.
เพราะความเป็นบุคคลหนึ่งที่ค่อนข้างเรียนดีในห้อง จึงเป็นที่หมายตาต้องใจของคุณครูทุกวิชา รวมทั้งเพื่อนคนอื่นด้วย และหนึ่งในนั้นก็มีครูประจำวิชาภาษาไทยที่มองเห็นแสงสว่างในตัวของเธอ รู้ว่าเธอคมในฝักชักออกมามีแต่ขี้เลื่อย
“สุนิสา จันทรา ชินพงศ์ พิศมัย วิสาชล หมดชั่วโมงเรียนไปหาอาจารย์ที่โต๊ะหน่อยนะ อาจารย์มีอะไรจะให้ช่วย” อาจารย์นัดแนะพวกเธอห้าคนให้ไปพบหลังหมดคาบเรียนชั่วโมงสุดท้าย
“ค่า/ครับ ว่าแต่ช่วยเรื่องอะไรเหรอครับอาจารย์” ชินพงศ์ถามอาจารย์ด้วยความสงสัย ไม่เพียงแค่เพื่อนที่สงสัย บอสก็สงสัยเหมือนกัน แต่อีกไม่นานก็คงได้หายสงสัยว่าอาจารย์จะให้ช่วยอะไร เรียนอีกหนึ่งวิชาก็หมดคาบเรียนแล้ว
“ไปหาอาจารย์เดี๋ยวก็รู้ มาเรียนต่อถึงไหนแล้ว คำเป็นคำตายนะนักเรียน มันเป็นยังไง...” อาจารย์ทำการสอนต่อ ปล่อยให้พวกเธอสงสัยอยู่อย่างนั้น บอสแอบคิดไปต่าง ๆ นานา ว่าอาจารย์อาจให้ทำนู่นทำนี่ก็ได้ แต่อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด แล้วมันคืออะไร เธอนึกไปเรื่อยระหว่างเรียน
วิชาต่อไปเป็นวิชาสุขศึกษา และในที่สุดก็หมดชั่วโมงเรียน ต่อจากนี้ไปเป็นชั่วโมงว่างรอโรงเรียนเลิก บอสกับเพื่อน ๆ ทั้งสี่คนต่างรีบเดินไปหาอาจารย์ดารินที่โต๊ะ อยากรู้ว่าอาจารย์จะให้ช่วยทำอะไร ช่วยงานเรื่องอะไร
“อาจารย์ดารินคะ พวกหนูมาแล้วค่ะ” บอสเดินโค้งตัวเข้าไปหาอาจารย์กับเพื่อน ๆ ที่โต๊ะ ซึ่งเหมือนอาจารย์กำลังรอพวกเธอด้วย ที่โต๊ะปฏิบัติการตรงหน้ามีเอกสารจำนวนหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ บอสสงสัยอาจารย์จะให้ทำอะไร
“อ่ะนี่แบ่งกันใครจะเอาชุดไหน” อาจารย์ยื่นเอกสารทั้งหมดห้าชุดให้กับพวกเธอไปแบ่งกัน พวกเธอก็แบ่งโดยที่ยังไม่รู้อะไรเลย
บอสอ่านดูคร่าว ๆ ที่หัวกระดาษเขียนว่าเกร็ดความรู้ และก็มีข้อมูลเรื่องนั้น ๆ เป็นจำนวนสองแผ่น ของเพื่อนบางคนสามแผ่น บางคนแผ่นเดียวบ้าง ที่ทราบเพราะเธอหันไปมองของเพื่อน ๆ นั้นเอง
“ยังไงครับอาจารย์” ชินพงศ์ถาม อาจารย์จะให้พวกเธอทำอะไรกันแน่ เอกสารเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วอย่างไรต่อ เธอเองก็สงสัยเหมือนกัน แล้วสุดท้ายก็เหมือนฟ้าถล่ม ดินทลายเมื่ออาจารย์บอกความจริงแก่พวกเธอ
“เอกสารเกร็ดความรู้ อาจารย์จะให้พวกเธอออกไปอ่านหน้าเสาธงในตอนเช้า ไม่ต้องนำเอกสารออกไปอ่านนะ ให้พวกเธออ่าน ๆ แล้วถอดใจความออกมาพูดพอ”
“อาจารย์! “ บอสอุทานออกมาเบา ๆ หัวใจเต้นแรง เธอเป็นคนไม่กล้าแสดงออกในเรื่องแบบนี้ ถ้าอย่างอื่นที่ไม่ดีว่าไปอย่าง ไม่เพียงเธอคนอื่น ๆ ที่เหลือก็ตกใจ เพราะไม่มีใครกล้าแสดงออกทุกคน เรื่องกล้าแสดงออกไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไหร่ แต่ทำอย่างไรถึงจะจำได้นี่สิปัญหาของแท้
“มีเวลาเตรียมตัวตั้งหลายวัน พรุ่งนี้ก็เสาร์อาทิตย์แล้ว พุ้นน่ะมีเวลาเตรียมตัวตั้งสองวัน”
