[covid-19] เหตุผลที่ทำไมวัคซีนของอ๊อกซ์ฟอร์ดถึงราคาถูก

วัคซีนตัวนี้พัฒนาโดยอ๊อกซ์ฟอร์ดแต่ทางมหาลัยไม่สามารถผลิดเป็นจำนวนมากเพื่อขาย
จึงติดต่อกับแอสตราเซเนกาเพื่อทำการผลิตป้อนตลาด 
โดยมีการวางเงื่อนไขกับแอสตราเซนากาว่า ห้ามทำเพื่อหากำไร และราคาต้องไม่สูงเกินสำหรับชนชั้นล่างและกลาง
การเจรจาเป็นไปอย่างเข้มข้นเพราะบริษัทก็ไม่ใช่มูลนิธิการกุศล ย่อมต้องการหากำไร
ในที่สุดก็ตกลงกันได้ว่าแอสตราเซนากาจะคงราคาไว้ที่ต้นทุน €1.78 ($2.2) จนกว่าการระบาดจะหมดไปก่อน หลังจากนั้นจึงจะขึ้นราคาได้

แอสตราเซนากาจะเป็นผู้ผลิดป้อนให้กับยุโรปและอเมริกา 
โดยทางอเมริกาจ่ายแพงกว่าอาจเพราะไม่ได้อยู่ในอียู ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุน และคงมีค่าขนส่งมาเกี่ยวข้องด้วย แต่ก็ยังราคาแค่ $4 ต่อโดส
ส่วนในอินเดียนั้นบริษัทเซรุ่ม เอกชนรายใหญ่จะเป็นผู้ผลิต ใช้ชื่อวัคซีนว่า Covishield โดยมีเงื่อนไขเดียวกันคือไม่หากำไร  
ทำให้ต้องขายให้รัฐบาลอินเดียในราคาเพียง $3 สำหรับ 2 โดส ซึ่งถูกมากกว่าทางแอสตราเซนากาเสียอีก คงเพราะค่าแรงและค่าวัสดุถูก
แต่จะสามารถขายในเวลาต่อมาให้กับเอกชนทั่วไปได้ในราคา $6 - $8

สัญญากับไทย ซึ่งใช้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ของนายพลท่านหนึ่งเป็นผู้ผลิต ขายให้รัฐบาลไทยด้วยราคา $5 ต่อโดสแบบไม่หากำไร
จึงเป็นข้อสังเกตุว่าทำไมแพงกว่าแอสตราเซนากาที่ผลิตในอังกฤษแล้วส่งไปอเมริกาเสียอีก
และนอกจากนี้สัญญากับอ๊อกซ์ฟอร์ดก็ทำให้สามารถขายให้ตลาดในภูมิภาคเอเซียได้ด้วย

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ต้องขอปรบมือและคารวะมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ดและทีมงานวิจัยที่สร้างวัคซีนตัวนี้ด้วยประสบการณ์และความมานะ
ก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ แล้วนำมายกให้ประชาการโลกเข้าถึงได้ง่าย จนถูกว่าวัคซีนตัวอื่นๆเป็นสิบเท่า
เป็นฮีโร่อย่างแท้จริงในสถานการณ์ที่เลวร้ายช่วงหนึ่งของมนุษยชาติ
จะเอาเรื่องของการค้นพบและอุปสรรคในการผลิตวัคซีนตัวนี้มาเล่าให้ฟังกันอีกทีโอกาสหน้าครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่