วันที่ 28 ตุลาคม 2563 ผ่านวันเกิดมา 3 วัน มีความสุขมากๆ ยังแกล้งคุณแม่เอารีโมทไปซ่อน แย่งช่องดูกัน
เช้านี้ลงมาเห็นกล้วยหอมน่ากิน หยิบเข้าปากทันที ท้องว่างกำลังหิว ตามมาด้วย เกี้ยมอี๋หมูสับของโปรด และน้ำส้มคั้น กินไปเวลาประมาณ 7:30
เวลา 9:00 กำลังดูละครรอยไหม เริ่มปวดท้องขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่ยังพอทน เลยขอตัวขึ้นไปนอน กินยากระเพาะ Suicune ในใจคิดว่าต้องเป็นเพราะกินกล้วยหอมตอนท้องว่างแน่ๆเลย หรืออีกที เป็นผลกรรมจากการแอบรีโมทคุณแม่หรือเปล่านะ
ผ่านไปจนถึงเที่ยง อาการปวดไม่ลดลงเลย ปวดมากขึ้นจนแทบไม่มีแรง แขนขาอ่อนแรงแล้ว โทรลงไปหาคุณแม่ว่าต้องไปโรงพยาบาลแล้ว หลังจากนั้นก็ค่อยๆปีนลงมาจากห้องชั้น 3 ทรมานมากๆ เรียกรถ Grab มารับไปโรงพยาบาลลาดพร้าว ซึ่งใกล้บ้านที่สุด นั่งจ้องเลขทะเบียนรถแท็กซี่ 4537 ทำสมาธิสวดมนต์ ไปตลอดทาง
ถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่เอารถเข็นมารับ เข้าไปที่จุดลงทะเบียนอาคาร 2 เจ้าหน้าที่สอบถามอาการ แล้วส่งต่อแผนกโรคทางเดินอาหารและตับ อาคาร 3 ไปยื่นลงทะเบียนที่อาคาร 3 ใช้เวลาเร็วมากประมาณ 2 นาที เข็นขึ้นไปชั้น2 รอพบคุณหมอ ซึ่งอาการตอนนั้นแย่มาก คุณพยาบาลพาไปนอนและเอายาแก้ปวดมาให้กิน คุณหมอเข้ามาดูอาการ บอกว่าน่าจะเป็นตับอ่อนอักเสบ สั่ง Admid และให้ยาแก้ปวดชนิดแรง ส่วนตัวนอนสวดมนต์ตลอดเวลา รู้สึกตัวตลอด ปวดท้องมากๆ ร้าวไปที่หลังด้วย ให้คะแนนปวดประมาณ 8 เต็ม 10
คุณพยาบาลพาขึ้นไปที่ห้องชั้นบนอาคาร 3 ชั้น 5 ตอนนี้นอนตลอดเวลาที่เคลื่อนย้าย เริ่มให้น้ำเกลือและยาทางสายน้ำเกลือ ตลอดคืน ไม่สามารถนอนหลับได้เลย อาเจียนออกมาเป็นน้ำเขียวๆ ทั้งคืน ต้องเอาผ้านวมมาม้วนกลมๆ นั่งกอดไว้ ทรมาน มากๆที่สุด เริ่มปวดแบบแทบจะทนไม่ได้แล้ว พยาบาลเดินเข้าออก วัดความดัน วัดไข้ ตัวร้อน อาเจียนทั้งคืน ตี 5 มีพยาบาลเข้ามาเจาะเลือดไปหลอดใหญ่ ตลอดเวลารู้สึกตัวดีอยู่ เริ่มหายใจไม่สะดวกแล้ว ตอนนี้ให้คะแนนปวด 10 เต็ม 10 ไปเลย ผลตรวจเลือดออกมา 7:00 น้ำตาล 414 ไตรกลีเซอไรด์ 2822 สรุปว่าเป็นตับอ่อนอักเสบแน่นอน คุณหมอมาบอกทีหลังว่าไตรกลีเซอไรด์สูงที่สุดที่คุณหมอเคยเจอมา ปรกติไม่เกิน 150
7:00 วันที่ 29 ตุลาคม 2563 คุณหมอสั่งย้ายเข้าไอซียู ห้อง 11 ตอนนั้นหมดแรงที่สุดเริ่มให้ออกซิเจน ต้องย้ายจากอาคาร 3 มาที่อาคาร 1 ตึกฉุกเฉิน ขึ้นรถพยาบาลย้ายมา นอนตลอดขั้นตอนการเคลื่อนย้าย เจ้าหน้าที่ทำกันมืออาชีพมากๆ แทบจะไม่กระทบกระเทือนเลย รู้สึกตัวตลอดเวลาแต่ไม่มีแรงขยับเขยื้อนแล้ว
