"ธนาธร" ช่วยหาเสียง วันเดียว 3 จว. ชี้ การเมืองดี ต้องปราศจากอิทธิพล
https://www.thairath.co.th/news/politic/1989143
ลุยหาเสียงต่อเนื่อง "ธนาธร" ประธานคณะก้าวหน้า จัดเต็ม 3 จังหวัด "ลพบุรี-สิงห์บุรี-สระบุรี" ชี้ การเมืองดีต้องปราศจากอิทธิพล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ลั่น อย่าให้เงินที่ได้ไม่ถึงวันละ 2 สลึงมาซื้อเสียงเรา
วันที่ 4 ธ.ค. นาย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางไปยัง จ.ลพบุรี เพื่อช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับนาย
ฤทธิ์ พัวพันธ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลพบุรี เบอร์ 2 พร้อมทีมผู้สมัคร ส.อบจ. ที่มาร่วมหาเสียงกันอย่างพร้อมหน้า โดยเริ่มต้นที่หน้าโรงเรียนวัดสำราญ อ.เมือง ขึ้นรถแห่ไปรอบตัวเมืองลพบุรี จากนั้น เดินทางต่อไปยัง จ.สิงห์บุรี ช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับนาย
สุรชัย บุญลือ ผู้สมัครนายก อบจ.สิงห์บุรี เบอร์ 3 พร้อมทีมผู้สมัคร ส.อบจ. เดินตลาดสดเทศบาล อ.เมือง เสร็จแล้วขึ้นรถแห่รณรงค์หาเสียงรอบเมืองไปจนถึงห้างสรรพสินค้าไชยแสง ลงเดินพบปะกับประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยัง จ.สระบุรี เพื่อช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับ นาย
วิทูลย์ แก้วสุวรรณ ผู้สมัครนายก อบจ.สระบุรี เบอร์ 4 พร้อมทีมผู้สมัคร ส.อบจ. โดยเดินพบปะประชาชนที่ตลาดล้ง ผัก-ผลไม้ อ.เมือง ซึ่งบรรยากาศทั้ง 3 จังหวัด มีประชาชนให้การตอบรับอย่างอบอุ่น ต่างเข้ามาขอถ่ายรูปกับนายธนาธรอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
นาย
ธนาธร กล่าวว่า ที่ผ่านมา อบจ. ในหลายๆ จังหวัดไม่เคยเปิดเผยข้อมูลใดๆ ต่อสาธารณะ สิ่งที่ตนต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลง คือต้องการให้งบประมาณภายใต้การบริหารงานของ อบจ. อยู่ในสายตาของพี่น้องประชาชน เปิดเผย โปร่งใส ปราศจากอิทธิพล ตนเชื่อว่าการเปิดเผยข้อมูลทุกการบริหารงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นจัดซื้อจัดจ้าง หรือการลงทุน จะนำไปสู่การเมืองที่ดี และการเมืองที่ดีนั้นจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ดังนั้น ความคิดพื้นฐานของเราคณะก้าวหน้าต้องยึดหลักการประชาธิปไตย โดยการไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพราะการซื้อสิทธิ์ขายเสียงจะนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชัน ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องกล้าออกมาเปลี่ยนแปลงจังหวัดของตัวท่านเอง โดยการออกไปเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 20 ธันวาคม นี้
"การที่เราจะได้สักหนึ่งเสียงนั้นไม่ง่ายเลย กว่าผมจะสามารถเอาชนะใจพี่น้องประชาชนได้ ต้องเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อไปเล่าความฝันให้พี่น้องประชาชนได้ฟังถึงความตั้งใจที่เราจะทำการเมืองใหม่ การเมืองที่โปร่งใส ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ผมอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าการเมืองที่ไม่ซื้อเสียงนั้นเป็นไปได้ ดังนั้น หนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงของท่านสำคัญมาก ผมอยากขอให้พี่น้องประชาชนร่วมสร้างการเมืองใหม่ไปด้วยกัน เริ่มต้นที่ไม่รับเงิน ไม่ขายเสียง เพื่อทำลายการผูกขาดทางการเมือง เงินที่เขาให้มา 500 บาท หารเฉลี่ย 4 ปี ได้ไม่ถึงวันละ 2 สลึง แต่เขาเข้าไปบริหารเงินหลักพันล้านบาท และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำลายคุณภาพชีวิตของเรา การเมืองที่ดี การเมืองที่เข้มแข็ง จะต้องแข่งขันกันด้วยนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ผมอยากให้ท่านตระหนักถึงสิทธิ์และเสียงที่ท่านมี ว่าอยากจะเห็นจังหวัดของท่านเป็นแบบไหน 20 ธันวาคมนี้ อย่านอนหลับทับสิทธิ์ ออกไปเลือกตั้ง เพื่อกำหนดอนาคตในจังหวัดของท่านเอง" นาย
