คางคกปีศาจ



หากปล่อยใจ ตามอารมณ์ พาลุ่มหลง
ไปกับสิ่งที่ ไม่ใช่ความเป็นจริง
ติดในรูป หรือในรส หลงมัวเมา ในกิเลศ

เรานั้นอาจ จะต้องพบ ชะตากรรมแบบเรื่องนี้
คางคกปีศาจ






สามารถรับชมเป็นภาพและเสียงเล่าได้ด้วยนะครับ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ




สวัสดีครับ มีเรื่องไรเล่า ในตอนนี้ จะเป็นตำนานเรื่องเล่า เรื่องราวแปลกๆ ของประเทศญี่ปุ่น

นำมาเล่าให้คุณผู้ชมได้รับฟังกันนะครับกับซีรี่ย์ ตำนานเรื่องผี ผี ของญี่ปุ่น

###สิ่งที่ใจเราลุ่มหลง นั้นเป็นเพียงแค่มายา ถ้าหากเรามีสติ แยกแยะให้ดีได้ว่า สิ่งที่เราเห็นนั้นมันมีอยู่จริงหรือไม่

หรือมันเป็นเพียงแค่ ภาพมายา มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ ใจเราก็จะไม่หลงไปกับอารมณ์ ณ ขณะนั้น#### ดังเช่นเรื่องนี้



คางคกปีศาจ

       เรื่องนี้ย้อน อดีตกลับไปที่เมือง โคอิชิกาวะ ในสมัยเอโดะ มีขุนนางคนหนึ่ง ชื่อว่า ซูซูกิ อาศัยอยู่ในคฤหาสน์บนฝั่งแม่น้ำ

เอโดะกาวะ ซูซูกิ มีทหารรับใช้อยู่หลายคน แต่มีทหารชั้นผู้น้อยอยู่คนหนึ่งเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดี นามว่า "จูโกโร"

โจกูโร เป็นทหารรับใช้ ซูซูกิ มาอยู่หลายปี พฤติกรรมของ จูโกโร เป็นที่รู้กันดีว่า เขาเป็นทหารที่เคร่งครัดในระเบียบวินัย

ไม่เคยทำผิดกฎระเบียบใดๆเลยในการปฏิบัติหน้าที่

         แต่ว่ามาในระยะหลังๆ จูโกโร กลับมีพฤติกรรมแปลกๆ ไปจากเดิม นั้นก็คือ ในช่วงเวลากลางคืนจูโกโร มักจะออกไปนอก

คฤหาสน์แล้วจะกลับมาอีกทีก็ในตอนก่อนรุ่งเช้า แต่ก็ไม่มีใครไปว่าอะไร จูโกโร นั้นก็เป็นเพราะว่า

จูโกโร นั้นก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ตามปกติ

       พวกเพื่อนๆ ในหมู่ทหารได้แต่เพียงสงสัยกันว่า จูโกโร นั้นคงออกไปเกี้ยวสาวในตอนกลางคืนเท่านั้นเอง

หลายวันผ่านไป พฤติกรรมของจูโกโร ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่ที่แปลกออกไปจากเดิมนั้นก็คือ ร่างกายของจูโกโร

ดูซูบผอมและดูอิดโรยลงไป อย่างเห็นได้ชัด พวกเพื่อนๆ ทหารของจูโกโร จึงได้แต่สงสัย

และคิดว่าเรื่องนี้ชักจะไม่ชอบมาพากลเป็นอย่างแน่แท้แล้วลงความเห็นกันว่าอยากที่จะลองสืบหาสาเหตุดูให้ได้

เย็นวันหนึ่งขณะที่ จูโกโรกำลังจะเดินทางออกจาก คฤหาสน์ไป ก็ได้มีเสียงของทหารอาวุโสร้องทักขึ้นมาว่า

"จูโกโร พ่อหนุ่มเอ๋ย เราเห็นเจ้าออกจาก คฤหาสน์ไปในตอนเย็นแล้วกลับมาอีกที่ยามรุ่งสาง

