คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เรานับถือคนสู้ชีวิตแบบ จขกท มากเลยค่ะ
ต่อสู้ ขยัน อดทน จนสามารถส่งเสียตนเองเรียนจนจบปริญญาได้ และ ปัจจุบันนี้มีอาชีพที่ดี
ทำไมไม่มองและภาคภูมิใจในตนเองค่ะ ว่าได้เลือกทางดี แม้จะต้นทุนไม่มาก
จขกท เองเก่งมากนะ ไม่เลือกทางผิด หันไปติดยาเสพติด หรือ ทำตัวเป็นปัญหากับสังคม
จงใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและภาคภูมิใจนะคะ เราคนหนึ่งล่ะที่นับถือคนอย่าง จขกท
จงใช้อดีตมาสร้างอนาคตที่ดีกว่าเดิมนะคะ
ต่อสู้ ขยัน อดทน จนสามารถส่งเสียตนเองเรียนจนจบปริญญาได้ และ ปัจจุบันนี้มีอาชีพที่ดี
ทำไมไม่มองและภาคภูมิใจในตนเองค่ะ ว่าได้เลือกทางดี แม้จะต้นทุนไม่มาก
จขกท เองเก่งมากนะ ไม่เลือกทางผิด หันไปติดยาเสพติด หรือ ทำตัวเป็นปัญหากับสังคม
จงใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติและภาคภูมิใจนะคะ เราคนหนึ่งล่ะที่นับถือคนอย่าง จขกท
จงใช้อดีตมาสร้างอนาคตที่ดีกว่าเดิมนะคะ
ความคิดเห็นที่ 25
ผมจะเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวผมให้ฟังนะครับ
ตั้งแต่เด็ก ผมมีพี่น้อง 6 คน
ตั้งแต่เด็กสมัยก่อน ผมได้เงินไปรร. 1 บาท สมัยก่อนจะได้เงินไปเรียน 2 บาท
คือซื้อข้าว 1 บาท นั่นคือ จะไม่ได้กินขนม
ถ้าจะกินขนมวันไหนต้องอดข้าว
ไปเรียนผมไม่เคยมีชุดนักเรียนใหม่เลย
มีแต่รับเค้ามา บางทีกางเกงก็ต้องใช้หนังยางรัด
ตอนไปเข้าลูกเสือ
คือต้องใช้ชุดลูกเสือ อุปกรณ์เข็มขัด
แต่แม่ขอกว่าไม่มี
แต่ผมไม่มี )และวันก่อนเข้าค่ายคือผมไม่มีชุดเลย (พิมพ์ไปผมก็ร้องให้ตามไปเลยตอนนี้) และต้องไปนอนพักอีกหมู่บ้าน
ผมจำได้จวบจนทุกวันนี้ ประมาณรุ่งสาง
เช้าวันนั้นคือแม่มายืนรอ ไปหาซื้อเข็มขัดลูกเสือมาให้ ซึ่งผมก็เข้าใจว่าแ ่อาจจะต้องดิ้นรน ด้วยวิธีการอย่างใดอย่างนึงแน่นอน
พอเข้ามัธยม ช่วงชีวิตวัยแรกรุ่นผมหายไป
เพราะแม่ไม่มีเงินส่งเรียนเหมือนคนทั่วไป
ผมจึงต้องเรียน รร.วัด ซึ่งอยู่ไกลหมู่บ้าน
หลายสิบกิโล ชีวิตม.ต้น อย่างเด็กคนอื่นๆ
ผมไม่เคยได้สัมผัส เลิกเรียนต้องรอพ่อไป
รับ บางวันกว่าพ่อจะไปรับ ก็3-4 ทุ่ม
บางวันพ่อไปรับไม่ได้ ผมก็ต้องเดินเท้าเปล่าลัดเลาะตามทางลูกลัง หลายสิบกิโล
ตอนเรียนช่างปวช พี่สาวสองคนเรียนพานิชย์ แต่มีมอไซค์ คันเดียว
ผมก็ต้องอาศัยติดรถคนอื่น
บางวันเลิก 5 โมง ก็ต้องรอทุ่มสองทุ่มเพื่อให้รอเขาเลิก ผมมีเงินไปเรียนแค่วันล่ะ 20 บาทนั่นคือแค่ค่าข้าว ก่อนไปเรียน