ธนาธร กล่าว
นาย
ฤทธิ์ พัวพันธ์ ผู้สมัครนายก อบจ.ลพบุรี กล่าวว่า นโยบายของตนนั้นเน้นไปที่การให้ประชาชนได้เข้าถึงสวัสดิการ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะจังหวัดลพบุรีนั้นกำลังประสบปัญหาของการเข้าสู่สังคนผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้สถานสงเคราะห์คนชราในจังหวัดลพบุรีมีอยู่แห่งเดียว ซึ่งไม่อาจเพียงพอต่อความต้องการทั้งในวันนี้และในอนาคต ตนจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาสถานสงเคราะห์ให้เป็นศูนย์ดูแลที่ไม่ได้ให้บริการเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น แต่แบ่งพื้นที่ในบริเวณเดียวกันให้เป็นศูนย์ดูแลเด็กก่อนวัยเรียน เพราะคนทั้งสองวัยนี้คือกลุ่มเปราะบาง อีกทั้งยังเป็นความกังวลของครอบครัวที่จะต้องออกไปทำงานในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นบริการแบบไป-กลับ และตนตั้งใจที่จะลบภาพสถานสงเคราะห์ที่บั่นทอนความภาคภูมิใจในตนด้วย เราต้องทำให้คนเท่าเทียม และรู้สึกว่าตนเองนั้นมีค่า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม
ด้าน นาย
สุรชัย บุญลือ ผู้สมัครนายก อบจ.สิงห์บุรี กล่าวว่า ตนมีแนวนโยบายหลายอย่างที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น หนึ่งในนโยบายคือการสร้างตลาดกลางสินค้าเพื่อการเกษตร สิงห์บุรีเคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายของภาคกลาง แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับไม่ได้รับการสนับสนุน ตนจึงต้องการพัฒนาให้มีตลาดกลางสินค้าเพื่อการเกษตร สร้างความเป็นศูนย์กลางการประมูลสินค้าเกษตรจองภาคกลาง โดยใช้แพลตฟอร์มทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ประชาชนสามารถค้นหา ดูประเภทสินค้าการเกษตร ข้อมูลแผงค้า ผู้ค้า รวมทั้งราคากลางสินค้าเกษตรประจำวัน
ขณะที่ นาย
วิทูลย์ แก้วสุวรรณ ผู้สมัครนายก อบจ. สระบุรี กล่าวว่า หากตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้าไปบริหารเงินภาษีชาวสระบุรี หนึ่งในนโยบายหลักของตนคือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและยั่งยืน เนื่องจากสระบุรีมีโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่า 1,300 แห่ง แม้จะทำให้การจัดจ้างแรงงานได้มาก นำพาเศรษฐกิจได้ดี แต่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย อบจ.ภายใต้การบริหารของตนนั้น จะสนับสนุนการติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศให้ได้จริงอย่างน้อย 450 จุดในพื้นที่ชุมชนอย่างเช่น โรงเรียนและโรงพยาบาล นอกจากนี้ ต้องเปิดข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงได้ง่ายและตลอดเวลาทางออนไลน์ รวมถึงการส่งเรื่องร้องเรียน โดย อบจ. จะเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เร่งแก้ปัญหาโดยเร็ว
เปิดไทม์ไลน์หนุ่มเชียงใหม่ติดโควิดรายใหม่ ทำงาน1G1-หนีเข้าไทย กลุ่มเสี่ยงอีก 5
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_5464847
เปิดไทม์ไลน์! หนุ่มเชียงใหม่ติดโควิดรายใหม่ ทำงาน1G1-หนีเข้าไทย พักแม่สาย-ขี่จยย.เข้าเมืองเชียงใหม่ ก่อนพักโรงแรมไปร้านสะดวกซื้อ กักตัว 5 รายเสี่ยง
วันที่ 4 ธ.ค.63 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 70/2563 โดยมีนพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะกรรมการเข้าประชุม
นพ.