ย้ายเข้าไอซียู วันแรก ไม่มีแรงลืมตาแล้วแต่ยังพอมีสติอยู่ ได้ยินคุณหมอ คุณพยาบาลสั่งงานกัน ฟังดูยุ่งไปหมด ตอนนี้เริ่มรู้สึกเหมือนถูกผีอำ (ไม่เคยมีประสบการณ์ แค่เคยได้ยินมา) ขยับตัวไม่ได้เลย แต่ยังรับรู้ได้ ทุกครั้งที่คุณพยาบาลจะทำอะไร จะบอกก่อนทุกครั้ง เช่นว่าคนไข้ค่ะ อย่าขยับนะคะ พยาบาลจะเจาะเลือดนะคะ ตอนนี้จะใส่สายน้ำเกลือนะคะ ตอนนี้จะใส่สายปัสสาวะนะคะ ใส่สายน้ำเกลือทั้งสองมือเลย มีที่ข้อเท้าด้วย พยาบาลเจาะเลือดตรวจแลบ บ่อยมากๆ ทั้งเจาะตรวจน้ำตาลปลายนิ้วเท้า รู้สึกเจ็บระบมไปหมด แต่พูดไม่ออก หยุดอาเจียนแล้ว หมดแรงอย่างที่สุด นอนหลับตาอย่างเดียว แต่ยังรู้สึกตัว แทบไม่ได้หลับเลย คือจะหลับเป็นวูบๆ โดยเฉพาะเวลาคุณพยาบาลมาฉีดยาแก้ปวดให้ ถ้าจำไม่ผิด ชื่อยา pethidine หลับสักพักก็จะตื่นขึ้นมา เวลารู้สึกตัวจะนอนสวดทำวัตร, ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก, พาหุง, ชินบัญชร, 12 ตำนาน และคาถาอื่นๆเท่าที่นึกออก วนไปเรื่อยๆ พยายามทำสมาธิ ดึงความปวดไปไว้ที่ปลายนิ้ว
ตอนนี้รับยาเยอะมาก งดน้ำงดอาหาร จำได้ว่าหิวน้ำมากๆ คุณพยาบาลสงสารเอาน้ำดื่มให้แบบก้นแก้ว ปากแตกเลือดออกเลย คุณพยาบาลเอาวาสลินมาทาปากให้ เป็นแบบนี้ตลอด 3 วัน ทั้งเจาะเลือด, CT-Scan,เอ็กซเรย์ปอด ฯ ชอบ เอ็กซเรย์ปอดที่สุด ไม่ต้องเคลื่อนย้าย มีเครื่องเข้ามาทำเอ็กซเรย์ให้ถึงเตียงเลย แต่จะยากหน่อยตรงที่ต้องทำตัวตรง แต่ก็ปรับเตียงขึ้นมาสุดช่วยได้เยอะมาก
ปีนี้ฉลองลอยกระทงและฮาโลวีน แบบงงๆในห้องไอซียู เพิ่งจะมารู้เรื่องภายหลังว่า 1-3 วันแรกนี้ วิกฤติมากๆ คนไข้ที่เป็นตับอ่อนอักเสบมีโอกาสเสียชีวิต 50-50 ที่ต้องระวังมากๆคือหัวใจวายและไตวายเฉียบพลัน ( อ่านตามทีหลัง หลังจากกลับบ้านแล้ว ) เรียกว่ารอดตายมาเลยทีเดียว
วันที่ 4 ในไอซียู 1 พฤศจิกายน 2563 เริ่มรู้สึกตัวมากขึ้นอาการปวดลดลงบ้างแล้ว แต่ยังปวดมากอยู่ ให้คะแนนปวดประมาณ 8 เต็ม 10 เจาะเลือดเช็คปรากฎว่าโปรตีนต่ำ โปรแทสเซียมต่ำ เกลือแร่ต่ำ ต้องให้โปรตีนทางสายน้ำเกลือ เท่าที่เห็น มีขวดแขวนพ่วงกับสายน้ำเกลือ เยอะแยะไปหมด ดูงงๆ ยังต้องเพิ่มอีกขวดหรือนี่
ที่เด็ดสุดคือโปรแทสเซียมเป็นน้ำต้องดูดทางปาก คือ รสชาติแย่มากที่สุดแทบจะทนไม่ไหว ทั้งๆที่เป็นคนกินยาง่ายทั้งยาหม้อต้มไทย-จีน แต่นี่ เอิ่ม...เอาเป็นว่า ถ้าจะแช่งใครขอให้กินโปรแทสเซียมแบบนี้เลยดีกว่า อันนี้แค่อธิบาย ในใจทุกครั้งที่กิน จะขอว่าอย่าให้มีใครต้องกินโปรแทสเซียมเลย สาธุๆๆๆ
โชคดีนิดหน่อยคือว่า เกลือแร่ที่กินตามโปรแทสเซียมเข้าไปเป็นเกลือแร่ที่ใช้เวลาท้องเสียรสส้ม ทุกครั้งจะบอกให้คุณพยาบาลเอาโปรแทสเซียมให้กินก่อนแล้วตามด้วยเกลือแร่ช่วยได้เยอะมาก แต่ก็ยังทำให้ปากทั้งเฝื่อนทั้งขม กินน้ำก็ยังได้น้อยมาก ส่วนอาหารยังคงงดอยู่
ตอนนี้เริ่มพูดคุยรู้เรื่อง จำบทสนทนาได้แล้ว เริ่มจำคุณหมอที่มาเยี่ยมไข้ได้แล้ว มี 3 ท่านดูแลคนละเรื่องกันไป