ผมต้องทำนาช่วยพ่อแม่ก่อนทุกวัน
พอถึงเวลาคืออาบน้ำแล้วไปเรียน
บางวันแม่ไม่มีเงินก็ต้องไปหายืมเพื่อนบ้านมาให้
ในยุคแรกที่เริ่มมีอินเทอร์เน็ต
ผมมีความสนใจในอินเทอร์เน็ตมาก
บางวันผมก็ต้องยอมอดข้าว
เพื่อเแ็นค่าชม.internet ชม.ล่ะ20 บาท
เสาร์อาทิตย์ ผมอิจฉาเพื่อนคนอื่น
ที่ได้นอนดูทีวี พักผ่อนที่บ้าน
แต่ผมต้องไปเลี้ยงควาย ทุกวันหยุด
ตกช่วงหน้าร้อน เสาร์อาทิตย์
ผมก็ต้องไปปีนต้นมะขามตามท้องทุ่ง
เพื่อมาแกะขายกับแม่
กลางคืนกว่าทุกคืน ต้องแกะเม็ดมะขาม
เพื่อส่งขายทุกวัน
แต่สิ่งเหล่านี้แหละ
ที่มันผลักดันผมจนมาไกล
เกินกว่าที่ทุกคนไม่เชื่อว่าอดีตผมจะเหมือนสิ่งที่ผมเล่า
ความลำบาก
ความด้อยทั้งหมด
มันคือแรงผลักดันสำหรับผม
ผมสอบติดบางมด
พอจบ ผมเดินทางไปอเมริกา
แล้วก็กลับมาทำงานในไทย
ตั้งแต่จบมา ผมเป็นพนักงานไอที
บริชั้นนำต่างชาติทุกที่
ในขณะที่ทุกคนตกงาน
ผมกลับยังเลือกงานได้
และล่าสุด เชื่อมั้ย
ในสถานการณ์โควิด ที่บางคนตกงาน
บางคนไม่ได้รับเงินเดือน
แต่... ผมได้ปรับขึ้นเงินเดือน
ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้
ปัจจุบันผมมีคอนโดของตัวเอง
ราคา 3 ลบ.ต้นๆ
ผมเดินทางเที่ยวมาแล้วค่อนโลก
ทานอาหารภัตราคารหรูบ้าง ออกงาน
สังคมชั้นสูงบ้างบางครา
ทุกวันนี้ผมมีเกินกว่าใครหลายคน
จนมีคนไม่น้อยที่อิจฉาชีวิตผม
ทุกวันนั พ่อแม่ผมกินดีอยู่ดี
มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ต้องเดือดร้อนอะไรเลย
สำหรับผมชีวิตเริ่มต้นจาคำว่าศูนย์
จนเรียกว่าติดลบ
แต่เราทุกคน
สามารถกำหนดและสร้างชีวิต
ของเราได้ครับ
สุดท้าย
หวังว่าเรื่องราวชีวิตของผม
พอจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนได้ครับ
ตั้งแต่เด็ก ผมมีพี่น้อง 6 คน
ตั้งแต่เด็กสมัยก่อน ผมได้เงินไปรร. 1 บาท สมัยก่อนจะได้เงินไปเรียน 2 บาท
คือซื้อข้าว 1 บาท นั่นคือ จะไม่ได้กินขนม
ถ้าจะกินขนมวันไหนต้องอดข้าว
ไปเรียนผมไม่เคยมีชุดนักเรียนใหม่เลย
มีแต่รับเค้ามา บางทีกางเกงก็ต้องใช้หนังยางรัด
ตอนไปเข้าลูกเสือ
คือต้องใช้ชุดลูกเสือ อุปกรณ์เข็มขัด
แต่แม่ขอกว่าไม่มี
แต่ผมไม่มี )และวันก่อนเข้าค่ายคือผมไม่มีชุดเลย (พิมพ์ไปผมก็ร้องให้ตามไปเลยตอนนี้) และต้องไปนอนพักอีกหมู่บ้าน
ผมจำได้จวบจนทุกวันนี้ ประมาณรุ่งสาง
เช้าวันนั้นคือแม่มายืนรอ ไปหาซื้อเข็มขัดลูกเสือมาให้ ซึ่งผมก็เข้าใจว่าแ ่อาจจะต้องดิ้นรน ด้วยวิธีการอย่างใดอย่างนึงแน่นอน
พอเข้ามัธยม ช่วงชีวิตวัยแรกรุ่นผมหายไป