เราสังเกตเห็นว่าร่างกายเจ้านั้นดูไม่ค่อยดีเอาเสียเลยซูบผอมลงไปจากเดิมมากนัก จึงกลัวว่าเจ้าจะคบกับเพื่อนเลว

แล้วพากันไปทำแต่เรื่องที่เสียสุขภาพ เจ้าบอกกับเราได้หรือไม่ แต่ถ้าเจ้าไม่อยากบอกกับเราได้ก็ไม่เป็นไร

แต่เรามีความจำเป็นที่จะต้องนำเรื่องของเจ้าไปรายงานให้กับนายท่าน ซูซูกิ ได้รับทราบ

ด้วยถือว่านี้คือหน้าที่ของเรา ไหนๆ แล้วเราก็เป็นเพื่อนกัน นะจูโกโรเอ๋ยเจ้าบอกข้าได้ไหมล่ะว่า

กลางค่ำกลางคืนเช่นนี้เจ้าออกไปทำธุระที่ใด”



   จูโกโรเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกประหม่า อายกลัวและก็ตกใจ จึงได้แต่เดินหลบเข้าไปในสวน

ทหารอาวุโสผู้นั้นก็ได้เดินตามจูโกโรไปจนพ้นและลับตาผู้คน

จูโกโรก็ได้กล่าวกับทหารอาวุโสว่า

“ข้าจะเล่าทุกเรื่องท่านให้ฟังเอง แต่ท่านต้องสัญญากับข้าว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับและจะไม่ไปเล่าเรื่องนี้ให้กับใครฟัง

ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว ตัวข้าจะต้องรับเคราะห์ร้ายหนักเป็นอย่างแน่”

จูโกโรจึงเล่าให้ฟังว่า

“ตอนนั้นตรงกับฤดูใบไม้ผลิ ราวห้าเดือน มาแล้วที่ข้าเริ่มออกไปข้างนอกทุกคืน เป็นเพราะข้าไปติดใจผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง

เย็นวันนั้นหลังจากที่ข้ากลับจากการไปเยี่ยมพ่อและแม่ กำลังเดินกลับมาที่คฤหาสน์ ข้าก็ได้ไปพบกับหญิงสาวนางหนึ่ง

กำลังยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ แม่นางคนนั้นแต่งกายเหมือนกับหญิงสูงศักดิ์ มีรูปโฉมช่างงดงามจนข้าไม่อาจละสายตาจากนางไปได้

แต่เมื่อข้ากำลังจะเดินผ่านนางแต่แล้วจู่ๆ นางก็ดึงแขนเสื้อของข้าไปแล้วพูดกับข้าว่า"

“ท่านช่วยเดิน ไปกับฉันจนถึงสะพานนั้นได้หรือไม่ ฉันมีเรื่องจะบอก”

“เสียงอันไพเราะและแผ่วเบาของนางทำให้ตัวข้านั้นเหมือนกำลังต้องมนต์สะกด ข้าจึงได้เดินร่วมทางไปกับนางอย่างไม่รู้ตัว

ในระหว่างทางที่เดินกันไปนางได้บอกว่า เห็นข้าเดินเข้าออก คฤหาสน์แห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง นางแอบหลงรักในตัวข้ามาก

และนางยังได้บอกความต้องการในใจของนางมาอีกด้วยว่า"

“ฉันต้องการให้ท่าน มาเป็นสามี ของฉัน ถ้าท่านชอบฉันและเรารักกัน เราทั้งสองคนก็จะมีความสุขด้วยกันไปตลอดการ”

“ตัวข้านั้นทำอะไรไม่ถูกเลยเมื่อได้ยินคำกล่าวของนาง และมิอาจหักห้ามใจไม่ให้หลงเสน่ห์ของนางอีกด้วยเช่นกัน

จนมารู้สึกตัวอีกที่ ตัวข้าก็มาหยุดอยู่ตรงข้างริมฝั่งของแม่น้ำ"

