คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 53
ผู้เชี่ยวชาญยันวัคซีนจีนสามารถป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์อินเดีย
นายเฉา ลี่หมิง ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของจีน เปิดเผยวานนี้ (20 พ.ค.)ว่า จีนได้ให้ความสนใจต่อ ไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์ในประเทศอินเดีย โดยได้ทำการวิจัยและรวบรวมข้อมูลเพื่อ การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ นายเฉาระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตายของจีน นั้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์หลากหลายสายพันธุ์ อาทิ สายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ แอฟริกาใต้ และบราซิล
ทั้งนี้ พัฒนาการทางเทคโนโลยีทำให้จีนมีความสามารถในการพัฒนาวัคซีนอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความมั่นใจว่าวัคซีนของจีนจะสามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ และผู้ผลิตวัคซีนของจีนก็มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย
https://www.thansettakij.com/world/480899
นายเฉา ลี่หมิง ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของจีน เปิดเผยวานนี้ (20 พ.ค.)ว่า จีนได้ให้ความสนใจต่อ ไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์ในประเทศอินเดีย โดยได้ทำการวิจัยและรวบรวมข้อมูลเพื่อ การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ นายเฉาระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตายของจีน นั้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์หลากหลายสายพันธุ์ อาทิ สายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ แอฟริกาใต้ และบราซิล
ทั้งนี้ พัฒนาการทางเทคโนโลยีทำให้จีนมีความสามารถในการพัฒนาวัคซีนอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความมั่นใจว่าวัคซีนของจีนจะสามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ และผู้ผลิตวัคซีนของจีนก็มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย
https://www.thansettakij.com/world/480899
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 43
ศูนย์ข้อมูล COVID-19
11 พฤษภาคม ·
วัคซีน “วาระแห่งชาติ” ของไทย
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ ท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงเมื่อใด นั่นคือ “วัคซีน” ซึ่งรัฐบาลมีแผนจัดหาทั้งในระยะยาวและระยะฉุกเฉิน ที่ผ่านมาเราได้เร่งระดมฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งพื้นที่เศรษฐกิจ รวมเกือบ 2 ล้านโดสแล้ว โดยระดมฉีดวันละหลายหมื่นโดส และจากมาตรการจัดหาวัคซีนฉุกเฉินของรัฐบาล เราจึงได้วัคซีนมาเพิ่มในเดือนนี้ อีก 3.5 ล้านโดส และจะได้ความร่วมมือจากภาคเอกชนในการเพิ่มศักยภาพในการฉีดได้อีกมากครับ
ผมขอย้ำว่า รัฐสามารถจัดหาวัคซีนให้กับประชากรในประเทศได้ทุกคนอย่างแน่นอน และจะไม่หยุดการจัดหาและสำรองใช้เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน จากเป้าหมายเดิมของเราที่วางไว้ว่าจะต้องหาให้ได้ 100 ล้านโดส สำหรับประชากร 50 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ ผมได้สั่งการให้ขยายเป้าหมายเพิ่มเติมออกไปอีกเป็นอย่างน้อย 150 ล้านโดส ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะจัดหาได้ครบถ้วนอย่างแน่นอน
ประเทศไทยจะเป็นประเทศเดียว�ในอาเซียน ที่เป็นศูนย์กลางในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา ซึ่งผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ที่ได้มาตรฐานสูง ผ่านการรับรองคุณภาพจากทั่วโลก โดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จะส่งมอบวัคซีนให้เราได้อย่างน้อย 61 ล้านโดส ซึ่งจะสร้างความมั่นคงยั่งยืนในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 นี้ในระยะยาว และสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและการแข่งขันให้กับประเทศชาติในอนาคตอีกด้วย
