การปิดล้อมเลนินกราด 900 วันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง อาจเป็นการปิดล้อมที่น่าสยดสยองที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ แผนร้ายกาจของฮิตเลอร์คือ การตัดขาดเส้นทางเสบียงอาหารทั้งหมดที่ไปยังเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยสองล้านคน และปล่อยให้ธรรมชาติทำงานสกปรก
โดยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 1941 ที่เมืองมิวนิก ฮิตเลอร์ได้กล่าวสุนทรพจน์ว่า "เลนินกราดต้องตายด้วยความอดอยาก"
ฤดูหนาวต่อมา คนหลายแสนคนอดอยากจนตาย ผู้คนพยายามอย่างไร้ประโยชน์ที่จะมีชีวิตอยู่โดยการกินขี้เลื่อย ในขณะที่คนอื่น ๆ ต้องตายตามท้องถนนและส่วนหนึ่งพยายามเดินสองสามกิโลเมตรไปยังซุ้มจำหน่ายอาหารในสภาพอากาศ −30 ° C
ในประวัติศาสตร์การปิดล้อมเลนินกราด (ในปัจจุบันคือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตเกือบ 3 ล้านคน ในช่วงเวลา 872 วันของการต่อสู้อย่างโหดเหี้ยมระหว่างสหภาพโซเวียตและ Wehrmacht ของเยอรมัน โดยปี 1941 คน 4,000 คนต้องเสียชีวิตจากความอดอยากในวันคริสต์มาสเพียงวันเดียว
มีการกล่าวกันว่าผู้คนต้องกินสัตว์เลี้ยง หนู และนกเป็นอาหารและตายในที่สุด มีการพยายามหลบหนีถึงสามครั้งและหลายคนสามารถหลบหนีได้ แต่หลายคนที่เสียชีวิตด้วยกระสุนของเยอรมันและฟินแลนด์
ในขณะที่กองทัพเยอรมันที่รุกรานหลั่งไหลเข้ามาในเมืองเพื่อปล้นสะดมและทำลายสิ่งของมีค่า กลุ่มนักพฤกษศาสตร์ชาวรัสเซียได้เข้ามาในห้องนิรภัยของ Vavilov Institute of Plant Industry ซึ่งมีเมล็ดพืชที่ล้ำค่า ทั้งหมดของการเก็บรวบรวมนี้มีเมล็ดพันธุ์จากพืชเกือบ 200,000 ชนิด ซึ่งประมาณหนึ่ง
ในสี่สามารถกินได้ และถือเป็นแหล่งเก็บความหลากหลายทางพันธุกรรมของพืชอาหารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
Nikolai Vavilov in 1933
เขาค้นพบและช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของพืชในโลก โดย Gary Paul Nabhan
โดยมี ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่ว และมันฝรั่ง ซึ่งมากมายเพียงพอที่จะค้ำจุนและผ่านวันที่เลวร้ายที่สุดของการถูกปิดล้อมของนักพฤกษศาสตร์ได้
แต่นักวิทยาศาสตร์ตัดสินใจเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องเมล็ดพันธุ์เหล่านี้จากพวกนาซี และจากผู้คนที่อดอยากที่คอยปล้นสะดมตามท้องถนนเพื่อหาอาหารกิน
ในห้องนิรภัยเต็มไปด้วย 16 ห้องซึ่งไม่มีใครได้รับอนุญาตให้อยู่คนเดียว มีคนงานเฝ้าโรงเก็บของเป็นกะตลอดเวลา พงกเขามึนงงด้วยความหนาวและผอมแห้งจากความหิวโหย ในขณะที่ถูกปิดล้อม เหล่าวีรชนเหล่านี้เริ่มตายด้วยความหิวโหยแต่ไม่ยอมกินข้าวแม้แต่เมล็ดเดียว
จนกระทั่งในเดือนมกราคม 1942 Alexander Stchukin ผู้เชี่ยวชาญถั่วลิสงได้เสียชีวิตที่โต๊ะเขียนหนังสือของเขา และต่อมา Dmitri Ivanov
นักพฤกษศาสตร์ก็เสียชีวิตลงด้วยความอดอยาก ในขณะที่รายล้อมไปด้วยเมล็ดข้าวหลายพันห่อที่เขาดูแลอยู่ ในตอนท้ายของการปิดล้อมในฤดูใบไม้ผลิปี 1944 มีนักวิทยาศาสตร์อีก 9 คนอดอาหารจนตายเพื่อเฝ้าดูอาหารทั้งหมดนั้น ทั้งนี้ พืชผลหลายชนิดที่เรากินในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งมาจากการผสมข้ามพันธุ์กับพันธุ์ที่นักวิทยาศาสตร์ช่วยให้รอดพ้นจากการถูกทำลายนี้