จตุชัย และนพ.
กิตติพันธุ์ ฉลอง ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงหลังการประชุมว่า สำหรับรายละเอียดคืบหน้าของการสอบสวนโรค กรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด รายที่ 43 และ 44 ในจ.เชียงใหม่ ขณะนี้ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ไม่มีอาการผิดปกติ ยังคงพักรักษาอยู่ที่ห้องแยกโรคความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์ สำหรับการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 7 ราย ตรวจแล้ว 3 ราย ผลตรวจเป็นลบทั้ง 3 ราย และผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ 17 ราย โดยทั้งหมดจะถูกตรวจเช่นกัน
นพ.
จตุชัย กล่าวถึงกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่อีก 1 ราย พบเป็นชายไทย อายุ 32 ปี ชาวเชียงใหม่ ทำงานในสถานบันเทิงเดียวกันกับที่พบการแพร่ระบาดของโควิด-19 จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
นพ.
กิตติพันธุ์ฯ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ของทีมสอบสวนโรค เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักควบคุมโรคที่ 1 พบผู้ป่วยรายนี้เริ่มมีอาการในวันที่ 30 พ.ย.63 โดยมีอาการคัดจมูก การได้รับกลิ่นลดลง และเดินทางข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติมาในช่วงค่ำวันที่ 30 พ.ย. ก่อนพักที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย 1 คืน และเดินทางเข้าพักในอ.เมือง จ.เชียงรายอีก 1 คืน จากนั้นเดินทางมาจ.เชียงใหม่โดยรถจักรยานยนต์ส่วนตัว ในวันที่ 2 ธ.ค.63 เวลาประมาณ 15.00 น. เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ (พักคนเดียว) เวลา 20.00 น. และออกไปซื้ออาหารที่ร้านสะดวกซื้อ ตลาดหน้าป.พัน 7 ประมาณ 10 นาที เพื่อซื้ออาหารมารับประทาน โดยสวมหน้ากากตลอดเวลาที่ออกไปนอกที่พัก
นพ.
กิตติพันธุ์ กล่าวว่า จากนั้นวันที่ 3 ธ.ค.63 เวลา 09.45 น. เข้ารับการตรวจที่รพ.นครพิงค์ และเวลา 14.00 น. ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 พร้อมรับตัวเข้ารักษาในห้องแยกโรคความดันลบ รพ.นครพิงค์
“จากการติดตามกล้องวงจรปิดจากสถานที่ 2 แห่ง ไม่พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง แต่พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ 5 ราย จากโรงแรม และร้านสะดวกซื้อ โดยจะนัดตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อครบ 5 วันหลังสัมผัส ในวันที่ 7 ธ.ค.63” นพ.