“แค่สองวัน!” บอสรู้สึกอยากจะร้องไห้มากที่สุด การปลอบใจตัวเองเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในตอนนี้ และรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทำไมอาจารย์ถึงเลือกเธอ คนอื่นในห้องมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นเธอ นรกแกล้งกันหรืออย่างไร บอสพูดคนเดียวภายในใจ
“อาจารย์ให้เกียรติผู้ชายก่อน วันจันทร์ชินพงศ์ วันอังคารจันทรา วันพุธสุนิสา... “ ฮะ! วันพุธเป็นคิวของเธอ ตายแน่ต้องตายแน่ ๆ จิตใจของเธอปั่นป่วนไปหมด อยากจะร้องไห้ก็มิปาน
ไม่พอใจแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ เหมือนโดนมัดมือชกดิ้นไปไหนไม่ได้เลย เหมือนโดนฟ้าสาปให้ทำเรื่องที่ยาก มันยากมากที่จะให้เธอไปยืนหน้าเสาธงถือไมค์พูด มีนักเรียนเกือบพันคน สายตาเกือบสองพันข้าง มองมายังเธอที่ยืนอยู่หน้าเสาธงคนเดียว แค่คิดก็อยากจะเป็นลมล้มพับมันซะตรงนี้
ได้แค่จำใจยอมรับ “ค่า/ครับ” แล้วพวกเธอก็เดินออกมา ไม่พูดอะไร แยกย้ายกันไปกลุ่มใครกลุ่มมัน บอสเดินมาหากลุ่มจอยที่อยู่หน้าโรงยิมกับออย กลุ่มของเธอนั่งอยู่สนามหญ้าสวนหย่อม ภารโรงรดน้ำเปียกแค่ไหนพวกเธอก็ไม่หวั่น ยังนั่งเหมือนเดิม
“บอสครูดารินเรียกมืงไปทำอะไร” เมื่อเธอเดินมาถึง วางกระเป๋าลงและนั่งลงข้าง ๆ ชมพู่ ชมพู่ถามด้วยความอยากรู้
“ก็นี่ไง! กูโคตรเซ็งเลย แมร่ง ใครจะกล้าออกไปพูดหน้าเสาธงวะ แล้วทำไมคน ๆ นั้นต้องเป็นกูด้วย” บอสไม่เก็บกักความรู้สึกไว้อีกแล้ว พออยู่กับเพื่อนสนิทจึงระบายมันออกมาให้หมด
“ช่วยไม่ได้! มืงอยากเรียนเก่งเอง แล้วออกไปพูดวันไหน” เตยถามพร้อมหัวเราะเยาะเธอ ใช่สิก็ไม่ได้ออกไปพูดหนิ เอกสารก็ไม่ให้เอาออกไปดู แมร่งก็หัวเราะได้ดิ เธอหน้าบึ้งมองเพื่อน ๆ หัวเราะเยาะแล้วนึกหมั่นไส้อยู่ในใจ
“วันพุธ ไอ้โอวันจันทร์ อี่ออยวันอังคาร วันพุธกูเนี่ย ฮ่วย แล้วก็ไม่ให้กูเอาเอกสารไปดูด้วยนะ แล้วใครมันจะจำได้” ทว่ายังดีที่เธอไม่ใช่คนแรก ยังได้เป็นคนที่สาม เกร็ดความรู้ของเธอได้มาตั้งสองแผ่น ชินพงศ์พูดคนแรกก็จริง แค่สั้น ๆ แค่แผ่นเดียวเท่านั้น
หลังจากเลิกเรียนวันศุกร์ บอสก็ไม่ไปเล่นที่ไหนเลย ทำงานบ้านเสร็จก็เอาแต่นั่งอ่านเกร็ดความรู้ที่อาจารย์ให้มา ไม่ใช่นั่งอ่านแต่มันคือการนั่งท่องจำต่างหาก
หลังทานข้าวเสร็จเธอไม่ดูละครเหมือนเคย ออกมานั่งเปลหน้าบ้านท่องจำเรื่องที่ได้มา เทคนิคการท่องจำของเธอคือ จำที่ละวรรคทีละแถวอยู่อย่างนั้น อ่านไปก็ปิดเอกสารไปด้วย มันช่างบีบหัวใจและกดดันเหลือเกิน และเหนื่อยด้วย
ตลอดระยะวันหยุดสองวัน เสาร์อาทิตย์บอสไม่ไปเล่นเหมือนเคย คอยแต่นั่งท่องเอกสาร ตอนเช้าตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ตีสี่ ตื่นจริง ๆ ก็เกือบตีห้า บอสลุกมาท่องเอกสาร ตื่นเป็นเพื่อนยายไปในตัว ตอนเช้ามืดยายจะตื่นมานึ่งข้าวทำกับข้าวให้พวกเธอทุกวัน