คุณหมอเบาหวานเข้ามาอธิบายเรื่องเบาหวานเล็กน้อยว่า เนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถทำงานได้ จะต้องฉีดอินซูลิน (ใจหายแว๊บ) จนกว่าตับอ่อนจะกลับมาทำงานได้ (ค่อยยังชั่ว) หมอจะเข้ามาดูส่วนนี้
คุณหมอตับอ่อนบอกว่าพรุ่งนี้จะเริ่มให้กินน้ำข้าวกับซุปแล้ว
คุณหมออีกท่านเข้ามาดูไตตอนเพิ่งให้ยาแก้ปวด กำลังสะลึมสะลือ จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกัน
อาการยังคงอ่อนเพลียมากๆ แทบจะไม่มีแรงพูดคุย ได้แต่มองรอบๆไปมา นอนหลับๆตื่นๆตลอดเวลาด้วยอาการปวด วันนี้เริ่มเจาะเลือดห่างขึ้นแล้ว
วันที่ 5 ในไอซียู 2 พฤศจิกายน 2563
วันนี้ได้สระผมแล้ว คุณพยาบาลสระผมให้บนเตียงเลย เอาไดร์มาเป่าให้ด้วย รู้สึกสบายขึ้นมากๆ
วันนี้มีคุณหมอเพิ่มมาอีก 1 ท่านเป็นคุณหมอหัวใจ ผลจากการแปะๆที่ตรวจคลื่นหัวใจมาตลอด เจอหัวใจเต้นผิดปรกติด้วย คุณหมอมาทำ EKG แล้วบอกว่ายังไม่ต้องกังวลรักษาได้ ทำใจให้สบาย เอาเรื่องตับอ่อนก่อน เอิ่ม....เอาหน่า...คุณหมอดูไม่เครียดคงไม่มีอะไร นอนกลอกตาไปมาต่อไป วันนี้ได้กินน้ำข้าว กับ น้ำซุป คุณพยาบาลเอาหลอดมาให้ค่อยๆดูด กินได้น้อยมากจนไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะมีโมเม้นที่กินไม่ได้ด้วย แค่น้ำข้าวเอง แต่กินน้ำซุปได้เยอะหน่อย อร่อยดี 555 คุณพยาบาลบอกให้พยายามกินให้ได้ จะได้ถอดสายออกบ้าง ได้ยินแบบนั้น สู้ตายเลย พยายามค่อยๆกิน เป็นช่วงๆ เท่าที่ทำได้ พอท้องเริ่มหายแน่นก็จะเรียกคุณพยาบาลเอามาดูดต่อ วันนี้สังเกตสีหน้าทุกคนดูดีขึ้นมาก โดยเฉพาะคุณแม่ ( รักแม่ที่สุดเลย ) สงสารคุณแม่มาก เห็นชัดเลยว่าดูโทรมไปมาก เช้าหกโมงครึ่งก็รีบมาที่โรงพยาบาล คุณแม่บอกพี่สาวว่ารีบไปๆ น้องนอนโดดเดี่ยวมาทั้งคืนแล้ว เค้าจะได้มีกำลังใจ ฟังพี่สาวเล่าแล้วน้ำตาไหลเลย เราต้องสู้ ต้องอดทน ทำตามคุณหมอ คุณพยาบาลบอกจะได้กลับบ้านเร็วๆ คุณแม่จะได้ไม่ต้องลำบาก
วันที่ 6 ในไอซียู 3 พฤศจิกายน 2563 ทุกอย่างดูดีขึ้น เจาะเลือดห่างออกไปมาก แต่เจาะน้ำตาลปลายนิ้ว เริ่มมาเจาะที่นิ้วมือแล้ว เอาสายข้างขวาที่หลังมือออกไปแล้ว แต่ยังคาเข็มที่ข้อมือ ไว้สำหรับฉีดยา ที่ข้อเท้าก็ยังมีเข็มคาอยู่ ตอนนี้เหลือให้น้ำเกลือกับขวดยาอะไรสักอย่างทางข้างซ้ายอย่างเดียว
รู้สึกระบบทั้งตัว ท้องไม่ต้องพูดถึง ทั้งเจ็บทั้งปวดปนกันบอกไม่ถูก แทบจะไม่อยากขยับตัว ตอนนี้เริ่มมีปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ เริ่มถ่ายเหลวแล้ว ถ่ายบ่อยมากจนเกรงใจคุณพยาบาล ต้องใส่แพมเพิสตลอดเวลา ที่สังเกตคือ คุณพยาบาลทุกคนมีขั้นตอนในการทำความสะอาดเหมือนกันหมดเลย ให้หันพลิกตะแคงอย่างไรเป็นขั้นตอนเดียวกันเลย ง่ายมากต่อการให้ความร่วมมือ แต่ขอบอกว่าอายมากที่สุด 555 คุณพยาบาลสุดยอดเลย !!