ตัวอย่างที่เก็บรวบรวมโดย Nikolai Vavilov ถูกจัดแสดงที่สถาบัน Vavilov Institute of Plant Industry
Cr.ภาพ Petr Kosina / Flickr
ธนาคารเมล็ดพันธุ์ที่นักวิทยาศาสตร์โซเวียตยอมเสียชีวิตเพื่อปกป้องเป็นหนึ่งในธนาคารแห่งแรกในประเภทนี้ ก่อตั้งขึ้นในปี 1926 โดย Nikolai Vavilov นักพฤกษศาสตร์และนักพันธุศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของรัสเซีย และเป็น “ นักสำรวจพืชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ” ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเก็บเมล็ดพืช
หน่อใต้ดินของพืชบางชนิดและผลไม้จากทั่วโลก ได้มากกว่าบุคคลใดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
Nikolai Vavilov เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์กลุ่มแรกที่คาดการณ์การหายไปของความหลากหลายของพืช และตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการผลิตอาหารของเราในอนาคต เนื่องจาก Vavilov เติบโตมาในหมู่บ้านในชนบทที่ยากจน ซึ่งเต็มไปด้วยความล้มเหลวในการเพาะปลูกและการปันส่วนอาหารที่ซ้ำ ๆ กัน ทำให้เขาหมกมุ่นอยู่กับความอดอยากตั้งแต่อายุยังน้อย และต้องการยุติความอดอยากในรัสเซียและทั่วโลก
ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 ระหว่างสงครามโลกทั้งสองครั้ง Vavilov ได้เดินทางไปทั่วทั้ง 5 ทวีปใน 64 ประเทศ เพื่อรวบรวมพันธุ์ไม้และตัวอย่างของพืชอาหาร เขาฝึกภาษาด้วยตัวเอง 15 ภาษาเพื่อที่เขาจะได้พูดคุยกับชาวนาพื้นเมือง หลังจากเกือบทศวรรษของการเดินทางในหลายร้อยครั้งต่อมา Vavilov ได้ก่อตั้งสถานีทดลอง Pavlovsk Experimental Station ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Institute of Plant Industry ซึ่งตั้งอยู่ที่ Pavlovsk ในเลนินกราดซึ่งในปัจจุบันคือเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg)
สถานี Experimental Pavlovsk ซึ่งมองเห็นได้จากประตูด้านหน้า
ที่มา - www.mysinchew.com/node/43631
ในขณะที่ Vavilov กำลังรวบรวมเมล็ดพันธุ์และสร้างธนาคารเมล็ดพันธุ์เพื่อรักษาความหลากหลายของอาหารสำหรับคนรุ่นต่อไป มีนักปฐพีวิทยาอายุน้อยที่ไม่รู้จักมาก่อนชื่อ Trofim Lysenko ได้รับการประกาศให้เป็นอัจฉริยะผู้พัฒนาเทคนิคการเกษตรแบบใหม่ จากการโฆษณาชวนเชื่อของสหภาพโซเวียต
ที่จะช่วยรักษาชาติจากความหิวโหย
ในความเป็นจริง เทคนิคของ Lysenko ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปลูกพืชในความเย็นจัดเพื่อบังคับให้พวกมันออกดอกในฤดูใบไม้ผลิ เป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ยุค 1850 ที่เรียกว่า "vernalization" ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า vernalization ให้ผลผลิตอาหารที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่ใช่สามหรือสี่เท่าตามที่ Lysenko อ้าง ทั้งยังอ้างว่าลูกหลานสามารถสืบทอดสถานะ vernalized ได้
Lysenko นักฉวยโอกาสทางการเมืองได้รับความโปรดปรานจาก Joseph Stalin อย่างรวดเร็ว ด้วยการสนับสนุนของสื่อโซเวียตซึ่งพูดเกินจริงถึงความสำเร็จแต่ปกปิดความล้มเหลวของเขา Lysenko เริ่มสร้างข้อมูลการทดลองเพื่อสนับสนุนทฤษฎีของเขา และประณามทุกคนที่พยายามต่อต้านวิธีการที่เขาทำ โดยตั้งแต่ปี 1934 to 1940 ด้วยการอนุมัติของ Stalin มีนักชีววิทยาและนักพันธุศาสตร์กว่า 3,000 คนถูกจำคุก ไล่ออก หรือประหารชีวิต เนื่องจากพยายามต่อต้าน Lysenko