กิตติพันธุ์กล่าว
ธุรกิจการบินยังเดี้ยง เที่ยวบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองวูบ 40-60%
https://www.prachachat.net/tourism/news-568941
โควิด-19 ทุบอุตสาหกรมการบินประเทศไทย “ถาวร” เผยเที่ยวบิน “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง” วูบ 40-60% สั่งวิทยุการบิน พัฒนาศักยภาพ จัดจราจรทางอากาศให้สอดรับตลาด เชื่อมโยงสนามบินอู่ตะเภา
นาย
ถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ได้เข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติงานหอควบคุมการจราจรทางอากาศสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมมอบนโยบายการทำงานให้ทางบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการการเดินอากาศท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมการบินในวงกว้าง และทั่วโลก
โดยเฉพาะปริมาณเที่ยวบินที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับปริมาณเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากเฉลี่ย 1,200 เที่ยวบิน/วัน ลดลงเหลือเฉลี่ย 480 เที่ยวบิน/วัน หรือลดลง 60% จากปริมาณเที่ยวบินปกติ และท่าอากาศยานดอนเมือง จากปริมาณเที่ยวบินปกติเฉลี่ย 800 เที่ยวบิน/วัน ลดลงเหลือเฉลี่ย 450 เที่ยวบิน/วัน หรือคิดเป็น 40% ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้หลักของ บวท.อย่างมาก
ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายเพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการองค์กรในภาวะวิกฤตไว้ 5 ด้าน ได้แก่
1. มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการให้บริการการเดินอากาศ
2. พัฒนาการบริหารจราจรทางอากาศรองรับการเติบโตในอนาคต
3. เตรียมการรองรับการให้บริการการเดินอากาศ ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
4. พัฒนาเทคโนโลยีการจราจรทางอากาศ
5. บริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ในภาวะวิกฤตของอุตสาหกรรมการบินของประเทศครั้งนี้ได้เน้นย้ำให้ บวท.รักษามาตรฐานการให้บริการการเดินอากาศด้วยประสิทธิภาพสูงสุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารและสายการบินผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ
JJNY : "ธนาธร"ช่วยหาเสียงวันเดียว 3 จว./เปิดไทม์ไลน์หนุ่มเชียงใหม่ติดโควิด/ธุรกิจการบินยังเดี้ยง/อังคณาห่วงรัฐลำเอียง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1989143
ลุยหาเสียงต่อเนื่อง "ธนาธร" ประธานคณะก้าวหน้า จัดเต็ม 3 จังหวัด "ลพบุรี-สิงห์บุรี-สระบุรี" ชี้ การเมืองดีต้องปราศจากอิทธิพล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ลั่น อย่าให้เงินที่ได้ไม่ถึงวันละ 2 สลึงมาซื้อเสียงเรา
วันที่ 4 ธ.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางไปยัง จ.ลพบุรี เพื่อช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับนายฤทธิ์ พัวพันธ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ลพบุรี เบอร์ 2 พร้อมทีมผู้สมัคร ส.อบจ. ที่มาร่วมหาเสียงกันอย่างพร้อมหน้า โดยเริ่มต้นที่หน้าโรงเรียนวัดสำราญ อ.เมือง ขึ้นรถแห่ไปรอบตัวเมืองลพบุรี จากนั้น เดินทางต่อไปยัง จ.สิงห์บุรี ช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับนายสุรชัย บุญลือ ผู้สมัครนายก อบจ.สิงห์บุรี เบอร์ 3 พร้อมทีมผู้สมัคร ส.อบจ. เดินตลาดสดเทศบาล อ.เมือง เสร็จแล้วขึ้นรถแห่รณรงค์หาเสียงรอบเมืองไปจนถึงห้างสรรพสินค้าไชยแสง ลงเดินพบปะกับประชาชนที่มาจับจ่ายใช้สอย ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยัง จ.สระบุรี เพื่อช่วยรณรงค์หาเสียงให้กับ นายวิทูลย์ แก้วสุวรรณ ผู้สมัครนายก อบจ.สระบุรี เบอร์ 4 พร้อมทีมผู้สมัคร ส.อบจ. โดยเดินพบปะประชาชนที่ตลาดล้ง ผัก-ผลไม้ อ.เมือง ซึ่งบรรยากาศทั้ง 3 จังหวัด มีประชาชนให้การตอบรับอย่างอบอุ่น ต่างเข้ามาขอถ่ายรูปกับนายธนาธรอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