วันที่ 7 ในห้องไอซียู 4 พฤศจิกายน 2563 วันนี้ได้กินโจ๊กกับไข่ขาวแล้ว กินได้ 3 คำ จุกแบบจะอาเจียน คุณพยาบาลบอกว่าพยายามกินหน่อยนะ โปรตีน Albumin ที่ให้ทางสายน้ำเกลือแพงมาก ถ้ากินได้จะได้ไม่ต้องให้ โอเคได้เลย สู้ตายค่อยๆกิน ได้มา 10 คำ
ตอนนี้ก้นเริ่มมีปัญหาเพราะถ่ายบ่อย แถมใส่แพมเพิสตลอดเวลา นอนท่าเดียวเพราะขยับไม่ค่อยสะดวก แต่พยายามขยับให้มากที่สุด คุณพยาบาลเอาครีมมาทาให้
คุณหมอตับอ่อนมาเยี่ยม บอกว่าจะย้ายไปอยู่ห้องธรรมดาได้แล้ว ติดต่อห้องได้ชั้น 8 รอห้องจนถึงช่วงบ่ายๆ โชคดีที่สุดที่มีห้อง เพราะตอนนี้ ห้องเต็มหมดเลย เด็กป่วยโรค RSV กันเยอะมากๆ
ดีใจที่สุด คือว่า คุณแม่จะได้มีที่นั่งประจำการ เอนหลังได้บ้าง เข้าห้องน้ำได้สะดวกๆ ตลอดเวลาที่อยู่ไอซียู ทราบว่าคุณแม่,พี่สาวและน้องชาย ต้องไปนั่งห้องอาหารบ้าง ห้องพักผ่อนสำหรับญาติคนไข้ก็เต็มตลอด หลังๆ คุณพยาบาลเอาเก้าอี้มาให้คุณแม่นั่งในห้องไอซียู
วันที่ 5-10 พฤศจิกายน 2563
อาการดีขึ้นตามลำดับ ไข้ขึ้นๆลงๆ เริ่มหายใจได้เองมากขึ้น ท้องยังปวดอยู่แต่ลดลงมากๆ ให้คะแนน 5 เต็ม 10 ยังใช้ยาแก้ปวดอยู่ เปลี่ยนเป็นยากิน Tramadol
ตอนนี้ต้องดื่มน้ำเองให้เยอะที่สุด ต้องปรับสมดุลน้ำเข้าออกในร่างกาย ตวงทั้งน้ำดื่มทั้งปัสสาวะ พยายามดื่มน้ำสุดๆ พอไม่อยากดื่ม ก็นึกถึงตอนที่หิวน้ำสุดๆในไอซียู พอให้มีกำลังใจดื่มน้ำได้เยอะๆ
เอ็กซเรย์ปอดอีกครั้ง คุณหมอให้เป่าลูกบอลในกระบอก 3 ลูก ดูเหมือนเป่าง่ายแต่เป่าครั้งแรก ลูกบอลลูกแรกขึ้นแค่ครึ่งกระบอก 555 ค่อยๆเป่าไปทั้งวันเวลาลุกนั่ง จำจังหวะการเป่าไว้ เวลานอนลงไปก็หายใจเป่าในจังหวะนั้นไปเรื่อยๆ ตอนเย็นก็เป่าได้ครบ 3 ลูก เป่าเรื่อยๆทุกวันจนออกจากโรงพยาบาล
เรื่องอาหารยังกินไม่ค่อยได้ คุณหมอให้เสริมนม Glucerna SR วันละ 2 แก้ว ตอนนี้ต้องฉีดอินซูลินทุก 4 เวลาเลย เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน เจาะเลือดปลายนิ้ว 4 เวลาเช่นกัน อืมมมมมมม อดทนต่อไป
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 คุณหมอเข้ามาเยี่ยม แล้วอธิบายเรื่องโรคที่เป็นให้ฟังละเอียดเลย โห..ฟังดูซับซ้อนหลายเรื่องมาก ที่สำคัญที่สุดคือการจัดระเบียบการกินในชีวิตใหม่เลย โดยเฉพาะตอนนี้ ที่ตับอ่อนยังไม่สามารถทำงานได้ คุณหมอบอกให้พยายามขยับตัวให้มาก จะได้หายเร็วๆ ให้ท่ากายภาพไว้ด้วย ทำทั้งวันทั้งคืนเลย เพราะนอนค่อยหลับ หลับหัวค่ำที่ได้ยานอนหลับ พอเที่ยงคืนก็ตื่นแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกวัน
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ถอดสายน้ำเกลือและเข็มที่คาไว้ออกทั้งหมด ลุกขึ้นมาเดินเข้าห้องน้ำ สระผม ปรากฎว่าเดินลงน้ำหนักเท้าซ้ายไม่ได้ คุณพยาบาล 2 คนช่วยกันหิ้วปีกไป พอกลับมานอนที่เตียงเลยเหยียดเท้าซ้าย กระดกข้อเท้าขึ้นจนสุด เอาส้นเท้ากดกับเตียงไปมา เจ็บสุดๆเลย ทำแบบนี้ทั้งวันเลย พอบ่ายเริ่มดีขึ้นทำทั้งสองเท้าเลย ตอนเย็นลุกเดินได้เอง เดินถือกระติกแบนๆใส่ปัสสาวะไปมาในห้อง ตั้งใจจะเดินสักครึ่งชั่วโมง เดินได้แค่ 5 นาที หมดแรง เหลือเชื่อมากๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะอ่อนแอได้ขนาดนี้ แต่ก็นะ ท้องก็ยังปวดอยู่