“ต้นกล้วยสามารถนำไปใช้! นำไปใช้! ใช้แล้วอะไรต่อวะ” ตีสี่ครึ่งของวันอาทิตย์บอสตื่นขึ้นมานั่งท่องจำข้อมูลในเอกสารที่ได้มา ใช้วิธีท่องทีละแถวกันเลย เธอนั่งอยู่บนบันไดบ้าน นั่งท่องหนังสืออยู่อย่างนั้น ยายกำลังก่อไฟนึ่งข้าว ตาลุกมาออกกำลังกายแบบเบา ๆ หน้าทีวี
“โอ้ยอี่โง่! สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง” บอสค่อนข้างใส่อารมณ์ในการท่องจำของตนเองมาก ก็พึ่งอ่านไปเมื่อครู่ยังจำไม่ได้อีก เธอคว่ำเอกสารไว้ ปากก็ท่องตัวหนังสือไป จำไม่ได้ก็หยิบมาดูแล้วก็ด่าตัวเองว่าโง่อยู่อย่างนั้น
“อ่านอะไรบอส” ตาถามเธอ ตากำลังสะบัดแขนสะบัดขาออกกำลังกาย พอออกกำลังกายเสร็จก็ให้ยายชงโอวัลตินให้ดื่มอย่างสบายใจ
“อ่านการบ้านตา ครูให้บอสท่องจำแล้วไปอ่านหน้าเสาธง” เธอตอบ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาท่องจำต่อ ไป เธอท่องจำได้บ้างแล้วในบางส่วน มีบ้างที่ลืม ทว่าเธอจำได้หมดภายในสองวัน แค่ต้องฝึกอ่านทุกวันจนกว่าจะถึงวันพุธเท่านั้นเอง หากเธอหยุดทบทวนเกรงว่าตัวเองจะลืม คอยดูนะผ่านวันพุธไปเมื่อไหร่เธอจะฉลองให้ดู โดยการเปิดทีวีดูทั้งวันทั้งคืนเลย และนอนตื่นสาย ๆ คอยดู
ตลอดระยะเวลาเสาร์อาทิตย์ เธอไม่ไปเล่นกับพี่สาวฝาแฝด หรือใครเลย นั่งท่องเกร็ดความรู้อย่างเดียว เดินไปไหนก็ถือไปด้วย จะหยุดก็ต่อเมื่อทานข้าวและเข้าห้องน้ำเท่านั้น แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำยังก็ไม่หยุดท่อง กลัวจะลืมหมด
สมองท่องจำตัวหนังสือ ภายในใจก็เที่ยวปลอบใจตัวเองว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ผ่านไป เดี๋ยววันพุธมันก็ผ่านไป เรื่องแค่นี้ผ่านไปไม่ได้โตขึ้นเจอปัญหาใหญ่เธอจะทำอย่างไร สุดท้ายก็ทำใจ ทำใจ พูดวนเวียนอยู่อย่างนั้น
และแล้ววันพุธที่เธอไม่ได้รอคอยก็มาถึง วันนี้เธอตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเช่นเดิม นั่งท่องทบทวนอยู่หลายรอบ มาถึงวันนี้เธอท่องได้หมดทุกคำ ทุกตัวอักษรกันเลยทีเดียว จึงค่อนข้างสบายใจ เรื่องที่เป็นกังวลเป็นเรื่องความอายมากกว่า อายที่จะต้องไปยืนให้คนเกือบพันคนมอง
เช้าวันพุธนักเรียนทุกคนเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธงปกติ ผู้อำนวยการและครูเวรประจำวันออกไปพูดพบปะนักเรียนหน้าเสาธงเช่นเคยในตอนเช้า บอสสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยู่ตลอดเวลา หัวใจเต้นแรง จนเธอสัมผัสได้ หากมันหลุดออกจากตัวได้มันคงทำไปแล้ว
ถ้าใครเอามือมาสัมผัสหน้าอกของเธอ สามารถรับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจของเธอที่มันเร็วและแรงขึ้นแน่นอน หรือเธอจะเป็นลมให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย จะได้ไม่ต้องออกไปพูด
อาจารย์ดารินเดินออกไปหน้าเสาธง เธอแทบอยากจะกรี๊ดออกมาสุดเสียง เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอาออกมาใช้รัว ๆ พูดอยู่เบา ๆ คนเดียวอยู่อย่างนั้น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อยากจะร้องไห้ก็มิปาน กรรมอะไรของอี่บอสกันนะ เรียนปึก ๆ นึงกะเข้าตาครู เธอโมโหตัวเอง
