หดหู่ใจ!15ชีวิตเซ่นโควิด 4รายไม่ทันรักษา-รอคิวตรวจ3วันดับ
https://www.dailynews.co.th/politics/839972
สถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวันที่ 28 เมษายน 2564 โควิดคร่าอีก 15 ชีวิต พบมีโรคประจำตัว ผู้ป่วยเสียชีวิตก่อนทราบผลติดเชื้อ
พญ.
อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) แถลงถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ประจำวันที่ 28 เม.ย. 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2,012 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 2,001 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 11 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 61,699 ราย พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 15 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 178 คน
ผู้เสียชีวิต 15 ราย แบ่งเป็นเพศชาย 11 ราย เพศหญิง 4 ราย อยู่ในกรุงเทพมหานคร(กทม.) 9 ราย เชียงใหม่ 2 ราย สมุทรปราการ 2 ราย ชลบุรี 1 รายและระนอง 1 ราย จำแนกตามโรคประจำตัว คือ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน 9 ราย โรคหัวใจ 1 ราย โรคไขมันในเลือดสูง 4 ราย โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง/หอบหืด 3 ราย โรคไตเรื้อรัง 2 ราย โรคไทรอยด์เป็นพิษ 3 ราย โรคอ้วน 4 ราย โรคสมองเสื่อม/อัลไซเมอร์ 1 ราย และปฏิเสธโรคประจำตัว 2 ราย ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงในการรับเชื้อ ได้แก่ สัมผัสผู้ติดเชื้อในครอบครัว 10 ราย ติดเชื้อจากที่ทำงาน 2 ราย ไปสถานบันเทิง 1 ราย สัมผัสกับเพื่อนบ้านที่ติดเชื้อ 1 ราย และสัมผัสเพื่อนที่ฟิตเนส 1 ราย
ในจำนวนผู้เสียชีวิตวันนี้ มี 1 ราย ที่เริ่มมีอาการ แล้วต้องรอคิวตรวจ 3 วัน จึงได้ตรวจและอาการหนักเสียชีวิตในวันที่ ตรวจพบเชื้อ
ขณะเดียวกัน ผู้เสียชีวิตจากโควิด 15 ราย ระยะเวลาจากวันที่ติดเชื้อ-เสียชีวิต ตั้งแต่ 7-15 วันจำนวน 9 ราย มีการพบว่าเสียชีวิตก่อนทราบผลติดเชื้อ 2 ราย รวมไปถึงเสียชีวิตวันเดียวกันกับที่ทราบผลติดเชื้ออีก 2 ราย
แพทย์ชนบท ชี้ยาโควิด ฟาวิพิราเวียร์จะล้มรบ.ได้ แนะปฏิเสธขึ้นสิทธิบัตร เปิดทางอย.ผลิต
https://www.matichon.co.th/politics/news_2695991
ชมรมแพทย์ชนบท เตือน ยา “ฟาวิพิราเวียร์” อาจล้มรัฐบาลนี้ได้ สั่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาปฏิเสธคำขอสิทธิบัตร เพื่อให้อย.ผลิตเอง
วันนี้ (28 เม.ย.) เพจ
ชมรมแพทย์ชนบท ได้เผยแพร่ข้อเขียน เรื่อง “
ฟาวิพิราเวียร์ ยาโควิดที่จะล้มรัฐบาลประยุทธ์ได้” โดยระบุว่า
ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาสำคัญที่ใช้รักษาโรคโควิด วันนี้เช้ายาตัวนี้ขาดแคลนอย่างหนัก น้องแพทย์ที่โรงพยาบาลได้ขอเบิกยานี้เพื่อใช้กับผู้ป่วยที่จะนะ ทราบว่า ที่คลังโรงพยาบาลหาดใหญ่ที่เป็นจุดสำรองยาของจังหวัดสงขลาเหลือเพียง 150 เม็ด ดีที่รัฐบาลสั่งยามาจากญี่ปุ่นทันเวลา 2 ล้านเม็ด
เล่นเอาใจหายใจคว่ำ ซึ่งเชื่อว่า หากอัตราการใช้เป็นเช่นปัจจุบัน 2 ล้านเม็ดนี้ก็ใช้ได้ไม่เกิน 3 เดือน