เพราะแม่ไม่มีเงินส่งเรียนเหมือนคนทั่วไป
ผมจึงต้องเรียน รร.วัด ซึ่งอยู่ไกลหมู่บ้าน
หลายสิบกิโล ชีวิตม.ต้น อย่างเด็กคนอื่นๆ
ผมไม่เคยได้สัมผัส เลิกเรียนต้องรอพ่อไป
รับ บางวันกว่าพ่อจะไปรับ ก็3-4 ทุ่ม
บางวันพ่อไปรับไม่ได้ ผมก็ต้องเดินเท้าเปล่าลัดเลาะตามทางลูกลัง หลายสิบกิโล
ตอนเรียนช่างปวช พี่สาวสองคนเรียนพานิชย์ แต่มีมอไซค์ คันเดียว
ผมก็ต้องอาศัยติดรถคนอื่น
บางวันเลิก 5 โมง ก็ต้องรอทุ่มสองทุ่มเพื่อให้รอเขาเลิก ผมมีเงินไปเรียนแค่วันล่ะ 20 บาทนั่นคือแค่ค่าข้าว ก่อนไปเรียน
ผมต้องทำนาช่วยพ่อแม่ก่อนทุกวัน
พอถึงเวลาคืออาบน้ำแล้วไปเรียน
บางวันแม่ไม่มีเงินก็ต้องไปหายืมเพื่อนบ้านมาให้
ในยุคแรกที่เริ่มมีอินเทอร์เน็ต
ผมมีความสนใจในอินเทอร์เน็ตมาก
บางวันผมก็ต้องยอมอดข้าว
เพื่อเแ็นค่าชม.internet ชม.ล่ะ20 บาท
เสาร์อาทิตย์ ผมอิจฉาเพื่อนคนอื่น
ที่ได้นอนดูทีวี พักผ่อนที่บ้าน
แต่ผมต้องไปเลี้ยงควาย ทุกวันหยุด
ตกช่วงหน้าร้อน เสาร์อาทิตย์
ผมก็ต้องไปปีนต้นมะขามตามท้องทุ่ง
เพื่อมาแกะขายกับแม่
กลางคืนกว่าทุกคืน ต้องแกะเม็ดมะขาม
เพื่อส่งขายทุกวัน
แต่สิ่งเหล่านี้แหละ
ที่มันผลักดันผมจนมาไกล
เกินกว่าที่ทุกคนไม่เชื่อว่าอดีตผมจะเหมือนสิ่งที่ผมเล่า
ความลำบาก
ความด้อยทั้งหมด
มันคือแรงผลักดันสำหรับผม
ผมสอบติดบางมด
พอจบ ผมเดินทางไปอเมริกา
แล้วก็กลับมาทำงานในไทย
ตั้งแต่จบมา ผมเป็นพนักงานไอที
บริชั้นนำต่างชาติทุกที่
ในขณะที่ทุกคนตกงาน
ผมกลับยังเลือกงานได้
และล่าสุด เชื่อมั้ย
ในสถานการณ์โควิด ที่บางคนตกงาน
บางคนไม่ได้รับเงินเดือน
แต่... ผมได้ปรับขึ้นเงินเดือน
ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้
ปัจจุบันผมมีคอนโดของตัวเอง
ราคา 3 ลบ.ต้นๆ
ผมเดินทางเที่ยวมาแล้วค่อนโลก
ทานอาหารภัตราคารหรูบ้าง ออกงาน
สังคมชั้นสูงบ้างบางครา
ทุกวันนี้ผมมีเกินกว่าใครหลายคน
จนมีคนไม่น้อยที่อิจฉาชีวิตผม
ทุกวันนั พ่อแม่ผมกินดีอยู่ดี
มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ต้องเดือดร้อนอะไรเลย
สำหรับผมชีวิตเริ่มต้นจาคำว่าศูนย์
จนเรียกว่าติดลบ
แต่เราทุกคน
สามารถกำหนดและสร้างชีวิต
ของเราได้ครับ
สุดท้าย
หวังว่าเรื่องราวชีวิตของผม
พอจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
ต้นทุนชีวิตต่ำมากๆชนิดที่ว่า พ่อแม่ไม่ได้ให้อะไรเรามาเลย นอกจากเสื้อผ้าที่เราใส่?
เงินสัก1บาทไม่เคยได้จากพวกเขาเลย ต้องทำงานแลกมันมากเอง
มีใครเจอแย่ๆกว่าผมมั้งไหมครับ?