คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6

ศบค.สธ.เห็นชอบเพิ่มวัคซีนสูตรไขว้ แอสตร้าฯ - ไฟเซอร์ ใช้ช่วง ต.ค. ต่อจากซิโนแวค-แอสตร้าฯ ส่วนเข็มกระตุ้นซิโนแวค 2 เข็มให้ใช้แอสตร้าฯ ขณะที่ 4 เดือนสุดท้าย วัคซีนเข้าไทยต่อเนื่อง‼
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (ศบค.สธ.) เห็นชอบการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ คือ
1. วัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ เป็นสูตรหลักของประเทศไทย และเพิ่มสูตรไขว้แอสตร้าฯ ตามด้วยไฟเซอร์ ระยะห่าง 4-12 สัปดาห์ สูตรนี้จะใช้แพร่หลายในเดือน ต.ค.เป็นต้นไป เนื่องจากจะมีวัคซีนแอสตร้าฯ และไฟเซอร์จำนวนมาก
2. การฉีดกระตุ้นในผู้ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มด้วยแอสตร้าฯ
3. ผู้ที่หายป่วยโควิดในช่วง 1-3 เดือน ซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือฉีดวัคซีนยังไม่ครบ 2 เข็ม หรือครบ 2 เข็มแต่ไม่ถึง 14 วันแล้วติดเชื้อ ให้ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยแอสตร้าฯ หรือไฟเซอร์ 1 เข็ม
สำหรับแผนการจัดหาวัคซีน 4 เดือนหลังของปีนี้ ได้แก่
- วัคซีนแอสตร้าฯ รวม 43.3 ล้านโดส (ก.ย. 7.3 ล้านโดส, ต.ค. 10 ล้านโดส และ พ.ย. - ธ.ค. เดือนละ 13 ล้านโดส)
- วัคซีนไฟเซอร์ รวม 30 ล้านโดส (ก.ย. 2 ล้านโดส, ต.ค. 8 ล้านโดส, พ.ย. - ธ.ค. เดือนละ 10 ล้านโดส)
- วัคซีนซิโนแวค รวม 12 ล้านโดส (ก.ย. - ต.ค. เดือนละ 6 ล้านโดส)
- วัคซีนซิโนฟาร์ม จะเข้ามา ก.ย. 2 ล้านโดส ส่วนวัคซีนโมเดอร์นา กำหนดส่งช่วงเดือน ธ.ค. 5 ล้านโดส
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6758853444140118

ศบค.สธ.เห็นชอบเพิ่มวัคซีนสูตรไขว้ แอสตร้าฯ - ไฟเซอร์ ใช้ช่วง ต.ค. ต่อจากซิโนแวค-แอสตร้าฯ ส่วนเข็มกระตุ้นซิโนแวค 2 เข็มให้ใช้แอสตร้าฯ ขณะที่ 4 เดือนสุดท้าย วัคซีนเข้าไทยต่อเนื่อง‼
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (ศบค.สธ.) เห็นชอบการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ คือ
1. วัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้า ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ เป็นสูตรหลักของประเทศไทย และเพิ่มสูตรไขว้แอสตร้าฯ ตามด้วยไฟเซอร์ ระยะห่าง 4-12 สัปดาห์ สูตรนี้จะใช้แพร่หลายในเดือน ต.ค.เป็นต้นไป เนื่องจากจะมีวัคซีนแอสตร้าฯ และไฟเซอร์จำนวนมาก
2. การฉีดกระตุ้นในผู้ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มด้วยแอสตร้าฯ
3. ผู้ที่หายป่วยโควิดในช่วง 1-3 เดือน ซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือฉีดวัคซีนยังไม่ครบ 2 เข็ม หรือครบ 2 เข็มแต่ไม่ถึง 14 วันแล้วติดเชื้อ ให้ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยแอสตร้าฯ หรือไฟเซอร์ 1 เข็ม
สำหรับแผนการจัดหาวัคซีน 4 เดือนหลังของปีนี้ ได้แก่
- วัคซีนแอสตร้าฯ รวม 43.3 ล้านโดส (ก.ย. 7.3 ล้านโดส, ต.ค. 10 ล้านโดส และ พ.ย. - ธ.ค. เดือนละ 13 ล้านโดส)
- วัคซีนไฟเซอร์ รวม 30 ล้านโดส (ก.ย. 2 ล้านโดส, ต.ค. 8 ล้านโดส, พ.ย. - ธ.ค. เดือนละ 10 ล้านโดส)
- วัคซีนซิโนแวค รวม 12 ล้านโดส (ก.ย. - ต.ค. เดือนละ 6 ล้านโดส)
- วัคซีนซิโนฟาร์ม จะเข้ามา ก.ย. 2 ล้านโดส ส่วนวัคซีนโมเดอร์นา กำหนดส่งช่วงเดือน ธ.ค. 5 ล้านโดส