ยาฟาวิพิราเวียร์ ในผู้ป่วยโควิด 1 คน จะต้องใช้คนละ 50 เม็ด คือวันแรกทาน 9 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมง และอีก 4 วันถัดมาทาน 4 เม็ดทุก 12 ชั่วโมง ดังนั้นยา 2 ล้านเม็ดก็จะใช้ได้กับผู้ป่วย 40,000 คนเท่านั้น ไม่ได้มากมายในสถานการณ์การระบาดเช่นนี้
ประเด็นของยาฟาวิพิราเวียร์ที่อาจเป็นเหตุให้รัฐบาลสะดุดขาตนเองจนรัฐบาลล้มได้ก็คือ เรื่อง การผูกขาดยาจากการขอจดสิทธิบัตรยาของบริษัทเจ้าของยาจากประเทศญี่ปุ่น
บริษัทญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตยาตัวนี้ ยานี้ไม่มีสิทธิบัตรยาตั้งต้นในประเทศไทย แต่บริษัทมายื่นขอจดสิทธิบัตรรูปแบบเม็ดเล็กของยาฟาวิพิราเวียร์ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งคำขอสิทธิบัตรลักษณะนี้ ไม่มีทั้งความใหม่และนวัตกรรมที่สูงขึ้น จึงไม่สมควรได้รับสิทธิบัตร แต่กรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ยึกยักไม่ยอมปฏิเสธคำขอนี้ไปเสียที ทั้งที่ภาควิชาการได้เคยไปยื่นข้อมูล ระบุเหตุที่ควรปฏิเสธตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 แล้ว
อีกทั้งองค์การเภสัชกรรมมีความพร้อมในการผลิตได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนยาเบื้องต้นกับสำนักงานคณะกรรมอาหารและยา (อย.) ไปแล้วด้วย รัฐบาลควรประกาศสนับสนุนองค์การเภสัชกรรมให้เร่งผลิตยาตัวนี้อย่างเป็นทางการ หากกรมทรัพย์สินทางปัญญาไม่ปฏิเสธคำขอนี้ โอกาสที่จะถูกฟ้องในอนาคตก็มี ฉะนั้น รัฐบาลจึงควรแสดงความกล้าหาญทางการเมืองหนุนหลังองค์การเภสัชกรรมผลิตยาเพื่อประชาชน และควรมีนโยบายชัดเจนไปที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาให้ทำหน้าที่เพื่อช่วยสู้ภัยโควิด ปฏิเสธคำขอสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์เสีย
ราคายาฟาวิพิราเวียร์ ปัจจุบันราคาเม็ดละ 150 บาท ต้องใช้ 50 เม็ดต่อคนก็คิดเป็นค่ายาคนละ 7,500 บาท หากองค์การเภสัชกรรมผลิตเองได้ ค่ายาก็จะลดลงได้ครึ่งหนึ่ง ทั้งประหยัดงบประมาณ และเรามีความมั่นคงทางยา ไม่ดีตรงไหน
ภาวะการขาดแคลนยาฟาวิพิราเวียร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เส้นยาแดงผ่าแปดมากๆ สถานการณ์โควิดก็จะยังหลอกหลอนประเทศไทยไปอีกถึงปีหน้า การออกประกาศสนับสนุนให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้ผลิตยาฟาวิพิราเวียร์อย่างเป็นทางการ คือคำตอบที่ใช่ ซึ่งไม่ยาก เพราะรัฐบาลได้รวบโอนอำนาจจากกระทรวงต่างๆมาไว้ที่นายกรัฐมนตรีหมดแล้ว จึงต้องการความกล้าหาญทางการเมืองนิดหน่อยจากนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเอง
หากอนาคตมีการระบาดหนักจนยาขาดแคลน คนป่วยตายเพราะไม่มียารักษา คงไม่ใช่แค่หมอไม่ทน แต่คนไทยคงไม่ทนด้วย รัฐบาลจะล่มเพราะโควิดอย่างแน่นอน”
"ปลัดสธ." รับ วัคซีนโควิด 100 ล้านโดส ที่นายกฯ ตั้งเป้าเป็นเรื่องยาก ชี้ ทุกประเทศต้องการสูง
https://www.nationtv.tv/main/content/378822292
วันนี้(28เม.ย.) กระทรวงสาธารณสุข นพ.
เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวถึงแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ตามเป้าหมายที่พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตั้งเป้าว่าจะต้องจัดหาวัคซีนให้ประชาชนได้จำนวน 100 ล้านโดส และจะดำเนินการฉีดให้ประชาชนทั้ง 50ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ว่า แผนวัคซีนที่ชัดเจนตอนนี้คือวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนกร้า มีจำนวน 61 ล้านโดส ที่แน่นอนว่า จะจัดส่งให้ประเทศไทย ส่วนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต ในขณะที่ 35 ล้านโดส จะเป็นวัคซีนทางเลือก คือ ซิโนแวค เจ แอนด์ เจ สปุตนิก และ ไฟเซอร์ ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา
นพ.
เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า ยังไม่สามารถตอบได้ว่า วัคซีนทั้งหมดโดยเฉพาะใน 3 บริษัทเอกชนที่เพิ่งเริ่มเจรจาขอซื้อจะได้รับเมื่อไร หากขั้นตอนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ วัคซีนทั้ง 100 ล้านโดสจะเข้าสู่ประเทศไทยตามเป้าหมายที่นายกกล่าวไว้ แต่ถ้าหากไม่ได้ตามเป้าหมายนั้นก็เป็นส่วนที่ กระทรวงสาธารณสุขจะต้องรับผิดชอบต่อไป พร้อมทั้งยอมรับว่าเป้าหมายดังกล่าวค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยากเพราะ ขณะนี้ทุกประเทศต้องการวัคซีนเป็นจำนวนมาก
JJNY : 4 รายไม่ทันรักษา-รอคิวตรวจ 3 วันดับ│แพทย์ชนบทชี้ฟาวิพิราเวียร์จะล้มรบ.ได้│"ปลัดสธ."รับวัคซีน100ล.โดสยาก│สมุยเหงา
https://www.dailynews.co.th/politics/839972
สถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวันที่ 28 เมษายน 2564 โควิดคร่าอีก 15 ชีวิต พบมีโรคประจำตัว ผู้ป่วยเสียชีวิตก่อนทราบผลติดเชื้อ
ผู้เสียชีวิต 15 ราย แบ่งเป็นเพศชาย 11 ราย เพศหญิง 4 ราย อยู่ในกรุงเทพมหานคร(กทม.) 9 ราย เชียงใหม่ 2 ราย สมุทรปราการ 2 ราย ชลบุรี 1 รายและระนอง 1 ราย จำแนกตามโรคประจำตัว คือ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน 9 ราย โรคหัวใจ 1 ราย โรคไขมันในเลือดสูง 4 ราย โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง/หอบหืด 3 ราย โรคไตเรื้อรัง 2 ราย โรคไทรอยด์เป็นพิษ 3 ราย โรคอ้วน 4 ราย โรคสมองเสื่อม/อัลไซเมอร์ 1 ราย และปฏิเสธโรคประจำตัว 2 ราย ขณะที่ ปัจจัยเสี่ยงในการรับเชื้อ ได้แก่ สัมผัสผู้ติดเชื้อในครอบครัว 10 ราย ติดเชื้อจากที่ทำงาน 2 ราย ไปสถานบันเทิง 1 ราย สัมผัสกับเพื่อนบ้านที่ติดเชื้อ 1 ราย และสัมผัสเพื่อนที่ฟิตเนส 1 ราย
ในจำนวนผู้เสียชีวิตวันนี้ มี 1 ราย ที่เริ่มมีอาการ แล้วต้องรอคิวตรวจ 3 วัน จึงได้ตรวจและอาการหนักเสียชีวิตในวันที่ ตรวจพบเชื้อ