บอสลุกออกจากแถวเดินตามอาจารย์ดารินออกไปหน้าเสาธง อาการสั่นเริ่มมา เริ่มจากขามาที่แขนและมาที่ปากกันเลยทีเดียว บอสพยายามข่มตัวเองให้นิ่งที่สุด เก็บอาการที่สุด พยายามยิ้มสู้พันกว่าคนในแถว ไม่ให้พวกเขาจับได้ว่าเธอกำลังสั่น
“อาจารย์ขอเวลาสัก 10 นาทีค่ะ อาจารย์มีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากน้องชั้น ม.1 มาเล่าสู่กันฟังอีกเรื่องค่ะ จะเป็นเรื่องอะไรนั่น เชิญรับชมรับฟังได้เลยค่ะ ขอเสียงปรบมือให้ผู้บรรยายหน่อยค่า”
อาจารย์ยื่นไมค์โคโฟนให้เธอ พร้อมเสียงปรบมือที่ดังกระหึ่ม บอสกวาดสายตามองเข้าไปในแถวตรงหน้า ทำใจดีสู้เสือ ทุกคนจ้องมองมาที่เธอกันเป็นสายตาเดียว บอสยิ้มก่อนจะแนะนำตัว ทว่าขาเริ่มสั่นมาครึ่งตัวแล้ว
บอสรับไมค์มาจากอาจารย์ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เต็มปอด ก่อนจะแนะนำตนเอง
“เรียนท่านผู้อำนวยการ คณะอาจารย์ทุกท่าน และสวัสดีเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนค่ะ ดิฉันเด็กหญิง สุนิสา ทรัพย์ทวีสินธุ์ค่ะ เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ฑิฆัมพรค่ะ วันนี้ดิฉันมีเกร็ดความรู้ดี ๆ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ นั่นก็เรื่องต้นกล้วยให้ประโยชน์อย่างไร...”
แล้วเธอก็ร่ายยาวไป แบบตะกุกตะกักนิดหน่อย อาการสั่นเริ่มมา มันเริ่มที่ขาขึ้นมาที่แขนและมาที่ปาก แม้กระทั่งใบหน้า แววตาเหม่อลอยเพราะกำลังนึกอยู่ มาถึงนี่แล้วอะไรต่อ “เอ่อ... ใบของมันสามารถนำไปทำได้หลายอย่าง เช่น...”
เธออ่านลัดครึ่งลัดกลาง จับตรงนั้นมาต่อตรงนี้เพราะลืม และสุดท้ายเธอก็ผ่านมันไปได้ อาจารย์ดารินยืนหัวเราะเธออยู่ใกล้ ๆ เธอจับมาใส่มั่ว ๆ ก็ไม่มีใครจับได้ เพราะไม่มีใครสนใจข้อมูลสักเท่าไหร่
“ก็จบลงไปแล้วค่ะสำหรับเกร็ดความรู้เรื่องต้นกล้วยมีประโยชน์อย่างไร ขอบคุณค่ะ” พอพูดประโยคคำว่าขอบคุณค่ะ บอสแทบอยากกระโดดฉีกแข่งฉีกขาที่สุด เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ก่อนจะยื่นไมค์ให้ครูดาริน แล้วเดินเข้าไปนั่งในแถวเหมือนเดิม
ทุกคนปรบมือให้เธอ พ่นหายใจออกมายาว ๆ จบสักทีนะบอส อย่าได้มีแบบนี้อีกเลยเหอะ ไม่อยากทำ เธออาย เธอไม่กล้าแสดงออก...
บอสนอนนึกถึงเรื่องราวในอดีตสมัยมัธยม ทำไมเธอถึงจำอะไรได้ยาวขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นบทความอะไรก็แล้วแต่ ตารางธาตุก็จำได้ สูตรคณิตศาสตร์ ไซน์คลอสแทนก็จำได้ อะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง จำได้หมด
ตอนนี้เหรอ อ่านผ่านไปสามวินาทีก็ลืมหมดแล้ว กลับมาถามใหม่ ตอนนั้นสองหน้ากระดาษยังจำได้ และจำได้ภายในวันเดียวด้วย ถ้าตั้งใจจริง ๆ วันนี้แถวเดี๋ยวยังลืม
คิดถึง 2 บทที่ 14
.