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/6758853444140118
แสดงความคิดเห็น
💙มาลาริน/ยืนยัน...หมอประสิทธิ์” แจงฉีดวัคซีนไขว้กระตุ้นภูมิสูง รับมือเดลตาดี ต.ค.นี้เริ่มสูตร แอสตร้า+ไฟเซอร์
เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสูตรการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แบบไขว้ชนิดวัคซีน ในประเทศไทย ว่า การฉีดวัคซีนสูตรไขว้ด้วยวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 ตามด้วยแอสตราเซเนกา เข็มที่ 2 ฉีดห่างกัน 3 สัปดาห์ นั้นพบว่าภูมิคุ้มกันขึ้นสูงเทียบเท่ากับการฉีดวัคซีนแอสตราฯ 2 เข็มที่จะต้องฉีดห่างกัน 10-12 สัปดาห์ และต้องรอให้ภูมิคุ้มกันขึ้นในระดับที่สามารถป้องกันโรคได้อีก 2 สัปดาห์รวมเป็น 14 สัปดาห์ เทียบแล้วการฉีดสูตรไขว้ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันสูงในเวลา 5 สัปดาห์ จุดต่างระหว่าง 5 กับ 14 สัปดาห์ มีความสำคัญอย่างมากในเวลาที่เราเจอกับเชื้อที่มีการแพร่กระจายเยอะและเร็ว เพราะต้องแข่งกับเวลา
นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า การที่ระบุว่า ฉีดวัคซีนแอสตราฯ เพียงเข็มแรกก็สามารถป้องกันโรคได้ นั่นเป็นข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับสายพันธุ์อัลฟา แต่กับสายพันธุ์เดลตาไม่ใช่แบบนั้น มีงานวิจัยในต่างประเทศพบว่าแอสตราฯ เข็มเดียวไม่เพียงพอต่อเชื้อเดลตา ต้องฉีด 2 เข็ม ที่สำคัญคือเมื่อเวลาผ่านไป ภูมิฯ ที่เกิดจากการฉีดวัคซีนจะลดลง หากไม่กระตุ้นให้ทันก่อนที่จะลดต่ำมาถึงจุดที่ไม่สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ก็จะเกิดอันตรายได้ ทั้งนี้ มีข้อมูลผู้ป่วยจำนวนหนึ่ง ที่ฉีดวัคซีนแอสตราฯ เข็มแรก ยังไม่ได้รับเข็มที่ 2 แต่เกิดการติดเชื้อจนเสียชีวิต ดังนั้น ระบบการจัดการบริหารวัคซีนที่ดี คือ เร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้สูง ให้เร็ว เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะติดเชื้อเมื่อไหร่ จึงเป็นเหตุผลหลักที่นำสูตรไขว้มาใช้
อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/news/231632/
โดยห่างกัน 4-12 สัปดาห์ เริ่มใช้ฉีดต.ค.นี้ พร้อมให้ฉีดวัคซีน1เข็มสำหรับคนหายป่วยแล้ว1-3เดือน เพื่อกระตุ้นภูมิไม่ให้ติดเชื้อซ้ำ ส่วนคนที่ติดเชื้อแต่ฉีดครบยังไม่แนะนำให้ฉีดกระตุ้น ยืนยันว่าสูตรไขว้มีประสิทธิผลและความปลอดภัย สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป รวมถึงกลุ่มเสี่ยง 608
3 ก.ย.64 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดในประเทศไทยว่า ขณะนี้ 1 ใน 3 ของประชาชน ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม และยืนยันว่าสูตรไขว้ชนิดวัคซีนมีประสิทธิผลและความปลอดภัย สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป รวมถึงกลุ่มเสี่ยง 608 คือ อายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ โดยในเดือน ก.ย.64 จะมีวัคซีนจำนวน 15 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอให้บริการประชาชน