เรื่องอาหารตอนนี้เบื่อไข่ขาวที่สุด 55555
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 คุณหมอมาเยี่ยมเช้า เห็นเดินได้แล้ว คุณหมอถอดสายสวนปัสสาวะออกให้ แต่เข้าห้องน้ำยังต้องตวงปัสสาวะกรอกใส่ขวด พยายามเดินทุกๆ2 ชั่วโมง ลุกเข้าห้องน้ำ ยังต้องดื่มน้ำเยอะๆที่สุด เรื่องอาหารส่วนใหญ่จะกินผลไม้ได้มากกว่า กินข้าวได้ 3-4 คำ เหมือนเดิม แต่ดีหน่อย ได้ต้มยำเห็ดรสชาติอ่อนๆมาเสริมทัพ ร้อนๆคล่องคอ มีรสชาติอีกนิด สู้ๆ คุณหมอเข้ามาเยี่ยมอีกครั้งตอนเย็น บอกว่าดีขึ้นมาก เลยขอกลับบ้านพรุ่งนี้เลย คุณหมออนุญาต ีใจสุดๆ เลย
( มีต่อในคอมเม้นท์ )
บันทึกจากไอซียู โรงพยาบาลลาดพร้าว ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน
เช้านี้ลงมาเห็นกล้วยหอมน่ากิน หยิบเข้าปากทันที ท้องว่างกำลังหิว ตามมาด้วย เกี้ยมอี๋หมูสับของโปรด และน้ำส้มคั้น กินไปเวลาประมาณ 7:30
เวลา 9:00 กำลังดูละครรอยไหม เริ่มปวดท้องขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่ยังพอทน เลยขอตัวขึ้นไปนอน กินยากระเพาะ Suicune ในใจคิดว่าต้องเป็นเพราะกินกล้วยหอมตอนท้องว่างแน่ๆเลย หรืออีกที เป็นผลกรรมจากการแอบรีโมทคุณแม่หรือเปล่านะ
ผ่านไปจนถึงเที่ยง อาการปวดไม่ลดลงเลย ปวดมากขึ้นจนแทบไม่มีแรง แขนขาอ่อนแรงแล้ว โทรลงไปหาคุณแม่ว่าต้องไปโรงพยาบาลแล้ว หลังจากนั้นก็ค่อยๆปีนลงมาจากห้องชั้น 3 ทรมานมากๆ เรียกรถ Grab มารับไปโรงพยาบาลลาดพร้าว ซึ่งใกล้บ้านที่สุด นั่งจ้องเลขทะเบียนรถแท็กซี่ 4537 ทำสมาธิสวดมนต์ ไปตลอดทาง
ถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่เอารถเข็นมารับ เข้าไปที่จุดลงทะเบียนอาคาร 2 เจ้าหน้าที่สอบถามอาการ แล้วส่งต่อแผนกโรคทางเดินอาหารและตับ อาคาร 3 ไปยื่นลงทะเบียนที่อาคาร 3 ใช้เวลาเร็วมากประมาณ 2 นาที เข็นขึ้นไปชั้น2 รอพบคุณหมอ ซึ่งอาการตอนนั้นแย่มาก คุณพยาบาลพาไปนอนและเอายาแก้ปวดมาให้กิน คุณหมอเข้ามาดูอาการ บอกว่าน่าจะเป็นตับอ่อนอักเสบ สั่ง Admid และให้ยาแก้ปวดชนิดแรง ส่วนตัวนอนสวดมนต์ตลอดเวลา รู้สึกตัวตลอด ปวดท้องมากๆ ร้าวไปที่หลังด้วย ให้คะแนนปวดประมาณ 8 เต็ม 10
คุณพยาบาลพาขึ้นไปที่ห้องชั้นบนอาคาร 3 ชั้น 5 ตอนนี้นอนตลอดเวลาที่เคลื่อนย้าย เริ่มให้น้ำเกลือและยาทางสายน้ำเกลือ ตลอดคืน ไม่สามารถนอนหลับได้เลย อาเจียนออกมาเป็นน้ำเขียวๆ ทั้งคืน ต้องเอาผ้านวมมาม้วนกลมๆ นั่งกอดไว้ ทรมาน มากๆที่สุด เริ่มปวดแบบแทบจะทนไม่ได้แล้ว พยาบาลเดินเข้าออก วัดความดัน วัดไข้ ตัวร้อน อาเจียนทั้งคืน ตี 5 มีพยาบาลเข้ามาเจาะเลือดไปหลอดใหญ่ ตลอดเวลารู้สึกตัวดีอยู่ เริ่มหายใจไม่สะดวกแล้ว ตอนนี้ให้คะแนนปวด 10 เต็ม 10 ไปเลย ผลตรวจเลือดออกมา 7:00 น้ำตาล 414 ไตรกลีเซอไรด์ 2822 สรุปว่าเป็นตับอ่อนอักเสบแน่นอน คุณหมอมาบอกทีหลังว่าไตรกลีเซอไรด์สูงที่สุดที่คุณหมอเคยเจอมา ปรกติไม่เกิน 150