ขณะเดียวกัน ผู้เสียชีวิตจากโควิด 15 ราย ระยะเวลาจากวันที่ติดเชื้อ-เสียชีวิต ตั้งแต่ 7-15 วันจำนวน 9 ราย มีการพบว่าเสียชีวิตก่อนทราบผลติดเชื้อ 2 ราย รวมไปถึงเสียชีวิตวันเดียวกันกับที่ทราบผลติดเชื้ออีก 2 ราย
แพทย์ชนบท ชี้ยาโควิด ฟาวิพิราเวียร์จะล้มรบ.ได้ แนะปฏิเสธขึ้นสิทธิบัตร เปิดทางอย.ผลิต
https://www.matichon.co.th/politics/news_2695991
ชมรมแพทย์ชนบท เตือน ยา “ฟาวิพิราเวียร์” อาจล้มรัฐบาลนี้ได้ สั่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาปฏิเสธคำขอสิทธิบัตร เพื่อให้อย.ผลิตเอง
วันนี้ (28 เม.ย.) เพจ ชมรมแพทย์ชนบท ได้เผยแพร่ข้อเขียน เรื่อง “ฟาวิพิราเวียร์ ยาโควิดที่จะล้มรัฐบาลประยุทธ์ได้” โดยระบุว่า
ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาสำคัญที่ใช้รักษาโรคโควิด วันนี้เช้ายาตัวนี้ขาดแคลนอย่างหนัก น้องแพทย์ที่โรงพยาบาลได้ขอเบิกยานี้เพื่อใช้กับผู้ป่วยที่จะนะ ทราบว่า ที่คลังโรงพยาบาลหาดใหญ่ที่เป็นจุดสำรองยาของจังหวัดสงขลาเหลือเพียง 150 เม็ด ดีที่รัฐบาลสั่งยามาจากญี่ปุ่นทันเวลา 2 ล้านเม็ด
เล่นเอาใจหายใจคว่ำ ซึ่งเชื่อว่า หากอัตราการใช้เป็นเช่นปัจจุบัน 2 ล้านเม็ดนี้ก็ใช้ได้ไม่เกิน 3 เดือน
ยาฟาวิพิราเวียร์ ในผู้ป่วยโควิด 1 คน จะต้องใช้คนละ 50 เม็ด คือวันแรกทาน 9 เม็ด ทุก 12 ชั่วโมง และอีก 4 วันถัดมาทาน 4 เม็ดทุก 12 ชั่วโมง ดังนั้นยา 2 ล้านเม็ดก็จะใช้ได้กับผู้ป่วย 40,000 คนเท่านั้น ไม่ได้มากมายในสถานการณ์การระบาดเช่นนี้
ประเด็นของยาฟาวิพิราเวียร์ที่อาจเป็นเหตุให้รัฐบาลสะดุดขาตนเองจนรัฐบาลล้มได้ก็คือ เรื่อง การผูกขาดยาจากการขอจดสิทธิบัตรยาของบริษัทเจ้าของยาจากประเทศญี่ปุ่น
บริษัทญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตยาตัวนี้ ยานี้ไม่มีสิทธิบัตรยาตั้งต้นในประเทศไทย แต่บริษัทมายื่นขอจดสิทธิบัตรรูปแบบเม็ดเล็กของยาฟาวิพิราเวียร์ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งคำขอสิทธิบัตรลักษณะนี้ ไม่มีทั้งความใหม่และนวัตกรรมที่สูงขึ้น จึงไม่สมควรได้รับสิทธิบัตร แต่กรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ยึกยักไม่ยอมปฏิเสธคำขอนี้ไปเสียที ทั้งที่ภาควิชาการได้เคยไปยื่นข้อมูล ระบุเหตุที่ควรปฏิเสธตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 แล้ว
อีกทั้งองค์การเภสัชกรรมมีความพร้อมในการผลิตได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนยาเบื้องต้นกับสำนักงานคณะกรรมอาหารและยา (อย.) ไปแล้วด้วย รัฐบาลควรประกาศสนับสนุนองค์การเภสัชกรรมให้เร่งผลิตยาตัวนี้อย่างเป็นทางการ หากกรมทรัพย์สินทางปัญญาไม่ปฏิเสธคำขอนี้ โอกาสที่จะถูกฟ้องในอนาคตก็มี ฉะนั้น รัฐบาลจึงควรแสดงความกล้าหาญทางการเมืองหนุนหลังองค์การเภสัชกรรมผลิตยาเพื่อประชาชน และควรมีนโยบายชัดเจนไปที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาให้ทำหน้าที่เพื่อช่วยสู้ภัยโควิด ปฏิเสธคำขอสิทธิบัตรยาฟาวิพิราเวียร์เสีย
