🔴มาลาริน/16 ธ.ค.ไทยพบโควิด15ราย จากตปท./กลุ่มแพทย์ป่วยศบค.พบเชื้อบนลูกบิดประตู/อภ.ผลิตหน้ากากอนามัยเองได้แล้ว

🔴วันนี้ 15 ราย! ศบค.รายงานผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ มาจากต่างประเทศทั้งหมด



วันนี้ (16 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า...🔻

ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ (16 ธ.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 15 ราย
ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,261 ราย หายป่วยแล้ว 3,977 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 224 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม มีผู้เสียชีวิตรวม 60 ราย

ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine ดังนี้....🔻
สหรัฐอาหรับเอมิเตส์ 2 ราย
ฮ่องกง 1 ราย
ฮังการี 1 ราย
ฝรั่งเศส 1 ราย
สหราชอาณาจักร 2 ราย
อินเดีย 2 ราย
บาห์เรน 1 ราย
สหรัฐอเมริกา 1 ราย
เมียนมา 3 ราย
บราซิล 1 ราย



https://www.sanook.com/news/8316959/

🔴พบเชื้อโควิด-19 บนลูกบิดประตู ต้นเหตุกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อ



วันนี้ (16ธ.ค.63) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยถึงการติดเชื้อในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์รวม 7 คน ที่พบในสถานที่กักกันทางเลือก ว่า พบเชื้อที่ลูกบิดประตู ดังนั้นขอฝากสถานประกอบการทุกแห่ง ทั้งสถานที่พัก ห้างสรรพสินค้า เข้มงวดในพื้นที่เสี่ยงสัมผัสให้มากขึ้น และขอให้ทุกคนช่วยกันปฎิบัติตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข จะได้ไม่ต้องกลับไปล็อกดาวน์ หรือใช้เคอร์ฟิว

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) จะต้องตรวจสอบมาตรฐานของโรงแรม สถานที่กักกันทางเลือกให้มีความเข้มงวดมากขึ้น
 
ขณะที่โรงพยาบาลเอกชน ควรจัดให้มีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้านนี้โดยตรง และต้องมีการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ด้วย

https://news.trueid.net/detail/45XY3ALnybdJ

🔴ไชโย!องค์การเภสัชกรรม ผลิตหน้ากากอนามัยเองได้แล้ว



พึ่งพาตัวเอง ! "อนุทิน" เปิดสายการผลิตหน้ากากอนามัยองค์การเภสัชฯ ตั้งเป้าเสริมแกร่งความมั่นคงด้านสาธารณสุข รับสถานการณ์วิกฤติในอนาคต

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่องค์การเภสัชกรรม อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิด "สายการผลิตหน้ากากอนามัย เพื่อความมั่นคงทางการแพทย์" โดยมีผู้บริหารจากกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วมงาน  โดยกล่าวว่า ประเทศไทยต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท การระบาดของโควิด-19 ทำให้ทราบว่าหน้ากากอนามัย เป็นเครื่องป้องกันที่ดีที่สุด แต่น่าเจ็บใจมากที่ในช่วงเวลานั้น มีผู้กักตุนหน้ากาก แล้วฉวยโอกาสขึ้นราคา เอาเปรียบประชาชน 

หน้ากากอนามัย ซึ่งเคยเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ง่าย แต่กลับกลายเป็นของหายาก จึงเกิดการทบทวนว่าองค์การเภสัชกรรมต้องผลิตเองได้ ไทยต้องพึ่งพาตนเอง และเป็นการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ต่างที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ประเทศไทยไม่ได้มองเพียงเรื่องการผลิตหน้ากากอนามัย แต่ยังวางแผนผลิตชุด PPE ได้เองด้วย ส่วนยารักษาโควิด-19 ทางองค์การเภสัชกรรมได้นำเข้าสารตั้งต้น และทดลองผลิตเองแล้ว จากนี้ ต้องรอให้ อย.ตรวจเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัย 
 
สำหรับหน้ากากอนามัยที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ ตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) หน้ากากใช้ครั้งเดียว ซึ่งอ้างอิงตามมาตรฐานASTM F2100-11 ของประเทศอเมริกา  เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ได้มีหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพใช้อย่างเพียงพอ โดยกระจายให้กับโรงพยาบาลภาครัฐ และบางส่วนจำหน่ายให้แก่ประชาชนผ่านร้านขายยาทั้ง 8 สาขา และร้านค้าออนไลน์ขององค์การเภสัชกรรม โดยในระยะแรกมีกำลังการผลิตประมาณ 8 แสน -1 ล้านชิ้นต่อเดือน หรือ 9 - 11 ล้านชิ้นต่อปี
ทั้งนี้ หลังจากเปิดสายการผลิตหน้ากากอนามัย นายอนุทินและคณะได้ตรวจเยี่ยมโรงงานผลิตยารังสิต ระยะที่ 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จ และดำเนินการผลิตยาได้ในปีพุทธศักราช 2565 ซึ่งจะเป็นโรงงานผลิตที่ทันสมัย และใหญ่ที่สุดในอาเซียน 

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

https://www.banmuang.co.th/news/politic/216048

สถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้น 

อย่าการ์ดตกนะคะ.....พาพันไฟท์ติ้ง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่