7:00 วันที่ 29 ตุลาคม 2563 คุณหมอสั่งย้ายเข้าไอซียู ห้อง 11 ตอนนั้นหมดแรงที่สุดเริ่มให้ออกซิเจน ต้องย้ายจากอาคาร 3 มาที่อาคาร 1 ตึกฉุกเฉิน ขึ้นรถพยาบาลย้ายมา นอนตลอดขั้นตอนการเคลื่อนย้าย เจ้าหน้าที่ทำกันมืออาชีพมากๆ แทบจะไม่กระทบกระเทือนเลย รู้สึกตัวตลอดเวลาแต่ไม่มีแรงขยับเขยื้อนแล้ว
ย้ายเข้าไอซียู วันแรก ไม่มีแรงลืมตาแล้วแต่ยังพอมีสติอยู่ ได้ยินคุณหมอ คุณพยาบาลสั่งงานกัน ฟังดูยุ่งไปหมด ตอนนี้เริ่มรู้สึกเหมือนถูกผีอำ (ไม่เคยมีประสบการณ์ แค่เคยได้ยินมา) ขยับตัวไม่ได้เลย แต่ยังรับรู้ได้ ทุกครั้งที่คุณพยาบาลจะทำอะไร จะบอกก่อนทุกครั้ง เช่นว่าคนไข้ค่ะ อย่าขยับนะคะ พยาบาลจะเจาะเลือดนะคะ ตอนนี้จะใส่สายน้ำเกลือนะคะ ตอนนี้จะใส่สายปัสสาวะนะคะ ใส่สายน้ำเกลือทั้งสองมือเลย มีที่ข้อเท้าด้วย พยาบาลเจาะเลือดตรวจแลบ บ่อยมากๆ ทั้งเจาะตรวจน้ำตาลปลายนิ้วเท้า รู้สึกเจ็บระบมไปหมด แต่พูดไม่ออก หยุดอาเจียนแล้ว หมดแรงอย่างที่สุด นอนหลับตาอย่างเดียว แต่ยังรู้สึกตัว แทบไม่ได้หลับเลย คือจะหลับเป็นวูบๆ โดยเฉพาะเวลาคุณพยาบาลมาฉีดยาแก้ปวดให้ ถ้าจำไม่ผิด ชื่อยา pethidine หลับสักพักก็จะตื่นขึ้นมา เวลารู้สึกตัวจะนอนสวดทำวัตร, ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก, พาหุง, ชินบัญชร, 12 ตำนาน และคาถาอื่นๆเท่าที่นึกออก วนไปเรื่อยๆ พยายามทำสมาธิ ดึงความปวดไปไว้ที่ปลายนิ้ว
ตอนนี้รับยาเยอะมาก งดน้ำงดอาหาร จำได้ว่าหิวน้ำมากๆ คุณพยาบาลสงสารเอาน้ำดื่มให้แบบก้นแก้ว ปากแตกเลือดออกเลย คุณพยาบาลเอาวาสลินมาทาปากให้ เป็นแบบนี้ตลอด 3 วัน ทั้งเจาะเลือด, CT-Scan,เอ็กซเรย์ปอด ฯ ชอบ เอ็กซเรย์ปอดที่สุด ไม่ต้องเคลื่อนย้าย มีเครื่องเข้ามาทำเอ็กซเรย์ให้ถึงเตียงเลย แต่จะยากหน่อยตรงที่ต้องทำตัวตรง แต่ก็ปรับเตียงขึ้นมาสุดช่วยได้เยอะมาก
ปีนี้ฉลองลอยกระทงและฮาโลวีน แบบงงๆในห้องไอซียู เพิ่งจะมารู้เรื่องภายหลังว่า 1-3 วันแรกนี้ วิกฤติมากๆ คนไข้ที่เป็นตับอ่อนอักเสบมีโอกาสเสียชีวิต 50-50 ที่ต้องระวังมากๆคือหัวใจวายและไตวายเฉียบพลัน ( อ่านตามทีหลัง หลังจากกลับบ้านแล้ว ) เรียกว่ารอดตายมาเลยทีเดียว
วันที่ 4 ในไอซียู 1 พฤศจิกายน 2563 เริ่มรู้สึกตัวมากขึ้นอาการปวดลดลงบ้างแล้ว แต่ยังปวดมากอยู่ ให้คะแนนปวดประมาณ 8 เต็ม 10 เจาะเลือดเช็คปรากฎว่าโปรตีนต่ำ โปรแทสเซียมต่ำ เกลือแร่ต่ำ ต้องให้โปรตีนทางสายน้ำเกลือ เท่าที่เห็น มีขวดแขวนพ่วงกับสายน้ำเกลือ เยอะแยะไปหมด ดูงงๆ ยังต้องเพิ่มอีกขวดหรือนี่
ที่เด็ดสุดคือโปรแทสเซียมเป็นน้ำต้องดูดทางปาก คือ รสชาติแย่มากที่สุดแทบจะทนไม่ไหว ทั้งๆที่เป็นคนกินยาง่ายทั้งยาหม้อต้มไทย-จีน แต่นี่ เอิ่ม...เอาเป็นว่า ถ้าจะแช่งใครขอให้กินโปรแทสเซียมแบบนี้เลยดีกว่า อันนี้แค่อธิบาย ในใจทุกครั้งที่กิน จะขอว่าอย่าให้มีใครต้องกินโปรแทสเซียมเลย สาธุๆๆๆ
โชคดีนิดหน่อยคือว่า เกลือแร่ที่กินตามโปรแทสเซียมเข้าไปเป็นเกลือแร่ที่ใช้เวลาท้องเสียรสส้ม ทุกครั้งจะบอกให้คุณพยาบาลเอาโปรแทสเซียมให้กินก่อนแล้วตามด้วยเกลือแร่ช่วยได้เยอะมาก แต่ก็ยังทำให้ปากทั้งเฝื่อนทั้งขม กินน้ำก็ยังได้น้อยมาก ส่วนอาหารยังคงงดอยู่