ราคายาฟาวิพิราเวียร์ ปัจจุบันราคาเม็ดละ 150 บาท ต้องใช้ 50 เม็ดต่อคนก็คิดเป็นค่ายาคนละ 7,500 บาท หากองค์การเภสัชกรรมผลิตเองได้ ค่ายาก็จะลดลงได้ครึ่งหนึ่ง ทั้งประหยัดงบประมาณ และเรามีความมั่นคงทางยา ไม่ดีตรงไหน
ภาวะการขาดแคลนยาฟาวิพิราเวียร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เส้นยาแดงผ่าแปดมากๆ สถานการณ์โควิดก็จะยังหลอกหลอนประเทศไทยไปอีกถึงปีหน้า การออกประกาศสนับสนุนให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้ผลิตยาฟาวิพิราเวียร์อย่างเป็นทางการ คือคำตอบที่ใช่ ซึ่งไม่ยาก เพราะรัฐบาลได้รวบโอนอำนาจจากกระทรวงต่างๆมาไว้ที่นายกรัฐมนตรีหมดแล้ว จึงต้องการความกล้าหาญทางการเมืองนิดหน่อยจากนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเอง
หากอนาคตมีการระบาดหนักจนยาขาดแคลน คนป่วยตายเพราะไม่มียารักษา คงไม่ใช่แค่หมอไม่ทน แต่คนไทยคงไม่ทนด้วย รัฐบาลจะล่มเพราะโควิดอย่างแน่นอน”
"ปลัดสธ." รับ วัคซีนโควิด 100 ล้านโดส ที่นายกฯ ตั้งเป้าเป็นเรื่องยาก ชี้ ทุกประเทศต้องการสูง
https://www.nationtv.tv/main/content/378822292
วันนี้(28เม.ย.) กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวถึงแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ตามเป้าหมายที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตั้งเป้าว่าจะต้องจัดหาวัคซีนให้ประชาชนได้จำนวน 100 ล้านโดส และจะดำเนินการฉีดให้ประชาชนทั้ง 50ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ว่า แผนวัคซีนที่ชัดเจนตอนนี้คือวัคซีนของบริษัทแอสตร้าเซนเนกร้า มีจำนวน 61 ล้านโดส ที่แน่นอนว่า จะจัดส่งให้ประเทศไทย ส่วนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต ในขณะที่ 35 ล้านโดส จะเป็นวัคซีนทางเลือก คือ ซิโนแวค เจ แอนด์ เจ สปุตนิก และ ไฟเซอร์ ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า ยังไม่สามารถตอบได้ว่า วัคซีนทั้งหมดโดยเฉพาะใน 3 บริษัทเอกชนที่เพิ่งเริ่มเจรจาขอซื้อจะได้รับเมื่อไร หากขั้นตอนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ วัคซีนทั้ง 100 ล้านโดสจะเข้าสู่ประเทศไทยตามเป้าหมายที่นายกกล่าวไว้ แต่ถ้าหากไม่ได้ตามเป้าหมายนั้นก็เป็นส่วนที่ กระทรวงสาธารณสุขจะต้องรับผิดชอบต่อไป พร้อมทั้งยอมรับว่าเป้าหมายดังกล่าวค่อนข้างเป็นเรื่องที่ยากเพราะ ขณะนี้ทุกประเทศต้องการวัคซีนเป็นจำนวนมาก