นายธนาธร กล่าวว่า ที่ผ่านมา อบจ. ในหลายๆ จังหวัดไม่เคยเปิดเผยข้อมูลใดๆ ต่อสาธารณะ สิ่งที่ตนต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลง คือต้องการให้งบประมาณภายใต้การบริหารงานของ อบจ. อยู่ในสายตาของพี่น้องประชาชน เปิดเผย โปร่งใส ปราศจากอิทธิพล ตนเชื่อว่าการเปิดเผยข้อมูลทุกการบริหารงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นจัดซื้อจัดจ้าง หรือการลงทุน จะนำไปสู่การเมืองที่ดี และการเมืองที่ดีนั้นจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ดังนั้น ความคิดพื้นฐานของเราคณะก้าวหน้าต้องยึดหลักการประชาธิปไตย โดยการไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพราะการซื้อสิทธิ์ขายเสียงจะนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชัน ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องกล้าออกมาเปลี่ยนแปลงจังหวัดของตัวท่านเอง โดยการออกไปเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 20 ธันวาคม นี้
"การที่เราจะได้สักหนึ่งเสียงนั้นไม่ง่ายเลย กว่าผมจะสามารถเอาชนะใจพี่น้องประชาชนได้ ต้องเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อไปเล่าความฝันให้พี่น้องประชาชนได้ฟังถึงความตั้งใจที่เราจะทำการเมืองใหม่ การเมืองที่โปร่งใส ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ผมอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าการเมืองที่ไม่ซื้อเสียงนั้นเป็นไปได้ ดังนั้น หนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงของท่านสำคัญมาก ผมอยากขอให้พี่น้องประชาชนร่วมสร้างการเมืองใหม่ไปด้วยกัน เริ่มต้นที่ไม่รับเงิน ไม่ขายเสียง เพื่อทำลายการผูกขาดทางการเมือง เงินที่เขาให้มา 500 บาท หารเฉลี่ย 4 ปี ได้ไม่ถึงวันละ 2 สลึง แต่เขาเข้าไปบริหารเงินหลักพันล้านบาท และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำลายคุณภาพชีวิตของเรา การเมืองที่ดี การเมืองที่เข้มแข็ง จะต้องแข่งขันกันด้วยนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ผมอยากให้ท่านตระหนักถึงสิทธิ์และเสียงที่ท่านมี ว่าอยากจะเห็นจังหวัดของท่านเป็นแบบไหน 20 ธันวาคมนี้ อย่านอนหลับทับสิทธิ์ ออกไปเลือกตั้ง เพื่อกำหนดอนาคตในจังหวัดของท่านเอง" นายธนาธร กล่าว
นายฤทธิ์ พัวพันธ์ ผู้สมัครนายก อบจ.ลพบุรี กล่าวว่า นโยบายของตนนั้นเน้นไปที่การให้ประชาชนได้เข้าถึงสวัสดิการ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะจังหวัดลพบุรีนั้นกำลังประสบปัญหาของการเข้าสู่สังคนผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้สถานสงเคราะห์คนชราในจังหวัดลพบุรีมีอยู่แห่งเดียว ซึ่งไม่อาจเพียงพอต่อความต้องการทั้งในวันนี้และในอนาคต ตนจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาสถานสงเคราะห์ให้เป็นศูนย์ดูแลที่ไม่ได้ให้บริการเฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น แต่แบ่งพื้นที่ในบริเวณเดียวกันให้เป็นศูนย์ดูแลเด็กก่อนวัยเรียน เพราะคนทั้งสองวัยนี้คือกลุ่มเปราะบาง อีกทั้งยังเป็นความกังวลของครอบครัวที่จะต้องออกไปทำงานในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นบริการแบบไป-กลับ และตนตั้งใจที่จะลบภาพสถานสงเคราะห์ที่บั่นทอนความภาคภูมิใจในตนด้วย เราต้องทำให้คนเท่าเทียม และรู้สึกว่าตนเองนั้นมีค่า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็ตาม