ตอนนี้เริ่มพูดคุยรู้เรื่อง จำบทสนทนาได้แล้ว เริ่มจำคุณหมอที่มาเยี่ยมไข้ได้แล้ว มี 3 ท่านดูแลคนละเรื่องกันไป
คุณหมอเบาหวานเข้ามาอธิบายเรื่องเบาหวานเล็กน้อยว่า เนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถทำงานได้ จะต้องฉีดอินซูลิน (ใจหายแว๊บ) จนกว่าตับอ่อนจะกลับมาทำงานได้ (ค่อยยังชั่ว) หมอจะเข้ามาดูส่วนนี้
คุณหมอตับอ่อนบอกว่าพรุ่งนี้จะเริ่มให้กินน้ำข้าวกับซุปแล้ว
คุณหมออีกท่านเข้ามาดูไตตอนเพิ่งให้ยาแก้ปวด กำลังสะลึมสะลือ จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกัน
อาการยังคงอ่อนเพลียมากๆ แทบจะไม่มีแรงพูดคุย ได้แต่มองรอบๆไปมา นอนหลับๆตื่นๆตลอดเวลาด้วยอาการปวด วันนี้เริ่มเจาะเลือดห่างขึ้นแล้ว
วันที่ 5 ในไอซียู 2 พฤศจิกายน 2563
วันนี้ได้สระผมแล้ว คุณพยาบาลสระผมให้บนเตียงเลย เอาไดร์มาเป่าให้ด้วย รู้สึกสบายขึ้นมากๆ
วันนี้มีคุณหมอเพิ่มมาอีก 1 ท่านเป็นคุณหมอหัวใจ ผลจากการแปะๆที่ตรวจคลื่นหัวใจมาตลอด เจอหัวใจเต้นผิดปรกติด้วย คุณหมอมาทำ EKG แล้วบอกว่ายังไม่ต้องกังวลรักษาได้ ทำใจให้สบาย เอาเรื่องตับอ่อนก่อน เอิ่ม....เอาหน่า...คุณหมอดูไม่เครียดคงไม่มีอะไร นอนกลอกตาไปมาต่อไป วันนี้ได้กินน้ำข้าว กับ น้ำซุป คุณพยาบาลเอาหลอดมาให้ค่อยๆดูด กินได้น้อยมากจนไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะมีโมเม้นที่กินไม่ได้ด้วย แค่น้ำข้าวเอง แต่กินน้ำซุปได้เยอะหน่อย อร่อยดี 555 คุณพยาบาลบอกให้พยายามกินให้ได้ จะได้ถอดสายออกบ้าง ได้ยินแบบนั้น สู้ตายเลย พยายามค่อยๆกิน เป็นช่วงๆ เท่าที่ทำได้ พอท้องเริ่มหายแน่นก็จะเรียกคุณพยาบาลเอามาดูดต่อ วันนี้สังเกตสีหน้าทุกคนดูดีขึ้นมาก โดยเฉพาะคุณแม่ ( รักแม่ที่สุดเลย ) สงสารคุณแม่มาก เห็นชัดเลยว่าดูโทรมไปมาก เช้าหกโมงครึ่งก็รีบมาที่โรงพยาบาล คุณแม่บอกพี่สาวว่ารีบไปๆ น้องนอนโดดเดี่ยวมาทั้งคืนแล้ว เค้าจะได้มีกำลังใจ ฟังพี่สาวเล่าแล้วน้ำตาไหลเลย เราต้องสู้ ต้องอดทน ทำตามคุณหมอ คุณพยาบาลบอกจะได้กลับบ้านเร็วๆ คุณแม่จะได้ไม่ต้องลำบาก
วันที่ 6 ในไอซียู 3 พฤศจิกายน 2563 ทุกอย่างดูดีขึ้น เจาะเลือดห่างออกไปมาก แต่เจาะน้ำตาลปลายนิ้ว เริ่มมาเจาะที่นิ้วมือแล้ว เอาสายข้างขวาที่หลังมือออกไปแล้ว แต่ยังคาเข็มที่ข้อมือ ไว้สำหรับฉีดยา ที่ข้อเท้าก็ยังมีเข็มคาอยู่ ตอนนี้เหลือให้น้ำเกลือกับขวดยาอะไรสักอย่างทางข้างซ้ายอย่างเดียว
รู้สึกระบบทั้งตัว ท้องไม่ต้องพูดถึง ทั้งเจ็บทั้งปวดปนกันบอกไม่ถูก แทบจะไม่อยากขยับตัว ตอนนี้เริ่มมีปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ เริ่มถ่ายเหลวแล้ว ถ่ายบ่อยมากจนเกรงใจคุณพยาบาล ต้องใส่แพมเพิสตลอดเวลา ที่สังเกตคือ คุณพยาบาลทุกคนมีขั้นตอนในการทำความสะอาดเหมือนกันหมดเลย ให้หันพลิกตะแคงอย่างไรเป็นขั้นตอนเดียวกันเลย ง่ายมากต่อการให้ความร่วมมือ แต่ขอบอกว่าอายมากที่สุด 555 คุณพยาบาลสุดยอดเลย !!