"นางกระซิบข้างหูข้าอย่างแผ่วเบาอีกครั้งว่า"

“มากับฉันสิ มากับฉัน”

"แล้วก็ค่อยๆ ดึงตัวข้าจมลงไปในแม่น้ำ"

"ความเย็นของกระแสน้ำ ทำให้ข้ารู้สึกตัวขึ้นมา ข้านึกกลัวนางขึ้นมาทันที และพยายามที่จะหันหลังกลับ

นางก็ได้แต่ยิ้มและได้ฉวยมือข้าและพูดว่า"

“ไม่ต้องกลัวข้าหรอก!”

“พอมือของนางโดนตัวข้าเท่านั้นแหละร่างกายข้าก็เหมือนกับคนที่ไร้เรี่ยวแรงไม่อาจขยับเขยือนร่างกายได้อีกเลยแล้วทุกอย่าง

ก็มืดดับลงไป จนมารู้ตัวอีกที ตัวข้าก็กำลังเดินเขียงข้างนางอยู่ในวังที่ที่ไหนสักแห่ง แต่ร่างกายของข้ากลับไม่ได้เปียกน้ำเลยสักนิด

นางพาข้าเดินผ่านไปหลายต่อ หลายห้อง ทุกๆ ห้องนั้นต่างก็ตกแต่งได้อย่างสวยงามวิจิตรตระการตายิ่งนัก

ราวกับที่นี่เป็นดังสรวงสวรรค์แล้วนางก็พูดว่า"

"ที่นี่คือบ้านของฉันเอง ท่านคิดว่า จะอยู่กับฉันอย่างมีความสุข ที่นี่ได้หรือไหม"

"นางพูดไปยิ้มไปตัวข้าในตอนนั้นได้เห็นรอยยิ้มของนางก็คิดว่า นี้ช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยสดและงดงามกว่าสิ่งอื่นใดภายในโลกใบนี้

ข้าเข้าใจแล้วว่านางคงน่าจะเป็นเทพธิดาหรือนางฟ้าแน่ๆหลังจากนั้น ก็มีสาวใช้ได้ยกอาหาร

คาวหวานเหล้าสาเกออกมาว่างอยู่เต็มข้างหน้า ข้าไปหมดแล้วนางก็พูดขึ้นมาอีกว่า"

“ราตรีสยุมพรของเราคือยามราตรีนี้ เพราะเรารักกัน นี้คืองานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ของเราทั้งสองคน”

“แล้วเราทั้งสองต่างก็ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักกันและขอเป็นของกันและกันอย่างนี้ตลอดไปอีกเจ็ดชาติ

หลังจากที่กินเลี้ยงเสร็จเราทั้งสองก็ได้เข้าห้องหอ

มันเป็นค่ำคืนที่ข้ามีความสุขเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาใกล้รุ่งสาง นางก็ได้ปลุกข้าขึ้นมาแล้วบอกกับข้าว่า"

“ที่รักของฉัน ในเวลานี้ท่านได้เป็นสามีของฉันแล้ว แต่ฉันมีเหตุผลบางประการที่ไม่สามารถบอกกับท่านได้ในเวลานี้

ขอได้โปรดจงอย่าถามอะไรและขอให้การแต่งงานในครั้งนี้ ท่านจงเก็บเอาไว้เป็นความลับตลอดไป

เพราะถ้าหากเราอยู่ด้วยกันจนถึงรุ่งอรุณ เราทั้งสองจะต้องตาย อย่าได้ติดใจสงสัยอะไรเลย

ข้าจำเป็นจะต้องรีบส่งท่านกลับไปยังบ้านของเจ้านายท่านเดี๋ยวนี้” 

"คืนนี้ และทุกๆ คืนต่อจากไปนี้ขอให้ท่านกลับมาพบกับฉันอีก ตามเวลาและสถานที่ ที่เราได้พบกันในครั้งแรก