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคโควิด 19 (ศปก.สธ.) ซึ่งมีทั้งผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากหน่วยงานต่างๆ มีมติอนุมัติสูตรการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซิโนแวคเข็มที่ 1 และ แอสตร้าเซนเนก้าเข็ม 2 ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นสูตรหลักของไทยในระยะนี้ และสูตรแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 1 และ ไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2 ระยะเวลาห่างกัน 4-12 สัปดาห์ โดยสูตรนี้จะใช้แพร่หลายในเดือน ต.ค. 64 เนื่องจากในห้วงเวลาดังกล่าววัคซีนไฟเซอร์จะจัดส่งเข้ามาในไทย เดือนละ 10 ล้านโดส และรวมถึงสูตรฉีดกระตุ้นให้กับผู้ที่ได้รับซิโนแวค 2 เข็ม ให้ฉีดแอสตร้าฯ เป็นเข็มที่ 3
ส่วนการฉีดให้กับผู้ป่วยโควิดที่รักษาหายแล้ว คณะกรรมการมีความเห็นตรงกันว่าหลังจากที่หายป่วยแล้วช่วง 1-3 เดือนหลังจากเคยตรวจพบเชื้อ หรือหายป่วย ให้ฉีดวัคซีนกระตุ้น 1 เข็ม เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันไม่ให้ติดเชื้อซ้ำ โดยฉีดด้วยแอสตร้าฯ หรือไฟเซอร์ โดยจะนำไปใช้กับกลุ่มคนที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนโควิดมาก่อน ผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ และผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วส่วนผู้ป่วยรักษาหายที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ซึ่งติดเชื้อมีอาการเล็กน้อย จึงยังไม่แนะนำให้ฉีดกระตุ้น
สำหรับการจัดหาวัคซีนในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2564 นพ.โสภณ กล่าวว่า ประเทศไทยมีเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้กับคนที่อยู่ในประเทศไทยให้ได้อย่างน้อย 70 % แต่ขณะนี้มีการระบาดของสายพันธุ์เดลตาที่มีศักยภาพในการติดเชื้อได้มาก ผู้ป่วย 1 รายอาจจะแพร่เชื้อต่อไปอีก 7-8 ราย ซึ่ง70 %อาจจะไม่พอ ดังนั้น หากมีคนไม่ได้รับวัคซีน ไม่เคยติดเชื้อ เหลือเท่าไหร่ก็จะพยายามฉีดให้หมด ทั้งนี้เป้าหมายจะขยับเป็นมากกว่า 70 %ได้ จึงต้องเตรียมวัคซีนให้เพียงพอ จากนี้มีวัคซีน 3 ตัว คือ ซิโนแวค 12 ล้านโดส แอสตร้าเซนเนก้า 43.3 ล้านโดส และไฟเซอร์ 30 ล้านโดส
ส่วนกรณีที่มีการะบุว่าในการทำสัญญาจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าฯ ไม่ได้ตกลงเรื่องกำหนดส่งมอบวัคซีนที่ชัดเจนนั้นที่ผ่านมามีการพูดคุยและหารือเรื่องกำหนดการส่งมอบวัคซีน โดยแอสตร้าฯ เป็นวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย ในเดือน มิ.ย.64 ซึ่งวัคซีนผลิตได้สำเร็จ วัคซีนทั้งหมดได้ส่งมอบให้ใช้ในประเทศไทย จากนั้นในเดือน กค.-ส.ค. จึงเริ่มมีการส่งออกวัคซีน และในเดือน ก.ย.-ธ.ค.64 แอสตราฯ ที่ผลิตในประเทสไทยจะใช้ในไทยทั้งหมด
ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ ได้มีการคุยกับผู้บริหารไฟเซอร์ ตั้งแต่ระยะทดลองเฟส 1-2 และมีการเจรจาเรื่อยมา กระทั่งเซ็นสัญญาในเดือน มิ.ย.64 โดยมีกำหนดส่งมอบวัคซีนในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ จำนวน 2 ล้านโดส จากนั้นในเดือน ต.ค.-ธ.ค. ส่งมอบอีกเดือนละ 8-10 ล้านโดส ดังนั้นใน 3-4 เดือนข้างหน้านี้ แอสตราฯ และไฟเซอร์ จะเป็นวัคซีนจำนวนมากในประเทศไทย โดยคนไทยจะได้ฉีดวัคซีนในอัตราที่เร็วขึ้นกว่านี้ ซึ่งฉีดได้วันละประมาณ 8 แสนโดส ส่วนการการออกสูตรฉีดไขว้ต่างๆ ก็เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ใช้ต่อสู้กับไวรัส
https://siamrath.co.th/n/277427
แพทย์ไทยจัดสรรวัคซีนที่มีอยู่ได้อย่างลงตัว
เป็นการบริหารจัดการวัคซีนที่ได้ประโยชน์สูงสุด