“มาลาวี” เศร้า ต้องทำลายวัคซีนหมดอายุเกือบ 2 หมื่นโดสทิ้ง ตอนรับมามีอายุใช้งานแค่ 18 วัน
เผยแพร่: 19 พ.ค. 2564 22:03 ปรับปรุง: 19 พ.ค. 2564 22:03 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – มาลาลีจำใจต้องเผาทำลายวัคซีนโควิด-19เกือบ 20,000 โดสที่หมดอายุ หลังจากได้รับขณะมาถึงมีอายุการใช้งานแค่ 18 วัน ยันจะไม่แจกวัคซีนโควิด-19หมดอายุให้ประชาชนของตัวเอง
รอยเตอร์รายงานวันนี้(19 พ.ค)ว่า มาลาลีประเทศยากจนในทวีปแอฟริกาวันพุธ(19)จัดการเผาทำลายวัคซีนโควิด-19ยี่ห้อแอสตราเซเนก้าที่หมดอายุจำนวน 19,610 โดสถึงแม้ว่าจะได้รับคำรับรองจากสหภาพแอฟริกา AU และองค์การอนามัยโลก WHO ว่าวัคซีนจะยังคงสามารถใช้ได้ไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม
ทั้งนี้พบว่ามาลาวีได้รับวัคซีนจำนวน 102,000 โดสเมื่อวันที่ 26 มี.คภายใต้ความริเริ่มระหว่างสหภาพแอฟริกา AU และองค์การอนามัยโลก โดยวัคซีนล็อตนี้จะหมดอายุลงในวันที่ 13 เม.ย โดยมาลาวีมีเวลาแค่ 18 วันเท่านั้นที่จะใช้งานได้
อย่างไรก็ตามพบว่า รัฐบาลสามารถแจกวัคซีนได้ 80% ของจำนวนทั้งหมดที่ได้รับมาได้ทัน
จอห์น นเคนกาซอง(John Nkengasong )ผู้อำนวยการศูนย์แอฟริกาการควบคุมโรคและการป้องกัน หรือ “แอฟริกา CDC” ที่เป็นส่วนหนึ่งของ AU กล่าวในงานแถลงข่าวช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาว่า วัคซีนแอสตราเซเนก้าที่มาลาวีได้รับนั้นสามารถถูกแจกจ่ายได้ไปจนถึงวันที่ 13 ก.คนี้ บนพื้นฐานของการวิจัยเพิ่มเติมที่มาจากสถาบันเซรุ่มวิทยาอินเดียซึ่งเป็นผู้ผลิต
ซึ่งในวันอังคารสถาบันเซรุมวิทยาอินเดียออกแถลงการณ์ยืนยันจะไม่ส่งออกวัคซีนโควิด-19ไปยังต่างประเทศเนื่องมาจากต้องการใช้วัคซีนที่ผลิตได้เพื่อช่วยเหลือชาวอินเดียที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตการระบาดเสียก่อน พร้อมกันนี้ยังตั้งความหวังว่า จะเริ่มกลับมาป้อนวัคซีนส่งเข้าโครงการ COVAX และประเทศอื่นๆตามสัญญาได้ภายในสิ้นปีนี้ รายงานจากอินเดียนเอ็กซเพรส สื่ออินเดีย
ซึ่งทางสถาบันเซรุมวิทยาอินเดียได้ขยายอายุการใช้งานวัคซีนแอสตราเซเนก้าที่ทางสถาบันผลิตว่าสามารถใช้ได้นาน 9 เดือนนับตั้งแต่วันผลิตจากก่อนหน้าที่ 6 เดือน
ผู้อำนวยการ แอฟริกา CDC และองค์การอนามัยโลกยังออกมาเรียกร้องไปยังชาติแอฟริกันอื่นๆอย่าทำลายวัคซีนที่ได้รับการบริจาคมา อย่างไรก็ตามรัฐบาลมาลาลีตอบกลับมาว่า มาลาวีจะไม่แจกวัคซีนโควิด-19ที่หมดอายุให้กับคนของตัวเองเด็ดขาด
“เรากำลังทำลายมัน เพราะจากนโยบายของรัฐบาลจะไม่มีการใช้วัคซีนที่หมดอายุ” รัฐมนตรีสาธารณสุขมาลาวี คุมบิซ ชาปอนดา( Khumbize Chaponda) แถลงที่โรงพยาบาลกลางคามูซูในกรุงลิลอนเว( Lilongwe)