Trofim Lysenko
Vernalization
ในเดือนสิงหาคม 1940 ขณะที่ Vavilov กำลังเก็บเมล็ดพันธุ์ในแถบชายแดนของรัสเซียและยุโรปตะวันออก มีเจ้าหน้าที่ KGB มาจับเขาไปและถูกตัดสินให้จำคุก 20 ปีในค่ายโซเวียต หลังจากกินกะหล่ำปลีแช่แข็งและแป้งขึ้นรามานานกว่า 1 ปีครึ่ง Nikolai Vavilov ชายผู้สอนเราเกี่ยวกับความหลากหลายทางการเกษตรและต้นกำเนิดของพืช และผู้ที่ใช้เวลา 50 ปีในชีวิตในการพยายามยุติความอดอยาก กลับต้องเสียชีวิตจากความอดอยากเอง
“ ตั้งแต่แผนที่ของ Vavilov เกี่ยวกับศูนย์กลางความหลากหลายของพืชของ Vavilov ที่มีมานานแล้ว ก็ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดที่มีประสบการณ์ทางร่างกายและสติปัญญาที่เข้าใจรูปแบบของความหลากหลายทางชีวภาพทั่วทั้งโลก” Gary Paul Nabhan ผู้เขียนหนังสือ Where Our Food Comes From: Retracing Nikolay Vavilov's Quest to End Famine ได้กล่าวไว้
“ เนื่องจากความสามารถในการเดินทางโดยรถไฟ เรือ เครื่องบิน รถยนต์ และล่อ ทำให้ Vavilov ไม่เพียงจะได้เห็นทิวทัศน์ทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดจะทำได้ แต่เขายังได้ซึมซับทฤษฎีทางชีวภูมิศาสตร์ที่ยังคงอยู่ให้กับเราในทุกวันนี้อีกด้วย ”
ขณะนี้สถานีทดลอง Pavlovsk มีตัวอย่างเมล็ดพันธุ์มากกว่า 325,000 ตัวอย่าง เป็นชนิดพันธ์ของผลไม้และเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเกือบหนึ่งพันสายพันธุ์ของทั้งสตรอเบอร์รี่และแอปเปิ้ลประมาณ 600 ชนิด รวมถึงมะยม เชอร์รี่ ลูกพลัม ลูกเกดแดง และราสเบอร์รี่มากกว่าร้อยสายพันธุ์ โดยประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของการรวบรวมนี้ไม่พบในทางวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ในโลก
วันนี้ Pavlovsk Experimental Station เป็นเพียงหนึ่งใน1,400 ธนาคารเมล็ดพันธุ์ทั่วโลก ซึ่งสถานที่ที่มีความยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือ Svalbard Global Seed Vault ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ Spitsbergen ของนอร์เวย์โดยห่างจากขั้วโลกเหนือเพียง 700 ไมล์
มีความจริงที่เหลือเชื่อคือ ระหว่างการปิดล้อมเลนินกราดมีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่ถูกขังอยู่ต้องต่อสู้และอดอยากร่วมกับพลเมืองโซเวียตคนอื่น ๆ ผู้หญิงคนนี้ผอมแห้งมาก จนถึงจุดหนึ่งผู้คนคิดว่าเธอตายไปแล้วและเกือบจะนำเธอไปฝัง ส่วนสามีถูกทำให้เป็นโมฆะในระหว่างสงคราม และลูกชายของพวกเขาเสียชีวิตจากการสันนิษฐานว่าเป็นโรคคอตีบและถูกฝังไว้ในหลุมศพนิรนาม ซึ่งต่อมาทั้งคู่จะรอดชีวิตจากการถูกปิดล้อมและสงคราม จากนั้นพวกเขาจมีลูกชายอีกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันที่ชื่อ Vladimir Putin
ตัวอย่างที่เก็บรวบรวมโดย Nikolai Vavilov จัดแสดงที่สถาบัน Vavilov Institute of Plant Industry
Cr.ภาพ Petr Kosina / Flickr
มากกว่าครึ่งหนึ่งของพันธุ์ลูกเกดดำที่ปลูกในรัสเซียซึ่งเป็นผู้ผลิตชั้นนำของโลกได้รับการผสมพันธุ์ที่ Pavlovsk
ทำให้ยอดขายลูกเกดดำในรัสเซียมีมูลค่ามากกว่า 400 ล้านเหรียญต่อปี