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ผมได้เสนอให้เรื่องของวัคซีนโควิด-19 เป็น “วาระแห่งชาติ” ที่เราจะให้ความสำคัญสูงสุดในการดำเนินนโยบายต่างๆอย่างครบวงจร ทั้งการจัดหา การกระจาย ไปจนถึงการฉีดด้วย เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทยของเราให้เร็วที่สุด
แต่สิ่งที่ผมกล่าวมาแล้วนั้น จะเป็นจริงไปไม่ได้เลย หากพี่น้องประชาชนในประเทศไทย ไม่มาเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ผมจึงอยากขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกคน มาเข้ารับการฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุด ประเทศไทยจึงจะไปต่อได้ ผมขอยืนยันว่า วัคซีนที่รัฐบาลนำเข้าทุกชนิด มีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีคนฉีดไปแล้วหลายสิบล้านคน รวมทั้งผู้นำประเทศทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างยืนยันว่า วัคซีนโควิดทุกชนิด สามารถป้องกัน การป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ และป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 100% ส่วนโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงนั้นมีน้อยมากๆ หากเปรียบเทียบกันแล้ว โอกาสในการติดโควิด และเสียชีวิตจากโควิดนั้นมีสูงกว่าการฉีดแล้วเกิดผลข้างเคียงหลายพันเท่า นอกจากนั้นในการฉีดแต่ละครั้ง จะมีแพทย์ผู้ทำการประเมินความเหมาะสม และคอยเฝ้าดูอาการหลังฉีดอีกด้วย จึงไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งผมเอง รวมทั้งคณะรัฐมนตรี สส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างก็ฉีดวัคซีนโควิดกันไปแล้วโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
ล่าสุด จากการเปิดลงทะเบียนยืนยันและนัดหมายการฉีดวัคซีน ผ่านระบบ “หมอพร้อม” และช่องทางต่างๆ สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง มีผู้ลงทะเบียนแล้ว กว่า 1.6 ล้านคน สูงสุด คือ กทม. กว่า 5 แสนคน ตามมาด้วยลำปาง ซึ่งมียอดมากกว่า 2 แสนคน ซึ่งหากนับตามสัดส่วนประชากร ก็ต้องถือว่าลำปางมีสัดส่วนสูงที่สุดในประเทศ นับว่ามีความตื่นตัวในพื้นที่อย่างดีเยี่ยม ด้วยการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องของบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร และทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ต้องขอชื่นชมจังหวัดลำปาง และขอให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เร่งรณรงค์ให้ประชาชนในจังหวัดของท่านมาขอรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด
ในเรื่องวัคซีนนี้ ผมจะดูแลติดตามด้วยตัวของผมเองอย่างใกล้ชิด และให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆในการวางแผนประเทศไทยต่อจากนี้ ขอให้พวกเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยกันสร้างทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทย ทั้งตัวท่านและคนรอบตัวท่าน ได้เห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนโควิด-19 และช่วยกัน #ฉีดวัคซีน_หยุดเชื้อ_เพื่อชาติ กันครับ
ที่มา : https://www.facebook.com/prayutofficial/
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/323069872644677
AZ 61 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้จากบ.สยามไบโอฯ ที่คุยไว้
ได้จริง เดือนละ 5-6 ล้านโดสหรือนี้
สมควรแล้วที่โดน
11 พฤษภาคม ·
วัคซีน “วาระแห่งชาติ” ของไทย
ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ ท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงเมื่อใด นั่นคือ “วัคซีน” ซึ่งรัฐบาลมีแผนจัดหาทั้งในระยะยาวและระยะฉุกเฉิน ที่ผ่านมาเราได้เร่งระดมฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งพื้นที่เศรษฐกิจ รวมเกือบ 2 ล้านโดสแล้ว โดยระดมฉีดวันละหลายหมื่นโดส และจากมาตรการจัดหาวัคซีนฉุกเฉินของรัฐบาล เราจึงได้วัคซีนมาเพิ่มในเดือนนี้ อีก 3.5 ล้านโดส และจะได้ความร่วมมือจากภาคเอกชนในการเพิ่มศักยภาพในการฉีดได้อีกมากครับ
ผมขอย้ำว่า รัฐสามารถจัดหาวัคซีนให้กับประชากรในประเทศได้ทุกคนอย่างแน่นอน และจะไม่หยุดการจัดหาและสำรองใช้เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน จากเป้าหมายเดิมของเราที่วางไว้ว่าจะต้องหาให้ได้ 100 ล้านโดส สำหรับประชากร 50 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ ผมได้สั่งการให้ขยายเป้าหมายเพิ่มเติมออกไปอีกเป็นอย่างน้อย 150 ล้านโดส ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะจัดหาได้ครบถ้วนอย่างแน่นอน
ประเทศไทยจะเป็นประเทศเดียว�ในอาเซียน ที่เป็นศูนย์กลางในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา ซึ่งผลิตโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ที่ได้มาตรฐานสูง ผ่านการรับรองคุณภาพจากทั่วโลก โดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จะส่งมอบวัคซีนให้เราได้อย่างน้อย 61 ล้านโดส ซึ่งจะสร้างความมั่นคงยั่งยืนในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 นี้ในระยะยาว และสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและการแข่งขันให้กับประเทศชาติในอนาคตอีกด้วย
ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ผมได้เสนอให้เรื่องของวัคซีนโควิด-19 เป็น “วาระแห่งชาติ” ที่เราจะให้ความสำคัญสูงสุดในการดำเนินนโยบายต่างๆอย่างครบวงจร ทั้งการจัดหา การกระจาย ไปจนถึงการฉีดด้วย เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทยของเราให้เร็วที่สุด
แต่สิ่งที่ผมกล่าวมาแล้วนั้น จะเป็นจริงไปไม่ได้เลย หากพี่น้องประชาชนในประเทศไทย ไม่มาเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ผมจึงอยากขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกคน มาเข้ารับการฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุด ประเทศไทยจึงจะไปต่อได้ ผมขอยืนยันว่า วัคซีนที่รัฐบาลนำเข้าทุกชนิด มีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีคนฉีดไปแล้วหลายสิบล้านคน รวมทั้งผู้นำประเทศทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างยืนยันว่า วัคซีนโควิดทุกชนิด สามารถป้องกัน การป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ และป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 100% ส่วนโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงนั้นมีน้อยมากๆ หากเปรียบเทียบกันแล้ว โอกาสในการติดโควิด และเสียชีวิตจากโควิดนั้นมีสูงกว่าการฉีดแล้วเกิดผลข้างเคียงหลายพันเท่า นอกจากนั้นในการฉีดแต่ละครั้ง จะมีแพทย์ผู้ทำการประเมินความเหมาะสม และคอยเฝ้าดูอาการหลังฉีดอีกด้วย จึงไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งผมเอง รวมทั้งคณะรัฐมนตรี สส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างก็ฉีดวัคซีนโควิดกันไปแล้วโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