ด้าน นายสุรชัย บุญลือ ผู้สมัครนายก อบจ.สิงห์บุรี กล่าวว่า ตนมีแนวนโยบายหลายอย่างที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น หนึ่งในนโยบายคือการสร้างตลาดกลางสินค้าเพื่อการเกษตร สิงห์บุรีเคยเป็นศูนย์กลางการค้าขายของภาคกลาง แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับไม่ได้รับการสนับสนุน ตนจึงต้องการพัฒนาให้มีตลาดกลางสินค้าเพื่อการเกษตร สร้างความเป็นศูนย์กลางการประมูลสินค้าเกษตรจองภาคกลาง โดยใช้แพลตฟอร์มทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ประชาชนสามารถค้นหา ดูประเภทสินค้าการเกษตร ข้อมูลแผงค้า ผู้ค้า รวมทั้งราคากลางสินค้าเกษตรประจำวัน
ขณะที่ นายวิทูลย์ แก้วสุวรรณ ผู้สมัครนายก อบจ. สระบุรี กล่าวว่า หากตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้าไปบริหารเงินภาษีชาวสระบุรี หนึ่งในนโยบายหลักของตนคือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีและยั่งยืน เนื่องจากสระบุรีมีโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่า 1,300 แห่ง แม้จะทำให้การจัดจ้างแรงงานได้มาก นำพาเศรษฐกิจได้ดี แต่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย อบจ.ภายใต้การบริหารของตนนั้น จะสนับสนุนการติดตั้งเซนเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศให้ได้จริงอย่างน้อย 450 จุดในพื้นที่ชุมชนอย่างเช่น โรงเรียนและโรงพยาบาล นอกจากนี้ ต้องเปิดข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงได้ง่ายและตลอดเวลาทางออนไลน์ รวมถึงการส่งเรื่องร้องเรียน โดย อบจ. จะเป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เร่งแก้ปัญหาโดยเร็ว
เปิดไทม์ไลน์หนุ่มเชียงใหม่ติดโควิดรายใหม่ ทำงาน1G1-หนีเข้าไทย กลุ่มเสี่ยงอีก 5
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_5464847
เปิดไทม์ไลน์! หนุ่มเชียงใหม่ติดโควิดรายใหม่ ทำงาน1G1-หนีเข้าไทย พักแม่สาย-ขี่จยย.เข้าเมืองเชียงใหม่ ก่อนพักโรงแรมไปร้านสะดวกซื้อ กักตัว 5 รายเสี่ยง
วันที่ 4 ธ.ค.63 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 70/2563 โดยมีนพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยคณะกรรมการเข้าประชุม
นพ.จตุชัย และนพ.กิตติพันธุ์ ฉลอง ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงหลังการประชุมว่า สำหรับรายละเอียดคืบหน้าของการสอบสวนโรค กรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด รายที่ 43 และ 44 ในจ.เชียงใหม่ ขณะนี้ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ไม่มีอาการผิดปกติ ยังคงพักรักษาอยู่ที่ห้องแยกโรคความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์ สำหรับการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 7 ราย ตรวจแล้ว 3 ราย ผลตรวจเป็นลบทั้ง 3 ราย และผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ 17 ราย โดยทั้งหมดจะถูกตรวจเช่นกัน
นพ.จตุชัย กล่าวถึงกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่อีก 1 ราย พบเป็นชายไทย อายุ 32 ปี ชาวเชียงใหม่ ทำงานในสถานบันเทิงเดียวกันกับที่พบการแพร่ระบาดของโควิด-19 จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
