๙. โปฏฐปาทสูตร
.....
.....
[๓๐๙] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว จิตตหัตถิสารีบุตรได้กราบทูลว่า
ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ
1. สมัยใดมีการได้...
อัตตาที่หยาบ.....
- สมัยนั้น....ความได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ...ความได้อัตตาที่หารูปมิได้....
เป็นโมฆะ
-
มีแต่การได้อัตตาที่หยาบ....เป็นเที่ยงแท้
2. สมัยใดมีการได้...
อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ...
- สมัยนั้น.....ความได้อัตตาที่หยาบ.....ความได้อัตตาที่หารูปมิได้....
เป็นโมฆะ
-
มีแต่การได้ อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ...เป็นเที่ยงแท้
3. สมัยใดมีการได้....อัตตาที่หารูปมิได้
- สมัยนั้น.....ความได้อัตตาที่หยาบ.....ความได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ...
เป็นโมฆะ
-
มีแต่การได้อัตตาที่หารูปมิได้....เป็นเที่ยงแท้
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรจิตตะ สมัยใด
มีการได้อัตตาที่หยาบ
สมัยนั้น....ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ....ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้.....
นับว่าได้อัตตาที่หยาบอย่างเดียว
ดูกรจิตตะ สมัยใด
มีการได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ
สมัยนั้น.....ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ......ไม่นับว่าได้อัตตา ที่หารูปมิได้.......
นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจอย่างเดียว
ดูกรจิตตะ สมัยใด
มีการได้อัตตาที่หารูปมิได้
สมัยนั้น....ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ.......ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ.....
นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้ อย่างเดียว.
[๓๑๐] ดูกรจิตตะ ถ้าชนทั้งหลายพึงถามท่านว่า....
" เธอได้มีในอดีตกาล......มิใช่ว่าเธอไม่ได้มี ก็หาไม่
เธอจักมีในอนาคตกาล...มิใช่ว่าเธอจักไม่มีก็หาไม่
เธอมีอยู่ในบัดนี้.............มิใช่ว่าเธอไม่มีอยู่ ก็หามิได้ เช่นนั้นหรือ ? "
เมื่อท่านถูกถามอย่างนี้ ท่านจะพึงพยากรณ์ว่าอย่างไร?
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเขาถามข้าพระองค์อย่างนั้น ข้าพระองค์พึงพยากรณ์ว่า....
" ข้าพเจ้าได้มีแล้วในอดีตกาล...มิใช่ว่าไม่มีก็หามิได้
ข้าพเจ้าจักมีในอนาคตกาล......มิใช่ว่าจักไม่มี ก็หามิได้
ข้าพเจ้ามีอยู่ในบัดนี้................มิใช่ว่าไม่มีอยู่ก็หามิได้ "
[๓๑๑] ดูกรจิตตะ ถ้าเขาพึงถามท่านว่า...
"
เธอได้อัตตภาพที่เป็นอดีตแล้ว....การที่เธอได้อัตตภาพเช่นนั้นนั่นแหละ....
เป็นของเที่ยงแท้
การได้อัตตภาพเป็นอนาคต-เป็นปัจจุบัน...
เป็นโมฆะ
เธอจักได้อัตตภาพเป็นอนาคต.....การได้อัตตภาพเช่นนั้นเท่านั้น.....
เป็นของเที่ยงแท้
การได้ อัตตภาพเป็นอดีต เป็นปัจจุบัน....
เป็นโมฆะ
เธอได้อัตตภาพเป็นปัจจุบันในบัดนี้....การได้อัตตภาพ เช่นนั้นเท่านั้น.....
เป็นของเที่ยงแท้
การได้อัตตภาพเป็นอดีต-เป็นอนาคต....
เป็นโมฆะ
อย่างนั้น หรือ เมื่อท่านถูกถามอย่างนี้ จะพึงพยากรณ์ว่าอย่างไร? "
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเขาถามข้าพระองค์อย่างนั้น ข้าพระองค์พึงพยากรณ์ว่า....
"
ข้าพเจ้าได้อัตตภาพเป็นอดีตแล้ว.....การได้อัตตภาพเช่นนั้นเท่านั้น....
เป็นของเที่ยงแท้ในสมัยนั้น
การได้อัตตภาพเป็นอนาคต-เป็นปัจจุบัน....
เป็นโมฆะ
ข้าพเจ้าจักได้อัตตภาพเป็นอนาคต...การได้ อัตตภาพเช่นนั้นเท่านั้น....
เป็นของเที่ยงแท้ในสมัยนั้น
การได้อัตตภาพเป็นอดีต-เป็นปัจจุบัน....
เป็น โมฆะ
ข้าพเจ้าได้อัตตภาพเป็นปัจจุบันบัดนี้...การได้อัตตภาพเช่นนั้นเท่านั้น...