อนุสรณ์สถาน Piskaryovskoye
มีหลุมฝังศพจำนวน 186 หลุมในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเป็นอนุสรณ์ที่สุสาน Piskaryovskoye Memorial Cemetery
แลัเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนจะทิ้งดอกไม้และขนมปังเพื่อเป็นเกียรติแก่ชีวิตที่สูญเสียไปจากการถูกล้อมและความอดอยาก
Svalbard Global Seed Vault
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
เมล็ดพันธุ์พืชของโลกที่แลกมาด้วยชีวิต
โดยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 1941 ที่เมืองมิวนิก ฮิตเลอร์ได้กล่าวสุนทรพจน์ว่า "เลนินกราดต้องตายด้วยความอดอยาก"
ฤดูหนาวต่อมา คนหลายแสนคนอดอยากจนตาย ผู้คนพยายามอย่างไร้ประโยชน์ที่จะมีชีวิตอยู่โดยการกินขี้เลื่อย ในขณะที่คนอื่น ๆ ต้องตายตามท้องถนนและส่วนหนึ่งพยายามเดินสองสามกิโลเมตรไปยังซุ้มจำหน่ายอาหารในสภาพอากาศ −30 ° C
ในสี่สามารถกินได้ และถือเป็นแหล่งเก็บความหลากหลายทางพันธุกรรมของพืชอาหารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
แต่นักวิทยาศาสตร์ตัดสินใจเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องเมล็ดพันธุ์เหล่านี้จากพวกนาซี และจากผู้คนที่อดอยากที่คอยปล้นสะดมตามท้องถนนเพื่อหาอาหารกิน
ในห้องนิรภัยเต็มไปด้วย 16 ห้องซึ่งไม่มีใครได้รับอนุญาตให้อยู่คนเดียว มีคนงานเฝ้าโรงเก็บของเป็นกะตลอดเวลา พงกเขามึนงงด้วยความหนาวและผอมแห้งจากความหิวโหย ในขณะที่ถูกปิดล้อม เหล่าวีรชนเหล่านี้เริ่มตายด้วยความหิวโหยแต่ไม่ยอมกินข้าวแม้แต่เมล็ดเดียว
จนกระทั่งในเดือนมกราคม 1942 Alexander Stchukin ผู้เชี่ยวชาญถั่วลิสงได้เสียชีวิตที่โต๊ะเขียนหนังสือของเขา และต่อมา Dmitri Ivanov
นักพฤกษศาสตร์ก็เสียชีวิตลงด้วยความอดอยาก ในขณะที่รายล้อมไปด้วยเมล็ดข้าวหลายพันห่อที่เขาดูแลอยู่ ในตอนท้ายของการปิดล้อมในฤดูใบไม้ผลิปี 1944 มีนักวิทยาศาสตร์อีก 9 คนอดอาหารจนตายเพื่อเฝ้าดูอาหารทั้งหมดนั้น ทั้งนี้ พืชผลหลายชนิดที่เรากินในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งมาจากการผสมข้ามพันธุ์กับพันธุ์ที่นักวิทยาศาสตร์ช่วยให้รอดพ้นจากการถูกทำลายนี้
หน่อใต้ดินของพืชบางชนิดและผลไม้จากทั่วโลก ได้มากกว่าบุคคลใดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
Nikolai Vavilov เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์กลุ่มแรกที่คาดการณ์การหายไปของความหลากหลายของพืช และตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับการผลิตอาหารของเราในอนาคต เนื่องจาก Vavilov เติบโตมาในหมู่บ้านในชนบทที่ยากจน ซึ่งเต็มไปด้วยความล้มเหลวในการเพาะปลูกและการปันส่วนอาหารที่ซ้ำ ๆ กัน ทำให้เขาหมกมุ่นอยู่กับความอดอยากตั้งแต่อายุยังน้อย และต้องการยุติความอดอยากในรัสเซียและทั่วโลก
ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 ระหว่างสงครามโลกทั้งสองครั้ง Vavilov ได้เดินทางไปทั่วทั้ง 5 ทวีปใน 64 ประเทศ เพื่อรวบรวมพันธุ์ไม้และตัวอย่างของพืชอาหาร เขาฝึกภาษาด้วยตัวเอง 15 ภาษาเพื่อที่เขาจะได้พูดคุยกับชาวนาพื้นเมือง หลังจากเกือบทศวรรษของการเดินทางในหลายร้อยครั้งต่อมา Vavilov ได้ก่อตั้งสถานีทดลอง Pavlovsk Experimental Station ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Institute of Plant Industry ซึ่งตั้งอยู่ที่ Pavlovsk ในเลนินกราดซึ่งในปัจจุบันคือเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg)