แต่เหนือสิ่งอื่นใดขอให้ท่านจงจำไว้การแต่งงานของเราขอให้เก็บเอาไว้เป็นความลับ ถ้าหากท่านไปเล่าให้ใครฟัง

เราทั้งสองคนอาจจะต้องพรากจากกันไปตลอดการ”

"ข้าจึงได้ให้สัญญาว่า จะเชื่อฟังและทำตามที่นางต้องการทุกอย่าง

แล้วนางก็ได้พาตัวข้าออกมา ส่งถึงที่สะพานแล้วข้าก็จะเดินกลับมาถึงคฤหาสน์ก่อนจะมีแสงรุ่งอรุณของวันใหม่

และในตอนเย็น ข้าก็จะกลับไปที่สะพานแห่งนั้น ก็จะเห็นนางมายืนรอข้าอยู่แล้ว

นางก็จะจูงมือข้าลงไปในแม่น้ำ กลับไปที่ห้องหออันเป็นรังรักของเราในราตรีกาลและตัวข้าก็จะจากนางออกมาเมื่อก่อนรุ่งฟ้าสาง

เป็นเช่นนี้ตลอดมา"

"คืนนี้นางก็คงกำลังรอข้าอยู่เป็นแน่ ข้ายอมตายดีกว่าถ้าหากต้องทำให้นางผิดหวัง ฉะนั้นแล้วข้าคงต้องขอตัวไปก่อน

ข้าหวังว่าท่านอาวุโส คงไม่นำเรื่องที่ข้าเล่า ไปแพร่งพรายให้ใครได้รับรู้เป็นอันขาดนะ"

ทหารอาวุโสเมื่อได้ฟังเรื่องราวที่จูโกโรเล่า ก็ได้แต่รู้สึกประหลาดใจ และเขาเชื่อว่า สิ่งที่จูโกโรเล่า นั้นเป็นเรื่องจริง

แต่ก็เป็นห่วง จูโกโรอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะ ทหารอาวุโสคิดว่า สิ่งที่จูโกโรเห็นและกำลังหลงไหลอยู่นั้น อาจจะเป็นเพียงภาพ

มายาหลอนจาก ภูตผีปีศาจก็เป็นได้

ทหารอาวุโสจึงไม่อยากที่จะไปยุ่งเกี่ยวและห้ามปรามจูโกโรได้แต่เพียงรับปากจูโกโร ไปว่า จะไม่นำเรื่องของจูโกโร

ออกไปเล่าให้ใครฟัง

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็จงไปเถอะ จูโกโร ข้าก็ขอให้เจ้าจงระวังตัวเอาไว้ด้วยแล้วกัน ของให้สิ่งที่เจ้าเจอนั้นเป็นเทพธิดา

อย่างที่เจ้าหวัง ขออย่าให้เป็นปีศาจร้ายก็แล้วกัน”

จูโกโรได้ แต่ยิ้ม ให้กับคำตักเตือน ของทหารอาวุโส แล้วก็เดินจากไป

หลายชั่วโมงต่อมา จูโกโร ก็ได้เดินกลับมาที่ คฤหาสน์ ด้วยหน้าตาเศร้าสร้อย

“เจอนางไหม”

ทหารอาวุโสถาม

“ไม่เจอเลยครับ นางไม่ได้อยู่รอข้าที่นั่นอีกแล้ว นางคงไม่ยอมออกมาหาข้าอีกแล้ว ข้าผิดเอง ที่ผิดสัญญาเล่าเรื่องนางให้ผู้อื่นฟัง”

         จูโกโร ตอบ หลังจากนั้นเขาก็ล้มตัวลงไปนอนกับพื้นไม่ยอมพูดจา

แม้เพื่อนทหารอาวุโส พยายามพูดปลอบโยนอย่างไรก็ไม่เป็นผล

แต่แล้วจู่ๆ จูโกโรก็มีอาการสั่นไปทั้งตัว ตั้งแต่หัวไปจรดปลายเท้าราวกับว่าเขากำลังเป็นไข้อย่างหนัก