เพราะความเป็นบุคคลหนึ่งที่ค่อนข้างเรียนดีในห้อง จึงเป็นที่หมายตาต้องใจของคุณครูทุกวิชา รวมทั้งเพื่อนคนอื่นด้วย และหนึ่งในนั้นก็มีครูประจำวิชาภาษาไทยที่มองเห็นแสงสว่างในตัวของเธอ รู้ว่าเธอคมในฝักชักออกมามีแต่ขี้เลื่อย
“สุนิสา จันทรา ชินพงศ์ พิศมัย วิสาชล หมดชั่วโมงเรียนไปหาอาจารย์ที่โต๊ะหน่อยนะ อาจารย์มีอะไรจะให้ช่วย” อาจารย์นัดแนะพวกเธอห้าคนให้ไปพบหลังหมดคาบเรียนชั่วโมงสุดท้าย
“ค่า/ครับ ว่าแต่ช่วยเรื่องอะไรเหรอครับอาจารย์” ชินพงศ์ถามอาจารย์ด้วยความสงสัย ไม่เพียงแค่เพื่อนที่สงสัย บอสก็สงสัยเหมือนกัน แต่อีกไม่นานก็คงได้หายสงสัยว่าอาจารย์จะให้ช่วยอะไร เรียนอีกหนึ่งวิชาก็หมดคาบเรียนแล้ว
“ไปหาอาจารย์เดี๋ยวก็รู้ มาเรียนต่อถึงไหนแล้ว คำเป็นคำตายนะนักเรียน มันเป็นยังไง...” อาจารย์ทำการสอนต่อ ปล่อยให้พวกเธอสงสัยอยู่อย่างนั้น บอสแอบคิดไปต่าง ๆ นานา ว่าอาจารย์อาจให้ทำนู่นทำนี่ก็ได้ แต่อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด แล้วมันคืออะไร เธอนึกไปเรื่อยระหว่างเรียน
วิชาต่อไปเป็นวิชาสุขศึกษา และในที่สุดก็หมดชั่วโมงเรียน ต่อจากนี้ไปเป็นชั่วโมงว่างรอโรงเรียนเลิก บอสกับเพื่อน ๆ ทั้งสี่คนต่างรีบเดินไปหาอาจารย์ดารินที่โต๊ะ อยากรู้ว่าอาจารย์จะให้ช่วยทำอะไร ช่วยงานเรื่องอะไร
“อาจารย์ดารินคะ พวกหนูมาแล้วค่ะ” บอสเดินโค้งตัวเข้าไปหาอาจารย์กับเพื่อน ๆ ที่โต๊ะ ซึ่งเหมือนอาจารย์กำลังรอพวกเธอด้วย ที่โต๊ะปฏิบัติการตรงหน้ามีเอกสารจำนวนหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ บอสสงสัยอาจารย์จะให้ทำอะไร
“อ่ะนี่แบ่งกันใครจะเอาชุดไหน” อาจารย์ยื่นเอกสารทั้งหมดห้าชุดให้กับพวกเธอไปแบ่งกัน พวกเธอก็แบ่งโดยที่ยังไม่รู้อะไรเลย
บอสอ่านดูคร่าว ๆ ที่หัวกระดาษเขียนว่าเกร็ดความรู้ และก็มีข้อมูลเรื่องนั้น ๆ เป็นจำนวนสองแผ่น ของเพื่อนบางคนสามแผ่น บางคนแผ่นเดียวบ้าง ที่ทราบเพราะเธอหันไปมองของเพื่อน ๆ นั้นเอง
“ยังไงครับอาจารย์” ชินพงศ์ถาม อาจารย์จะให้พวกเธอทำอะไรกันแน่ เอกสารเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วอย่างไรต่อ เธอเองก็สงสัยเหมือนกัน แล้วสุดท้ายก็เหมือนฟ้าถล่ม ดินทลายเมื่ออาจารย์บอกความจริงแก่พวกเธอ
“เอกสารเกร็ดความรู้ อาจารย์จะให้พวกเธอออกไปอ่านหน้าเสาธงในตอนเช้า ไม่ต้องนำเอกสารออกไปอ่านนะ ให้พวกเธออ่าน ๆ แล้วถอดใจความออกมาพูดพอ”
“อาจารย์! “ บอสอุทานออกมาเบา ๆ หัวใจเต้นแรง เธอเป็นคนไม่กล้าแสดงออกในเรื่องแบบนี้ ถ้าอย่างอื่นที่ไม่ดีว่าไปอย่าง ไม่เพียงเธอคนอื่น ๆ ที่เหลือก็ตกใจ เพราะไม่มีใครกล้าแสดงออกทุกคน เรื่องกล้าแสดงออกไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไหร่ แต่ทำอย่างไรถึงจะจำได้นี่สิปัญหาของแท้
“มีเวลาเตรียมตัวตั้งหลายวัน พรุ่งนี้ก็เสาร์อาทิตย์แล้ว พุ้นน่ะมีเวลาเตรียมตัวตั้งสองวัน”