นพ.กิตติพันธุ์ฯ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ของทีมสอบสวนโรค เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักควบคุมโรคที่ 1 พบผู้ป่วยรายนี้เริ่มมีอาการในวันที่ 30 พ.ย.63 โดยมีอาการคัดจมูก การได้รับกลิ่นลดลง และเดินทางข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติมาในช่วงค่ำวันที่ 30 พ.ย. ก่อนพักที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย 1 คืน และเดินทางเข้าพักในอ.เมือง จ.เชียงรายอีก 1 คืน จากนั้นเดินทางมาจ.เชียงใหม่โดยรถจักรยานยนต์ส่วนตัว ในวันที่ 2 ธ.ค.63 เวลาประมาณ 15.00 น. เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ (พักคนเดียว) เวลา 20.00 น. และออกไปซื้ออาหารที่ร้านสะดวกซื้อ ตลาดหน้าป.พัน 7 ประมาณ 10 นาที เพื่อซื้ออาหารมารับประทาน โดยสวมหน้ากากตลอดเวลาที่ออกไปนอกที่พัก
นพ.กิตติพันธุ์ กล่าวว่า จากนั้นวันที่ 3 ธ.ค.63 เวลา 09.45 น. เข้ารับการตรวจที่รพ.นครพิงค์ และเวลา 14.00 น. ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 พร้อมรับตัวเข้ารักษาในห้องแยกโรคความดันลบ รพ.นครพิงค์
“จากการติดตามกล้องวงจรปิดจากสถานที่ 2 แห่ง ไม่พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง แต่พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ 5 ราย จากโรงแรม และร้านสะดวกซื้อ โดยจะนัดตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อครบ 5 วันหลังสัมผัส ในวันที่ 7 ธ.ค.63” นพ.กิตติพันธุ์กล่าว
ธุรกิจการบินยังเดี้ยง เที่ยวบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองวูบ 40-60%
https://www.prachachat.net/tourism/news-568941
โควิด-19 ทุบอุตสาหกรมการบินประเทศไทย “ถาวร” เผยเที่ยวบิน “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง” วูบ 40-60% สั่งวิทยุการบิน พัฒนาศักยภาพ จัดจราจรทางอากาศให้สอดรับตลาด เชื่อมโยงสนามบินอู่ตะเภา
นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ได้เข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติงานหอควบคุมการจราจรทางอากาศสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมมอบนโยบายการทำงานให้ทางบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการการเดินอากาศท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมการบินในวงกว้าง และทั่วโลก
โดยเฉพาะปริมาณเที่ยวบินที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับปริมาณเที่ยวบิน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากเฉลี่ย 1,200 เที่ยวบิน/วัน ลดลงเหลือเฉลี่ย 480 เที่ยวบิน/วัน หรือลดลง 60% จากปริมาณเที่ยวบินปกติ และท่าอากาศยานดอนเมือง จากปริมาณเที่ยวบินปกติเฉลี่ย 800 เที่ยวบิน/วัน ลดลงเหลือเฉลี่ย 450 เที่ยวบิน/วัน หรือคิดเป็น 40% ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้หลักของ บวท.อย่างมาก
ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายเพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการองค์กรในภาวะวิกฤตไว้ 5 ด้าน ได้แก่
1. มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการให้บริการการเดินอากาศ
2. พัฒนาการบริหารจราจรทางอากาศรองรับการเติบโตในอนาคต
3. เตรียมการรองรับการให้บริการการเดินอากาศ ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
4. พัฒนาเทคโนโลยีการจราจรทางอากาศ
5. บริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ในภาวะวิกฤตของอุตสาหกรรมการบินของประเทศครั้งนี้ได้เน้นย้ำให้ บวท.รักษามาตรฐานการให้บริการการเดินอากาศด้วยประสิทธิภาพสูงสุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารและสายการบินผู้ใช้บริการเป็นสำคัญ