เป็นของเที่ยงแท้ใน สมัยนั้น
การได้อัตตภาพเป็นอดีต-เป็นอนาคต....
เป็นโมฆะ.
[๓๑๒]
ดูกรจิตตะ อย่างนั้นแหละ <----------
พระองค์ยืนยันคำกล่าวของท่านจิตต
สมัยใด....
มีการได้อัตตาที่หยาบ
สมัยนั้น ไม่นับว่า ได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้
นับว่าได้อัตตาที่หยาบอย่างเดียว.
ดูกรจิตตะ สมัยใด.....
มีการได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ
สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้
นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจอย่างเดียว.
ดูกรจิตตะ สมัยใด.....
มีการได้อัตตาที่หารูปมิได้
สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ
นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้อย่างเดียว.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ดูกรจิตตะ เหมือนอย่างว่า นมสดจากแม่โค นมส้มจากนมสด เนยข้นจากนมส้ม เนยใสจากเนยข้น หัวเนยใสจากเนยใส สมัยใดเป็นนมสด สมัยนั้น ไม่นับว่านมส้ม เนยข้น เนยใส หัวเนยใส นับว่านมสดอย่างเดียวเท่านั้น สมัยใดเป็นนมส้ม สมัยนั้น ไม่นับว่านมสด เนยข้น เนยใส หัวเนยใส นับว่าเป็นนมส้มอย่างเดียวเท่านั้น สมัยใดเป็นเนยข้น สมัยนั้น ไม่นับว่านมสด นมส้ม เนยใส หัวเนยใส นับว่าเป็นเนยข้นอย่างเดียวเท่านั้น สมัยใดเป็น เนยใส สมัยนั้นไม่นับว่านมสด นมส้ม เนยข้น หัวเนยใส นับว่าเป็นเนยใสอย่างเดียวเท่านั้น สมัยใดเป็นหัวเนยใส สมัยนั้น ไม่นับว่านมสด นมส้ม เนยข้น เนยใส นับว่าเป็นหัวเนยใส อย่างเดียวเท่านั้น ฉันใด ดูกรจิตตะ ฉันนั้นเหมือนกัน สมัยใดมีการได้อัตตาที่หยาบ สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้ นับว่าได้อัตตาที่หยาบอย่างเดียว เท่านั้น สมัยใดมีการได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ ไม่นับว่าได้ อัตตาที่หารูปมิได้ นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจอย่างเดียวเท่านั้น สมัยใดมีการได้อัตตาที่หารูป มิได้ สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ นับว่าได้อัตตาที่หารูป มิได้อย่างเดียวเท่านั้น.
ดูกรจิตตะ เหล่านี้แล
- เป็นชื่อตามโลก
- เป็นภาษาของโลก
- เป็นโวหารของโลก
- เป็นบัญญัติ ของโลก......
ที่ตถาคตกล่าวอยู่.....มิได้ยึดถือ. <------พระองค์มิได้ยึดถึงอัตตาเหล่านั้น...ที่โลกกล่าวกันอยู่นั้น
https://etipitaka.com/read/thai/9/280/
อย่าบอกว่า " อัตตาไม่มี "...นี่คือ...อัตตา 3 แบบที่ไม่เที่ยง..เป็นทุกข์...เป็นอนัตตา... จากพระสูตรนี้...ครับ
.....
.....
[๓๐๙] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว จิตตหัตถิสารีบุตรได้กราบทูลว่า
ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ
1. สมัยใดมีการได้...อัตตาที่หยาบ.....
- สมัยนั้น....ความได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ...ความได้อัตตาที่หารูปมิได้....เป็นโมฆะ
- มีแต่การได้อัตตาที่หยาบ....เป็นเที่ยงแท้
2. สมัยใดมีการได้...อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ...
- สมัยนั้น.....ความได้อัตตาที่หยาบ.....ความได้อัตตาที่หารูปมิได้....เป็นโมฆะ
- มีแต่การได้ อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ...เป็นเที่ยงแท้
3. สมัยใดมีการได้....อัตตาที่หารูปมิได้
- สมัยนั้น.....ความได้อัตตาที่หยาบ.....ความได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ...เป็นโมฆะ
- มีแต่การได้อัตตาที่หารูปมิได้....เป็นเที่ยงแท้
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรจิตตะ สมัยใด มีการได้อัตตาที่หยาบ
สมัยนั้น....ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ....ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้.....นับว่าได้อัตตาที่หยาบอย่างเดียว
ดูกรจิตตะ สมัยใด มีการได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ
สมัยนั้น.....ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ......ไม่นับว่าได้อัตตา ที่หารูปมิได้.......นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจอย่างเดียว
ดูกรจิตตะ สมัยใด มีการได้อัตตาที่หารูปมิได้
สมัยนั้น....ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ.......ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ.....นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้ อย่างเดียว.