“แค่สองวัน!” บอสรู้สึกอยากจะร้องไห้มากที่สุด การปลอบใจตัวเองเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในตอนนี้ และรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทำไมอาจารย์ถึงเลือกเธอ คนอื่นในห้องมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นเธอ นรกแกล้งกันหรืออย่างไร บอสพูดคนเดียวภายในใจ
“อาจารย์ให้เกียรติผู้ชายก่อน วันจันทร์ชินพงศ์ วันอังคารจันทรา วันพุธสุนิสา... “ ฮะ! วันพุธเป็นคิวของเธอ ตายแน่ต้องตายแน่ ๆ จิตใจของเธอปั่นป่วนไปหมด อยากจะร้องไห้ก็มิปาน
ไม่พอใจแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ เหมือนโดนมัดมือชกดิ้นไปไหนไม่ได้เลย เหมือนโดนฟ้าสาปให้ทำเรื่องที่ยาก มันยากมากที่จะให้เธอไปยืนหน้าเสาธงถือไมค์พูด มีนักเรียนเกือบพันคน สายตาเกือบสองพันข้าง มองมายังเธอที่ยืนอยู่หน้าเสาธงคนเดียว แค่คิดก็อยากจะเป็นลมล้มพับมันซะตรงนี้
ได้แค่จำใจยอมรับ “ค่า/ครับ” แล้วพวกเธอก็เดินออกมา ไม่พูดอะไร แยกย้ายกันไปกลุ่มใครกลุ่มมัน บอสเดินมาหากลุ่มจอยที่อยู่หน้าโรงยิมกับออย กลุ่มของเธอนั่งอยู่สนามหญ้าสวนหย่อม ภารโรงรดน้ำเปียกแค่ไหนพวกเธอก็ไม่หวั่น ยังนั่งเหมือนเดิม
“บอสครูดารินเรียกมืงไปทำอะไร” เมื่อเธอเดินมาถึง วางกระเป๋าลงและนั่งลงข้าง ๆ ชมพู่ ชมพู่ถามด้วยความอยากรู้
“ก็นี่ไง! กูโคตรเซ็งเลย แมร่ง ใครจะกล้าออกไปพูดหน้าเสาธงวะ แล้วทำไมคน ๆ นั้นต้องเป็นกูด้วย” บอสไม่เก็บกักความรู้สึกไว้อีกแล้ว พออยู่กับเพื่อนสนิทจึงระบายมันออกมาให้หมด
“ช่วยไม่ได้! มืงอยากเรียนเก่งเอง แล้วออกไปพูดวันไหน” เตยถามพร้อมหัวเราะเยาะเธอ ใช่สิก็ไม่ได้ออกไปพูดหนิ เอกสารก็ไม่ให้เอาออกไปดู แมร่งก็หัวเราะได้ดิ เธอหน้าบึ้งมองเพื่อน ๆ หัวเราะเยาะแล้วนึกหมั่นไส้อยู่ในใจ
“วันพุธ ไอ้โอวันจันทร์ อี่ออยวันอังคาร วันพุธกูเนี่ย ฮ่วย แล้วก็ไม่ให้กูเอาเอกสารไปดูด้วยนะ แล้วใครมันจะจำได้” ทว่ายังดีที่เธอไม่ใช่คนแรก ยังได้เป็นคนที่สาม เกร็ดความรู้ของเธอได้มาตั้งสองแผ่น ชินพงศ์พูดคนแรกก็จริง แค่สั้น ๆ แค่แผ่นเดียวเท่านั้น
หลังจากเลิกเรียนวันศุกร์ บอสก็ไม่ไปเล่นที่ไหนเลย ทำงานบ้านเสร็จก็เอาแต่นั่งอ่านเกร็ดความรู้ที่อาจารย์ให้มา ไม่ใช่นั่งอ่านแต่มันคือการนั่งท่องจำต่างหาก
หลังทานข้าวเสร็จเธอไม่ดูละครเหมือนเคย ออกมานั่งเปลหน้าบ้านท่องจำเรื่องที่ได้มา เทคนิคการท่องจำของเธอคือ จำที่ละวรรคทีละแถวอยู่อย่างนั้น อ่านไปก็ปิดเอกสารไปด้วย มันช่างบีบหัวใจและกดดันเหลือเกิน และเหนื่อยด้วย
ตลอดระยะวันหยุดสองวัน เสาร์อาทิตย์บอสไม่ไปเล่นเหมือนเคย คอยแต่นั่งท่องเอกสาร ตอนเช้าตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ตีสี่ ตื่นจริง ๆ ก็เกือบตีห้า บอสลุกมาท่องเอกสาร ตื่นเป็นเพื่อนยายไปในตัว ตอนเช้ามืดยายจะตื่นมานึ่งข้าวทำกับข้าวให้พวกเธอทุกวัน