ล่าสุด จากการเปิดลงทะเบียนยืนยันและนัดหมายการฉีดวัคซีน ผ่านระบบ “หมอพร้อม” และช่องทางต่างๆ สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง มีผู้ลงทะเบียนแล้ว กว่า 1.6 ล้านคน สูงสุด คือ กทม. กว่า 5 แสนคน ตามมาด้วยลำปาง ซึ่งมียอดมากกว่า 2 แสนคน ซึ่งหากนับตามสัดส่วนประชากร ก็ต้องถือว่าลำปางมีสัดส่วนสูงที่สุดในประเทศ นับว่ามีความตื่นตัวในพื้นที่อย่างดีเยี่ยม ด้วยการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องของบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร และทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ต้องขอชื่นชมจังหวัดลำปาง และขอให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เร่งรณรงค์ให้ประชาชนในจังหวัดของท่านมาขอรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด
ในเรื่องวัคซีนนี้ ผมจะดูแลติดตามด้วยตัวของผมเองอย่างใกล้ชิด และให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆในการวางแผนประเทศไทยต่อจากนี้ ขอให้พวกเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยกันสร้างทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน ช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทย ทั้งตัวท่านและคนรอบตัวท่าน ได้เห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีนโควิด-19 และช่วยกัน #ฉีดวัคซีน_หยุดเชื้อ_เพื่อชาติ กันครับ
ที่มา : https://www.facebook.com/prayutofficial/
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/323069872644677
AZ 61 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้จากบ.สยามไบโอฯ ที่คุยไว้
ได้จริง เดือนละ 5-6 ล้านโดสหรือนี้
สมควรแล้วที่โดน
แสดงความคิดเห็น
🔴มาลาริน/โชคดีที่ไทยมีซิโนแวคเป็นวัคซีนตัวเสริม มีซิโนฟารม์เป็นวัคซีนทางเลือก มีแอสตร้าเซเนก้าเป็นวัคซีนหลัก
วัคซีนทั้ง 3 คือซิโนแวค แอสต้าเซเนก้า และซิโนฟาร์ม ได้นำมาใช้เป็นตัวระงับความรุนแรงของการติดเชื้อ และการแพร่เชื้อได้ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะซิโนแวคสั่งได้เร็วกว่าอาหารที่สั่งเร่งด่วนทางออนไลน์
วัคซีนที่ไทยใช้ก็มีประเทศหลากหลายประเทศใช้เหมือนกับไทย ยังไม่มีการรายงานว่าวัคซีนที่ฉีดในไทย ทำให้คนฉีดวัคซีนที่ติดเชื้อใหม่เสียชีวิตเลย
วันนี้ได้ข่าวว่าซิโนฟาร์มล็อตที่ 2 เข้ามาถึงไทยแล้ว อีก 1 ล้านโดส ตามสัญญา จำนวนมากที่สุดได้เท่านี้ เพราะความต้องการใช้วัคซีนทั่วโลกอยู่ในระดับสูงมาก
ส่วนซิโนแวคก็เข้ามาไทยแล้วหลายล้านโดส ทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้บุคลากรทางการแพทย์ในการรับมือคนป่วยโควิดในระยะแรกๆ
ส่วนแอสตร้าฯนั้น ผลิตให้ไทย 1 ใน 3 ของที่ผลิตได้ ส่งออก 2 ใน 3 ไทยจะได้ประมาณ 5-6 ล้านโดส ก็ยังดี ที่ไทยได้วัคซีน เกือบครึ่งที่ผลิตได้ในประเทศ การแบ่งให้ประเทศอื่นเป็นเป้าหมายที่บริษัทมุ่งมั่นส่งให้ภูมิภาคอาเซียนด้วย
วัคซีนอื่นๆยังไม่มา ไทยจึงต้องพึ่งพาวัคซีนที่กล่าวไว้ข้างต้น
ตอนนี้ประเทศที่สั่งไฟเซอร์ยังต้องหันมาพึ่งซิโนแวค เช่น แอฟริกาใต้ และอาจหันมาใช้แอสตร้าฯด้วยเช่นกัน
👉แอฟริกาใต้รับรองฉุกเฉิน วัคซีนซิโนแวคของจีน
รัฐบาลแอฟริกาใต้ขึ้นทะเบียนเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้กับวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทซิโนแวคจากจีน
เสาร์ที่ 3 กรกฎาคม 2564 เวลา 16.52 น.
ทั้งนี้ ก่อนการอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉินให้กับวัคซีนของซิโนแวค แอฟริกาใต้ใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ขณะเดียวกัน รัฐบาลกำลังพิจารณาซื้อวัคซีนสปุตนิก วี และอาจกลับมาใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา/ออกซฟอร์ด
อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/foreign/854122
บางคนรอกินอาหารฝรั่ง เพราะคิดว่าเป็นอาหานชั้นเลิศ แต่รอนานทนหิวไปบ่นไปเพราะไม่ได้มาสักที
อาหารจีนนี่ซิมาเร็วทันใจ หิวก็กินอิ่มได้เหมือนกัน ได้กินแล้วยังรอกินอาหารอื่นๆได้อีก
ดิฉันเชียร์ซิโนแวค รัฐบาลสั่งมาเถอะค่ะ สั่งมาเยอะๆถ้ามาได้ก่อนใคร
ประเทศไทยต้องการมีนโยบายSand Box เพิ่มขึ้นอีกหลายจังหวัด
สู้ๆค่ะ ซิโนแวค สู้ๆ