และหลังการแถลง ชาปอนดาได้ทิ้งวัคซีนที่ห่อไว้ในพลาสติกสีแดงทิ้งลงในเตาเผาให้เห็นส่งผลทำให้เกิดควันพวยพุ่งขึ้นไปที่ปล่องไฟ
และเธอกล่าวต่อว่า “ในฐานะรัฐบาลมาลาวี ดิฉันของรับรองต่อชาวมาลาวีทั้งหมดว่าจะไม่มีใครได้รับวัคซีนที่หมดอายุแน่นอน”
บีบีซีชี้ว่า ประชาชนทั่วไปในประเทศต่างวิจารณ์ถึววัคซีนหมดอายุ คนเหล่านี้ต้องการที่จะได้รับวัคซีนโควิด-19 แต่วิตกว่า จะเป็นวัคซีนที่สิ้นอายุการใช้งานแล้ว และยังวิตกกังวลไปถึงปัญหาลิ่มเลือดอุดตันเนื่องมาจากการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนก้าที่ปรากฎไปทั่วโลก
กระทรวงสาธารณสุขมาลาวีระบุว่ามาจนถึงวันที่ 18 พ.ค สามารถแจกวัคซีนโควิด-19ให้กับประชาชนไปแล้ว 335,232 โดส โดยทั้งประเทศมียอดสะสม 34,231 คน และเสียชีวิตรวม 1,153 คน
https://mgronline.com/around/detail/9640000048429
ประเทศไทยโชคดีนะคะ ที่ไม่อยู่ในฐานะ รับบริจาควัคซีน ไม่เข้าร่วมกับโคแวก
รัฐบาลไทยตัดสินใจติดต่อซื้อกับบริษัทโดยตรง ประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิตวัคซีนด้วย
รัฐบาลลุงตู่ มีการตัดสินใจที่ถูกทางมาตลอดพร้อมด้วยทีมที่ปรึกษาบรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของประเทศ
ชื่นชมการทำงานทีมประเทศไทยที่ทำอะไรรอบคอบค่ะ
💚มาลาริน/โชคดีของประเทศไทย..."มาลาวี” เศร้า ต้องทำลายวัคซีนหมดอายุเกือบ 2 หมื่นโดสทิ้ง ตอนรับมามีอายุใช้งานแค่ 18 วัน
เผยแพร่: 19 พ.ค. 2564 22:03 ปรับปรุง: 19 พ.ค. 2564 22:03 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – มาลาลีจำใจต้องเผาทำลายวัคซีนโควิด-19เกือบ 20,000 โดสที่หมดอายุ หลังจากได้รับขณะมาถึงมีอายุการใช้งานแค่ 18 วัน ยันจะไม่แจกวัคซีนโควิด-19หมดอายุให้ประชาชนของตัวเอง
รอยเตอร์รายงานวันนี้(19 พ.ค)ว่า มาลาลีประเทศยากจนในทวีปแอฟริกาวันพุธ(19)จัดการเผาทำลายวัคซีนโควิด-19ยี่ห้อแอสตราเซเนก้าที่หมดอายุจำนวน 19,610 โดสถึงแม้ว่าจะได้รับคำรับรองจากสหภาพแอฟริกา AU และองค์การอนามัยโลก WHO ว่าวัคซีนจะยังคงสามารถใช้ได้ไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม
ทั้งนี้พบว่ามาลาวีได้รับวัคซีนจำนวน 102,000 โดสเมื่อวันที่ 26 มี.คภายใต้ความริเริ่มระหว่างสหภาพแอฟริกา AU และองค์การอนามัยโลก โดยวัคซีนล็อตนี้จะหมดอายุลงในวันที่ 13 เม.ย โดยมาลาวีมีเวลาแค่ 18 วันเท่านั้นที่จะใช้งานได้
อย่างไรก็ตามพบว่า รัฐบาลสามารถแจกวัคซีนได้ 80% ของจำนวนทั้งหมดที่ได้รับมาได้ทัน
