอยากสั่งสอนไม่อย่างนั้นคงไม่พูดหรอก แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเจ็บปวดขนาดนี้ แต่ฉันอดทน อดทน ....จนไม่ไหว
ฉันพูดในสิ่งที่ฉันอยากพูด ฉันพูดในสิ่งที่ฉันรู้สึกออกไป ด้วยเจตนาที่อยากให้ทุกคนยอมรับในสิ่งที่ฉันเป็น และยอมรับในความคิดของฉัน...แต่...เพื่อน..พ่อและแม่ของเพื่อนตัดสินการกระทำนั้นเป็นความเลวร้าย
ฉันรู้สึกแย่มาก....ฉันนอนร้องไห้ทุกคืน....ฉันเริ่มหูแว่ว คิดว่าเพื่อนคุยกับฉันตลอด....ฉันกินข้าวได้น้อยลง....แต่สิ่งที่ฉันพยายามคือฝืนทำตัวปกติ
เมื่อถึงวันที่ต้องแยกย้ายกัน เพื่อนเขาตัดสินใจเดินออกจากชีวิตฉันโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
ฉันเกลียดตัวเองมาก ๆ
ฉันคิดว่าฉันนิสัยไม่ดีจึงทำให้เสียเพื่อน
ฉันเสียใจที่ทำให้เพื่อนเสียใจ เสียความรู้สึก
รู้ไหม...ฉันอยู่กับความเสียใจ เจ็บปวด เกลียดตัวเอง โทษตัวเอง และรู้สึกไร้ค่าจากคำวิพากษ์วิจารณ์ของเพื่อนและพ่อแม่เพื่อนที่ยังวนเวียนอยู่ในหัว มันทรมานจนทนไม่ไหว.....ฉันพยายามจะปล่อย บอกตัวเองว่า "ช่างมัน" แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุดฉันเลือกที่จะจบชีวิต
ที่พิมพ์อยู่นี่คือยังไม่ตาย....ความงกทำให้ฉันเปลี่ยนใจ ฉันคิดว่าอายุฉันยังน้อยเกินไปถ้าฉันตายเบี้ยประกันที่พ่อแม่ฉันจะได้คงไม่คุ้มแน่ ๆ เลยพยายามฮีลตัวเอง รู้ไหมว่าอะไรปลดล็อกให้ฉันกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้ง.....ไม่ใช่ความงกหรอก เพราะหลังจากล้มเลิกการฆ่าตัวตายก็พยายามฝืนตัวเองอยู่นานมาก ต้องเพิ่มยาอีกขนานเพื่อระงับอาการ แต่สิ่งที่วิเศษกว่ายาใด ๆ คือ "ความคิด"
ฉันยอมรับว่าฉันเจ็บปวดจากคำพูดคนอื่น ใช่...ฉันอ่อนแอ ให้ฉันเศร้าหน่อยละกัน
เพียงแค่ฉันยอมรับอาการที่ตัวเองเป็น และไม่ตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่า ทำไม ทำไม ทำไม .....ชีวิตฉันค่อย ๆ สว่างขึ้น โลกของฉันค่อย ๆ กลับมาสดใสอีกครั้ง....ฉันยอมรับนะว่าการถืออัตตามันทำให้เราเป็นทุกข์ การเอาใจไปผูกติดกับคนอื่นมากเกินไปมันไม่ดี....ฉันนี่แหละจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดให้ตัวเอง
มันไม่ง่ายหรอกนะที่จะให้ใครมีเข้าใจโรคซึมเศร้า เพราะผู้ป่วยเองก็ยังไม่เข้าใจเลย
ไม่เป็นไร.....อย่างน้อยฉันแค่เสียเพื่อน...ถ้าฉันไม่ยอมรับและเดินไปพบจิตแพทย์ฉันคงเสียมากกว่านี้
ดังนั้น สุขภาพจิตก็เหมือนสุขภาพกาย ไม่โอเคก็ไปหาหมอ ก่อนที่จะสายเกินไป