ในขณะที่ Vavilov กำลังรวบรวมเมล็ดพันธุ์และสร้างธนาคารเมล็ดพันธุ์เพื่อรักษาความหลากหลายของอาหารสำหรับคนรุ่นต่อไป มีนักปฐพีวิทยาอายุน้อยที่ไม่รู้จักมาก่อนชื่อ Trofim Lysenko ได้รับการประกาศให้เป็นอัจฉริยะผู้พัฒนาเทคนิคการเกษตรแบบใหม่ จากการโฆษณาชวนเชื่อของสหภาพโซเวียต
ที่จะช่วยรักษาชาติจากความหิวโหย
ในความเป็นจริง เทคนิคของ Lysenko ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปลูกพืชในความเย็นจัดเพื่อบังคับให้พวกมันออกดอกในฤดูใบไม้ผลิ เป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ยุค 1850 ที่เรียกว่า "vernalization" ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า vernalization ให้ผลผลิตอาหารที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่ใช่สามหรือสี่เท่าตามที่ Lysenko อ้าง ทั้งยังอ้างว่าลูกหลานสามารถสืบทอดสถานะ vernalized ได้
Lysenko นักฉวยโอกาสทางการเมืองได้รับความโปรดปรานจาก Joseph Stalin อย่างรวดเร็ว ด้วยการสนับสนุนของสื่อโซเวียตซึ่งพูดเกินจริงถึงความสำเร็จแต่ปกปิดความล้มเหลวของเขา Lysenko เริ่มสร้างข้อมูลการทดลองเพื่อสนับสนุนทฤษฎีของเขา และประณามทุกคนที่พยายามต่อต้านวิธีการที่เขาทำ โดยตั้งแต่ปี 1934 to 1940 ด้วยการอนุมัติของ Stalin มีนักชีววิทยาและนักพันธุศาสตร์กว่า 3,000 คนถูกจำคุก ไล่ออก หรือประหารชีวิต เนื่องจากพยายามต่อต้าน Lysenko
“ ตั้งแต่แผนที่ของ Vavilov เกี่ยวกับศูนย์กลางความหลากหลายของพืชของ Vavilov ที่มีมานานแล้ว ก็ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดที่มีประสบการณ์ทางร่างกายและสติปัญญาที่เข้าใจรูปแบบของความหลากหลายทางชีวภาพทั่วทั้งโลก” Gary Paul Nabhan ผู้เขียนหนังสือ Where Our Food Comes From: Retracing Nikolay Vavilov's Quest to End Famine ได้กล่าวไว้
“ เนื่องจากความสามารถในการเดินทางโดยรถไฟ เรือ เครื่องบิน รถยนต์ และล่อ ทำให้ Vavilov ไม่เพียงจะได้เห็นทิวทัศน์ทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดจะทำได้ แต่เขายังได้ซึมซับทฤษฎีทางชีวภูมิศาสตร์ที่ยังคงอยู่ให้กับเราในทุกวันนี้อีกด้วย ”
ขณะนี้สถานีทดลอง Pavlovsk มีตัวอย่างเมล็ดพันธุ์มากกว่า 325,000 ตัวอย่าง เป็นชนิดพันธ์ของผลไม้และเบอร์รี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเกือบหนึ่งพันสายพันธุ์ของทั้งสตรอเบอร์รี่และแอปเปิ้ลประมาณ 600 ชนิด รวมถึงมะยม เชอร์รี่ ลูกพลัม ลูกเกดแดง และราสเบอร์รี่มากกว่าร้อยสายพันธุ์ โดยประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ของการรวบรวมนี้ไม่พบในทางวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ในโลก
วันนี้ Pavlovsk Experimental Station เป็นเพียงหนึ่งใน1,400 ธนาคารเมล็ดพันธุ์ทั่วโลก ซึ่งสถานที่ที่มีความยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือ Svalbard Global Seed Vault ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะ Spitsbergen ของนอร์เวย์โดยห่างจากขั้วโลกเหนือเพียง 700 ไมล์