“ต้นกล้วยสามารถนำไปใช้! นำไปใช้! ใช้แล้วอะไรต่อวะ” ตีสี่ครึ่งของวันอาทิตย์บอสตื่นขึ้นมานั่งท่องจำข้อมูลในเอกสารที่ได้มา ใช้วิธีท่องทีละแถวกันเลย เธอนั่งอยู่บนบันไดบ้าน นั่งท่องหนังสืออยู่อย่างนั้น ยายกำลังก่อไฟนึ่งข้าว ตาลุกมาออกกำลังกายแบบเบา ๆ หน้าทีวี
“โอ้ยอี่โง่! สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง” บอสค่อนข้างใส่อารมณ์ในการท่องจำของตนเองมาก ก็พึ่งอ่านไปเมื่อครู่ยังจำไม่ได้อีก เธอคว่ำเอกสารไว้ ปากก็ท่องตัวหนังสือไป จำไม่ได้ก็หยิบมาดูแล้วก็ด่าตัวเองว่าโง่อยู่อย่างนั้น
“อ่านอะไรบอส” ตาถามเธอ ตากำลังสะบัดแขนสะบัดขาออกกำลังกาย พอออกกำลังกายเสร็จก็ให้ยายชงโอวัลตินให้ดื่มอย่างสบายใจ
“อ่านการบ้านตา ครูให้บอสท่องจำแล้วไปอ่านหน้าเสาธง” เธอตอบ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาท่องจำต่อ ไป เธอท่องจำได้บ้างแล้วในบางส่วน มีบ้างที่ลืม ทว่าเธอจำได้หมดภายในสองวัน แค่ต้องฝึกอ่านทุกวันจนกว่าจะถึงวันพุธเท่านั้นเอง หากเธอหยุดทบทวนเกรงว่าตัวเองจะลืม คอยดูนะผ่านวันพุธไปเมื่อไหร่เธอจะฉลองให้ดู โดยการเปิดทีวีดูทั้งวันทั้งคืนเลย และนอนตื่นสาย ๆ คอยดู
ตลอดระยะเวลาเสาร์อาทิตย์ เธอไม่ไปเล่นกับพี่สาวฝาแฝด หรือใครเลย นั่งท่องเกร็ดความรู้อย่างเดียว เดินไปไหนก็ถือไปด้วย จะหยุดก็ต่อเมื่อทานข้าวและเข้าห้องน้ำเท่านั้น แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำยังก็ไม่หยุดท่อง กลัวจะลืมหมด
สมองท่องจำตัวหนังสือ ภายในใจก็เที่ยวปลอบใจตัวเองว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ผ่านไป เดี๋ยววันพุธมันก็ผ่านไป เรื่องแค่นี้ผ่านไปไม่ได้โตขึ้นเจอปัญหาใหญ่เธอจะทำอย่างไร สุดท้ายก็ทำใจ ทำใจ พูดวนเวียนอยู่อย่างนั้น
และแล้ววันพุธที่เธอไม่ได้รอคอยก็มาถึง วันนี้เธอตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเช่นเดิม นั่งท่องทบทวนอยู่หลายรอบ มาถึงวันนี้เธอท่องได้หมดทุกคำ ทุกตัวอักษรกันเลยทีเดียว จึงค่อนข้างสบายใจ เรื่องที่เป็นกังวลเป็นเรื่องความอายมากกว่า อายที่จะต้องไปยืนให้คนเกือบพันคนมอง
เช้าวันพุธนักเรียนทุกคนเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธงปกติ ผู้อำนวยการและครูเวรประจำวันออกไปพูดพบปะนักเรียนหน้าเสาธงเช่นเคยในตอนเช้า บอสสูดหายใจเข้าลึก ๆ อยู่ตลอดเวลา หัวใจเต้นแรง จนเธอสัมผัสได้ หากมันหลุดออกจากตัวได้มันคงทำไปแล้ว
ถ้าใครเอามือมาสัมผัสหน้าอกของเธอ สามารถรับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจของเธอที่มันเร็วและแรงขึ้นแน่นอน หรือเธอจะเป็นลมให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย จะได้ไม่ต้องออกไปพูด
อาจารย์ดารินเดินออกไปหน้าเสาธง เธอแทบอยากจะกรี๊ดออกมาสุดเสียง เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเอาออกมาใช้รัว ๆ พูดอยู่เบา ๆ คนเดียวอยู่อย่างนั้น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อยากจะร้องไห้ก็มิปาน กรรมอะไรของอี่บอสกันนะ เรียนปึก ๆ นึงกะเข้าตาครู เธอโมโหตัวเอง