[๓๑๐] ดูกรจิตตะ ถ้าชนทั้งหลายพึงถามท่านว่า....
" เธอได้มีในอดีตกาล......มิใช่ว่าเธอไม่ได้มี ก็หาไม่
เธอจักมีในอนาคตกาล...มิใช่ว่าเธอจักไม่มีก็หาไม่
เธอมีอยู่ในบัดนี้.............มิใช่ว่าเธอไม่มีอยู่ ก็หามิได้ เช่นนั้นหรือ ? "
เมื่อท่านถูกถามอย่างนี้ ท่านจะพึงพยากรณ์ว่าอย่างไร?
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเขาถามข้าพระองค์อย่างนั้น ข้าพระองค์พึงพยากรณ์ว่า....
" ข้าพเจ้าได้มีแล้วในอดีตกาล...มิใช่ว่าไม่มีก็หามิได้
ข้าพเจ้าจักมีในอนาคตกาล......มิใช่ว่าจักไม่มี ก็หามิได้
ข้าพเจ้ามีอยู่ในบัดนี้................มิใช่ว่าไม่มีอยู่ก็หามิได้ "
[๓๑๑] ดูกรจิตตะ ถ้าเขาพึงถามท่านว่า...
" เธอได้อัตตภาพที่เป็นอดีตแล้ว....การที่เธอได้อัตตภาพเช่นนั้นนั่นแหละ....เป็นของเที่ยงแท้
การได้อัตตภาพเป็นอนาคต-เป็นปัจจุบัน...เป็นโมฆะ
เธอจักได้อัตตภาพเป็นอนาคต.....การได้อัตตภาพเช่นนั้นเท่านั้น.....เป็นของเที่ยงแท้
การได้ อัตตภาพเป็นอดีต เป็นปัจจุบัน....เป็นโมฆะ
เธอได้อัตตภาพเป็นปัจจุบันในบัดนี้....การได้อัตตภาพ เช่นนั้นเท่านั้น.....เป็นของเที่ยงแท้
การได้อัตตภาพเป็นอดีต-เป็นอนาคต....เป็นโมฆะ
อย่างนั้น หรือ เมื่อท่านถูกถามอย่างนี้ จะพึงพยากรณ์ว่าอย่างไร? "
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเขาถามข้าพระองค์อย่างนั้น ข้าพระองค์พึงพยากรณ์ว่า....
" ข้าพเจ้าได้อัตตภาพเป็นอดีตแล้ว.....การได้อัตตภาพเช่นนั้นเท่านั้น....เป็นของเที่ยงแท้ในสมัยนั้น
การได้อัตตภาพเป็นอนาคต-เป็นปัจจุบัน....เป็นโมฆะ
ข้าพเจ้าจักได้อัตตภาพเป็นอนาคต...การได้ อัตตภาพเช่นนั้นเท่านั้น....เป็นของเที่ยงแท้ในสมัยนั้น
การได้อัตตภาพเป็นอดีต-เป็นปัจจุบัน....เป็น โมฆะ
ข้าพเจ้าได้อัตตภาพเป็นปัจจุบันบัดนี้...การได้อัตตภาพเช่นนั้นเท่านั้น...เป็นของเที่ยงแท้ใน สมัยนั้น
การได้อัตตภาพเป็นอดีต-เป็นอนาคต....เป็นโมฆะ.
[๓๑๒] ดูกรจิตตะ อย่างนั้นแหละ <----------พระองค์ยืนยันคำกล่าวของท่านจิตต
สมัยใด....มีการได้อัตตาที่หยาบ
สมัยนั้น ไม่นับว่า ได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้
นับว่าได้อัตตาที่หยาบอย่างเดียว.
ดูกรจิตตะ สมัยใด.....มีการได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ
สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ ไม่นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้
นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจอย่างเดียว.
ดูกรจิตตะ สมัยใด.....มีการได้อัตตาที่หารูปมิได้
สมัยนั้น ไม่นับว่าได้อัตตาที่หยาบ ไม่นับว่าได้อัตตาที่สำเร็จด้วยใจ
นับว่าได้อัตตาที่หารูปมิได้อย่างเดียว.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดูกรจิตตะ เหล่านี้แล
- เป็นชื่อตามโลก
- เป็นภาษาของโลก
- เป็นโวหารของโลก
- เป็นบัญญัติ ของโลก......ที่ตถาคตกล่าวอยู่.....มิได้ยึดถือ. <------พระองค์มิได้ยึดถึงอัตตาเหล่านั้น...ที่โลกกล่าวกันอยู่นั้น
https://etipitaka.com/read/thai/9/280/