จอห์น นเคนกาซอง(John Nkengasong )ผู้อำนวยการศูนย์แอฟริกาการควบคุมโรคและการป้องกัน หรือ “แอฟริกา CDC” ที่เป็นส่วนหนึ่งของ AU กล่าวในงานแถลงข่าวช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาว่า วัคซีนแอสตราเซเนก้าที่มาลาวีได้รับนั้นสามารถถูกแจกจ่ายได้ไปจนถึงวันที่ 13 ก.คนี้ บนพื้นฐานของการวิจัยเพิ่มเติมที่มาจากสถาบันเซรุ่มวิทยาอินเดียซึ่งเป็นผู้ผลิต
ซึ่งในวันอังคารสถาบันเซรุมวิทยาอินเดียออกแถลงการณ์ยืนยันจะไม่ส่งออกวัคซีนโควิด-19ไปยังต่างประเทศเนื่องมาจากต้องการใช้วัคซีนที่ผลิตได้เพื่อช่วยเหลือชาวอินเดียที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตการระบาดเสียก่อน พร้อมกันนี้ยังตั้งความหวังว่า จะเริ่มกลับมาป้อนวัคซีนส่งเข้าโครงการ COVAX และประเทศอื่นๆตามสัญญาได้ภายในสิ้นปีนี้ รายงานจากอินเดียนเอ็กซเพรส สื่ออินเดีย
ซึ่งทางสถาบันเซรุมวิทยาอินเดียได้ขยายอายุการใช้งานวัคซีนแอสตราเซเนก้าที่ทางสถาบันผลิตว่าสามารถใช้ได้นาน 9 เดือนนับตั้งแต่วันผลิตจากก่อนหน้าที่ 6 เดือน
ผู้อำนวยการ แอฟริกา CDC และองค์การอนามัยโลกยังออกมาเรียกร้องไปยังชาติแอฟริกันอื่นๆอย่าทำลายวัคซีนที่ได้รับการบริจาคมา อย่างไรก็ตามรัฐบาลมาลาลีตอบกลับมาว่า มาลาวีจะไม่แจกวัคซีนโควิด-19ที่หมดอายุให้กับคนของตัวเองเด็ดขาด
“เรากำลังทำลายมัน เพราะจากนโยบายของรัฐบาลจะไม่มีการใช้วัคซีนที่หมดอายุ” รัฐมนตรีสาธารณสุขมาลาวี คุมบิซ ชาปอนดา( Khumbize Chaponda) แถลงที่โรงพยาบาลกลางคามูซูในกรุงลิลอนเว( Lilongwe)
และหลังการแถลง ชาปอนดาได้ทิ้งวัคซีนที่ห่อไว้ในพลาสติกสีแดงทิ้งลงในเตาเผาให้เห็นส่งผลทำให้เกิดควันพวยพุ่งขึ้นไปที่ปล่องไฟ
และเธอกล่าวต่อว่า “ในฐานะรัฐบาลมาลาวี ดิฉันของรับรองต่อชาวมาลาวีทั้งหมดว่าจะไม่มีใครได้รับวัคซีนที่หมดอายุแน่นอน”
บีบีซีชี้ว่า ประชาชนทั่วไปในประเทศต่างวิจารณ์ถึววัคซีนหมดอายุ คนเหล่านี้ต้องการที่จะได้รับวัคซีนโควิด-19 แต่วิตกว่า จะเป็นวัคซีนที่สิ้นอายุการใช้งานแล้ว และยังวิตกกังวลไปถึงปัญหาลิ่มเลือดอุดตันเนื่องมาจากการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนก้าที่ปรากฎไปทั่วโลก
กระทรวงสาธารณสุขมาลาวีระบุว่ามาจนถึงวันที่ 18 พ.ค สามารถแจกวัคซีนโควิด-19ให้กับประชาชนไปแล้ว 335,232 โดส โดยทั้งประเทศมียอดสะสม 34,231 คน และเสียชีวิตรวม 1,153 คน
https://mgronline.com/around/detail/9640000048429
รัฐบาลไทยตัดสินใจติดต่อซื้อกับบริษัทโดยตรง ประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิตวัคซีนด้วย
รัฐบาลลุงตู่ มีการตัดสินใจที่ถูกทางมาตลอดพร้อมด้วยทีมที่ปรึกษาบรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของประเทศ
ชื่นชมการทำงานทีมประเทศไทยที่ทำอะไรรอบคอบค่ะ