บอสลุกออกจากแถวเดินตามอาจารย์ดารินออกไปหน้าเสาธง อาการสั่นเริ่มมา เริ่มจากขามาที่แขนและมาที่ปากกันเลยทีเดียว บอสพยายามข่มตัวเองให้นิ่งที่สุด เก็บอาการที่สุด พยายามยิ้มสู้พันกว่าคนในแถว ไม่ให้พวกเขาจับได้ว่าเธอกำลังสั่น
“อาจารย์ขอเวลาสัก 10 นาทีค่ะ อาจารย์มีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากน้องชั้น ม.1 มาเล่าสู่กันฟังอีกเรื่องค่ะ จะเป็นเรื่องอะไรนั่น เชิญรับชมรับฟังได้เลยค่ะ ขอเสียงปรบมือให้ผู้บรรยายหน่อยค่า”
อาจารย์ยื่นไมค์โคโฟนให้เธอ พร้อมเสียงปรบมือที่ดังกระหึ่ม บอสกวาดสายตามองเข้าไปในแถวตรงหน้า ทำใจดีสู้เสือ ทุกคนจ้องมองมาที่เธอกันเป็นสายตาเดียว บอสยิ้มก่อนจะแนะนำตัว ทว่าขาเริ่มสั่นมาครึ่งตัวแล้ว
บอสรับไมค์มาจากอาจารย์ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เต็มปอด ก่อนจะแนะนำตนเอง
“เรียนท่านผู้อำนวยการ คณะอาจารย์ทุกท่าน และสวัสดีเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนค่ะ ดิฉันเด็กหญิง สุนิสา ทรัพย์ทวีสินธุ์ค่ะ เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ฑิฆัมพรค่ะ วันนี้ดิฉันมีเกร็ดความรู้ดี ๆ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ นั่นก็เรื่องต้นกล้วยให้ประโยชน์อย่างไร...”
แล้วเธอก็ร่ายยาวไป แบบตะกุกตะกักนิดหน่อย อาการสั่นเริ่มมา มันเริ่มที่ขาขึ้นมาที่แขนและมาที่ปาก แม้กระทั่งใบหน้า แววตาเหม่อลอยเพราะกำลังนึกอยู่ มาถึงนี่แล้วอะไรต่อ “เอ่อ... ใบของมันสามารถนำไปทำได้หลายอย่าง เช่น...”
เธออ่านลัดครึ่งลัดกลาง จับตรงนั้นมาต่อตรงนี้เพราะลืม และสุดท้ายเธอก็ผ่านมันไปได้ อาจารย์ดารินยืนหัวเราะเธออยู่ใกล้ ๆ เธอจับมาใส่มั่ว ๆ ก็ไม่มีใครจับได้ เพราะไม่มีใครสนใจข้อมูลสักเท่าไหร่
“ก็จบลงไปแล้วค่ะสำหรับเกร็ดความรู้เรื่องต้นกล้วยมีประโยชน์อย่างไร ขอบคุณค่ะ” พอพูดประโยคคำว่าขอบคุณค่ะ บอสแทบอยากกระโดดฉีกแข่งฉีกขาที่สุด เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ก่อนจะยื่นไมค์ให้ครูดาริน แล้วเดินเข้าไปนั่งในแถวเหมือนเดิม
ทุกคนปรบมือให้เธอ พ่นหายใจออกมายาว ๆ จบสักทีนะบอส อย่าได้มีแบบนี้อีกเลยเหอะ ไม่อยากทำ เธออาย เธอไม่กล้าแสดงออก...
บอสนอนนึกถึงเรื่องราวในอดีตสมัยมัธยม ทำไมเธอถึงจำอะไรได้ยาวขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นบทความอะไรก็แล้วแต่ ตารางธาตุก็จำได้ สูตรคณิตศาสตร์ ไซน์คลอสแทนก็จำได้ อะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง จำได้หมด
ตอนนี้เหรอ อ่านผ่านไปสามวินาทีก็ลืมหมดแล้ว กลับมาถามใหม่ ตอนนั้นสองหน้ากระดาษยังจำได้ และจำได้ภายในวันเดียวด้วย ถ้าตั้งใจจริง ๆ วันนี้แถวเดี๋ยวยังลืม