จูโกโรก็พยายาม ที่จะลุกขึ้นนั่ง แต่เขาก็กลับหงายหลังล้มลงไปอยากกับคนไม่มีเรี่ยวแรง เห็นได้ชัดเลยว่า

ตอนนี้ร่างกายของจูโกโรกำลัง ป่วยหนัก เพื่อนๆ ทหารของเขาก็ได้แต่รีบไปตามหมอ ให้มารักษากันโดยด่วน

เมื่อหมอได้ตรวจร่างกายของจูโกโร อย่างละเอียด ก็ได้ร้องอุทานมาว่า

“อะไรกันนี่! คนป่วยคนนี้ไม่มีเลือดอยู่ในตัวเลย! มีแต่น้ำอยู่เต็มเส้นเลือดไปหมด ท่าจะลำบากแล้วถ้าหากจะต้องช่วยชีวิต

คนคนนี้ มัน.....มันเป็นโรคอะไรกัน?”

เพื่อนๆ ทหารต่างก็พยายามทุกวิถีทางในการยื้อชีวิตของจูโกโร

แต่ก็ไม่เป็นผล

จูโกโรก็ได้เสียชีวิตลง หลังจากแสงของรุ่งอรุณสาดส่องมาในตอนเช้าพอดี

หลังจากนั้น ทหารอาวุโสก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับหมอ และเพื่อนทหารคนอื่นๆ ได้ฟัง

หมอเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจึงได้พูดขึ้นมาว่า

“แหม่! ข้าคิดเอาไว้แล้ว ถ้าดูจากอาการทั้งหมด ไม่น่าจะเป็นโรคภัยอย่างปกติเป็นแน่แท้ เพียงแต่ว่าสิ่งที่เจ้าหนุ่ม นี่เป็น

จะเป็นใครทำไปไม่ได้นอกจากนางปีศาจร้ายได้ทำเอาไว้เป็นแน่แท้"

“นางเป็นใครหรอ??? เป็นปีศาจหมาจิ้งจอกใช่หรือไม่??”

นายทหารคนหนึ่งถามขึ้นมา

“ไม่ใช่หรอก.......นางสิง อยู่แถวแม่น้ำสายนี้มาตั้งแต่ครั้งโบราณนานมาแล้ว นางจะชอบค่อยๆ

สูบเลือดของหนุ่มเป็นอาหาร นางไม่ใช่ ปีศาจจิ้งจอก แต่อย่างใด ถ้าหากเจ้าเดินไปที่สะพาน นั้นในช่วงเวลากลางวัน

ให้ลองก้มมองลงไปที่สะพานเจ้าก็จะได้เห็นนางเป็นสัตว์ที่น่าขยะแขยงเป็นอย่างมาก”

“สัตว์ตัวอะไรหรือท่านหมอ”

“นางเป็นคางคกตัวใหญ่ ที่ดูน่าเกลียดที่สุด!! ยังไงละ”





ติดตามเรื่องราวแปลกๆ ใน ซีรี่ย์ตำนานเรื่อง ผีผี ของญี่ปุ่น ได้ในตอนต่อไปนะครับ

🌟✨ถ้าชอบ ผลงานเรื่องราวของช่อง เราก็ฝากกด ติดตาม หรือ Subscribe เพื่อเป็นกำลังใจในการทำคลิปต่อๆ

ไปด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ🙇🏻🙏🏼

https://www.youtube.com/channel/UCOAGf86FyA6c4EnLYIG0JjQ

⭐️ติดตามผลงานอัปเดตเรื่องราวใหม่ๆ ได้ก่อนตามเฟสบุ๊คแฟนเพจตามลิ๊งก์เลยครับ

https://www.facebook.com/มีเรื่องไร-เล่า-110145053958071/

เครดิต มีเรื่องไรเล่า youtube channel
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่