วันที่ 7 ในห้องไอซียู 4 พฤศจิกายน 2563 วันนี้ได้กินโจ๊กกับไข่ขาวแล้ว กินได้ 3 คำ จุกแบบจะอาเจียน คุณพยาบาลบอกว่าพยายามกินหน่อยนะ โปรตีน Albumin ที่ให้ทางสายน้ำเกลือแพงมาก ถ้ากินได้จะได้ไม่ต้องให้ โอเคได้เลย สู้ตายค่อยๆกิน ได้มา 10 คำ
ตอนนี้ก้นเริ่มมีปัญหาเพราะถ่ายบ่อย แถมใส่แพมเพิสตลอดเวลา นอนท่าเดียวเพราะขยับไม่ค่อยสะดวก แต่พยายามขยับให้มากที่สุด คุณพยาบาลเอาครีมมาทาให้
คุณหมอตับอ่อนมาเยี่ยม บอกว่าจะย้ายไปอยู่ห้องธรรมดาได้แล้ว ติดต่อห้องได้ชั้น 8 รอห้องจนถึงช่วงบ่ายๆ โชคดีที่สุดที่มีห้อง เพราะตอนนี้ ห้องเต็มหมดเลย เด็กป่วยโรค RSV กันเยอะมากๆ
ดีใจที่สุด คือว่า คุณแม่จะได้มีที่นั่งประจำการ เอนหลังได้บ้าง เข้าห้องน้ำได้สะดวกๆ ตลอดเวลาที่อยู่ไอซียู ทราบว่าคุณแม่,พี่สาวและน้องชาย ต้องไปนั่งห้องอาหารบ้าง ห้องพักผ่อนสำหรับญาติคนไข้ก็เต็มตลอด หลังๆ คุณพยาบาลเอาเก้าอี้มาให้คุณแม่นั่งในห้องไอซียู
วันที่ 5-10 พฤศจิกายน 2563
อาการดีขึ้นตามลำดับ ไข้ขึ้นๆลงๆ เริ่มหายใจได้เองมากขึ้น ท้องยังปวดอยู่แต่ลดลงมากๆ ให้คะแนน 5 เต็ม 10 ยังใช้ยาแก้ปวดอยู่ เปลี่ยนเป็นยากิน Tramadol
ตอนนี้ต้องดื่มน้ำเองให้เยอะที่สุด ต้องปรับสมดุลน้ำเข้าออกในร่างกาย ตวงทั้งน้ำดื่มทั้งปัสสาวะ พยายามดื่มน้ำสุดๆ พอไม่อยากดื่ม ก็นึกถึงตอนที่หิวน้ำสุดๆในไอซียู พอให้มีกำลังใจดื่มน้ำได้เยอะๆ
เอ็กซเรย์ปอดอีกครั้ง คุณหมอให้เป่าลูกบอลในกระบอก 3 ลูก ดูเหมือนเป่าง่ายแต่เป่าครั้งแรก ลูกบอลลูกแรกขึ้นแค่ครึ่งกระบอก 555 ค่อยๆเป่าไปทั้งวันเวลาลุกนั่ง จำจังหวะการเป่าไว้ เวลานอนลงไปก็หายใจเป่าในจังหวะนั้นไปเรื่อยๆ ตอนเย็นก็เป่าได้ครบ 3 ลูก เป่าเรื่อยๆทุกวันจนออกจากโรงพยาบาล
เรื่องอาหารยังกินไม่ค่อยได้ คุณหมอให้เสริมนม Glucerna SR วันละ 2 แก้ว ตอนนี้ต้องฉีดอินซูลินทุก 4 เวลาเลย เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน เจาะเลือดปลายนิ้ว 4 เวลาเช่นกัน อืมมมมมมม อดทนต่อไป
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 คุณหมอเข้ามาเยี่ยม แล้วอธิบายเรื่องโรคที่เป็นให้ฟังละเอียดเลย โห..ฟังดูซับซ้อนหลายเรื่องมาก ที่สำคัญที่สุดคือการจัดระเบียบการกินในชีวิตใหม่เลย โดยเฉพาะตอนนี้ ที่ตับอ่อนยังไม่สามารถทำงานได้ คุณหมอบอกให้พยายามขยับตัวให้มาก จะได้หายเร็วๆ ให้ท่ากายภาพไว้ด้วย ทำทั้งวันทั้งคืนเลย เพราะนอนค่อยหลับ หลับหัวค่ำที่ได้ยานอนหลับ พอเที่ยงคืนก็ตื่นแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกวัน
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ถอดสายน้ำเกลือและเข็มที่คาไว้ออกทั้งหมด ลุกขึ้นมาเดินเข้าห้องน้ำ สระผม ปรากฎว่าเดินลงน้ำหนักเท้าซ้ายไม่ได้ คุณพยาบาล 2 คนช่วยกันหิ้วปีกไป พอกลับมานอนที่เตียงเลยเหยียดเท้าซ้าย กระดกข้อเท้าขึ้นจนสุด เอาส้นเท้ากดกับเตียงไปมา เจ็บสุดๆเลย ทำแบบนี้ทั้งวันเลย พอบ่ายเริ่มดีขึ้นทำทั้งสองเท้าเลย ตอนเย็นลุกเดินได้เอง เดินถือกระติกแบนๆใส่ปัสสาวะไปมาในห้อง ตั้งใจจะเดินสักครึ่งชั่วโมง เดินได้แค่ 5 นาที หมดแรง เหลือเชื่อมากๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะอ่อนแอได้ขนาดนี้ แต่ก็นะ ท้องก็ยังปวดอยู่
เรื่องอาหารตอนนี้เบื่อไข่ขาวที่สุด 55555
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 คุณหมอมาเยี่ยมเช้า เห็นเดินได้แล้ว คุณหมอถอดสายสวนปัสสาวะออกให้ แต่เข้าห้องน้ำยังต้องตวงปัสสาวะกรอกใส่ขวด พยายามเดินทุกๆ2 ชั่วโมง ลุกเข้าห้องน้ำ ยังต้องดื่มน้ำเยอะๆที่สุด เรื่องอาหารส่วนใหญ่จะกินผลไม้ได้มากกว่า กินข้าวได้ 3-4 คำ เหมือนเดิม แต่ดีหน่อย ได้ต้มยำเห็ดรสชาติอ่อนๆมาเสริมทัพ ร้อนๆคล่องคอ มีรสชาติอีกนิด สู้ๆ คุณหมอเข้ามาเยี่ยมอีกครั้งตอนเย็น บอกว่าดีขึ้นมาก เลยขอกลับบ้านพรุ่งนี้เลย คุณหมออนุญาต ีใจสุดๆ เลย
( มีต่อในคอมเม้นท์ )