สวัสดีครับ วันนี้ผมอยากแบ่งปันประสบการณ์จริงของตัวเองเกี่ยวกับการผ่าตัดไทรอยด์ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังหาข้อมูล หรือมีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่
ผมอายุ 44 ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชน ซึ่งสุขภาพร่างกายปกติดี โดยปกติแล้วจะตรวจสุขภาพประจำปีซึ่งบริษัทดำเนินการให้ ซึ่งการตรวจสุขภาพในทุก ๆ ปี ที่ผ่านมา จะมีปัญหาเรื่องไขมันบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีประเด็นอะไรที่ร้ายแรงน่ากังวล
ในปีนี้เดือน ก.ย. 2567 ก็ถึงรอบตรวจสุขภาพประจำปีเหมือนเคย แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือปีนี้ผมเปลี่ยนงาน แล้วบริษัทให้เป็นวงเงินในการไปตรวจสุขภาพแทน ซึ่งสามารถเลือกซื้อโปรแกรมที่ตัวเองอยากตรวจเพิ่มได้ ผมได้ปรึกษาเรื่องแพ็คเกจการตรวจสุขภาพกับแฟน (ซึ่งเป็นหมอ) ซึ่งตอนแรกจะเลือกตรวจโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน เพราะเดินทางสะดวก แต่แฟนดูรายละเอียดโปรแกรมที่ตรวจแล้ว แนะนำให้ไปโรงพยาบาลอีกแห่งนึง เพราะมีโปรแกรมการตรวจที่ครบถ้วนมากกว่า ซึ่งมีโปรแกรมหนึ่งซึ่งผมไม่ได้สนใจนัก คิดว่าแถมมาแล้วกัน ก็คือ อัลตร้าซาวด์ไทรอยด์ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ไม่เคยตรวจ และไม่คิดจะตรวจมาก่อน
เมื่อถึงวันตรวจก็ไล่ตรวจไปทุกอย่างปกติ พอมาถึง อัลตร้าซาวด์ไทรอยด์ หมอที่กำลังตรวจก็มีสีหน้าเหมือนพบสิ่งผิดปกติ ผมก็เลยถามรายละเอียดไปว่ามีอะไรรึเปล่าครับ ซึ่งหมอก็แจ้งว่า เจอก้อนเนื้อที่ต่อมไทรอยด์ข้างขวาขนาดประมาณ 2.6 ซ.ม. ซึ่งถือว่าผิดปกติ แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางอีกที ตอนนั้นผมก็ค่อนข้างตกใจก็เลยโทรปรึกษาแฟนว่าควรทำยังไง แฟนแนะนำให้เจาะเลือดเพื่อดู Thyroid Function Test ประกอบ เพื่อไว้ใช้คุยกับคุณหมอ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเผื่อต้องตรวจเพิ่ม
เมื่อถึงเวลาคุยกับหมอ คุณหมอแจ้งว่า ผลอัลตร้าซาวด์ไทรอยด์ เจอก้อนที่ต่อมไทรอยด์ข้างขวา ขนาด 2.0*1.7*2.6 cm. เป็น Moderately suspicious ซึ่งควรเจาะตรวจชิ้นเนื้อเนื่องจากขนาดโตกว่า 2.5 cm. ส่วนไทรอยด์ข้างซ้าย เจอเป็นซีสต์ขนาด 0.5 cm. เป็น Benign แพทย์แนะนำให้เจาะตรวจชิ้นเนื้อก้อนที่ไทรอยด์ด้านขวา เนื่องจากขนาดใหญ่และมีแคลเซียมเกาะที่ตัวก้อน ซึ่งถ้าตีเป็นคะแนน ก็ 4 เต็ม 6 (ในทางที่ไม่ดี) ซึ่งการเจาะชิ้นเนื้อยังไม่สามารถเจาะได้ในวันนั้น เนื่องจากไม่มีแพทย์เฉพาะทางอยู่ ผมจึงกลับบ้านก่อนเผื่อกลับไปคิดว่าจะทำยังไงต่อดี
หลังจากกลับไปถึงบ้าน ผมก็รีบเปิดอินเตอร์เน็ต เพื่อหาข้อมูลว่าจะไปเจาะชิ้นเนื้อที่ไหนดีที่จะทราบผลเร็วที่สุด เพราะถ้าเป็น ร.พ.รัฐบาล อาจจะต้องรอนาน จนไปเจอว่ามีที่ รพ.พญาไท 2 ที่ใช้เวลาตรวจและทราบผลภายใน 1 สัปดาห์ ผมจึงตัดสินใจไปเจาะตรวจชิ้นเนื้อที่ รพ.พญาไท 2 เป็น Ultrasound-guided FNA
จากนั้น 1 สัปดาห์ หมอก็นัดไปฟังผลตรวจชิ้นเนื้อ ผลชิ้นเนื้อออกมาเป็น Likely follicular neoplasia (Bethesda category IV) หมอแจ้งว่าผลออกมาก้ำกึ่ง โอกาสเป็นมะเร็ง 20-30% โดยหมอแพลนว่าจะผ่าตัดต่อมไทรอยด์ด้านขวาออกก่อน เก็บข้างซ้ายไว้ เนื่องจากจะไม่ต้องทานยาฮอร์โมนไทรอยด์ ไปตลอดชีวิต เพราะยังมีไทรอยด์ด้านซ้ายเหลืออยู่ แต่ถ้าผลชิ้นเนื้อที่ผ่าตัด ออกมาเป็นมะเร็ง จะนัดมาผ่าตัดอีกข้าง และต้องกลืนแร่ไอโอดีนต่อ ซึ่งอันนี้ก็ทำให้ผมคิดหนัก เพราะถ้าตัด 2 ข้างทีเดียวเลยก็ไม่ต้องเจ็บ 2 ครั้ง และค่าใช้จ่ายถูกกว่า อย่างไรก็ตามเนื่องจากผมทำประกันสุขภาพไว้ จึงเลือกผ่าตัดข้างเดียวก่อน แล้วไปลุ้นผลเอาอีกที
ผมเลือกนัดเวลาผ่าตัดให้เร็วที่สุดคือสัปดาห์ถัดไปเลย เป็นการผ่าตัดส่องกล้อง นอนโรงพยาบาล 2 คืน ราคาประเมินค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 300,000 บาท โชคดีมากที่ผมทำประกันสุขภาพล่วงหน้าไว้ก่อน 3 ปีแล้ว จึงครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่พึ่งมารู้ว่าประกันกลุ่มของบริษัทไม่ครอบคลุมการรักษานี้ เพราะพึ่งย้ายงานมาไม่ครบ 1 ปี
พอถึงวันผ่าตัดจริง หมอให้งดน้ำงดอาหารล่วงหน้า 1 คืน ตอนเช้ามาเจาะเลือด เช็คเบื้องต้นก่อน จากนั้นก็ให้เข้าไปรอที่ห้องพัก พอถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัด ผมมีแจ้งกับคุณหมอเพิ่มเติมว่า ถ้าเวลาผ่าจริงคุณหมอเห็นชิ้นเนื้อแล้วไม่น่าไว้ใจ ก็ผ่าไป 2 ข้างได้เลยนะครับ จากนั้นก็สลบไป
การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งออกมาราบรื่น หลังจากผ่าตัดออกมารู้สึกชาที่บริเวณปาก พูดได้ตามปกติ และเสียงก็ไม่แหบด้วย ซึ่งก็เป็นเพราะฝีมือผ่าตัดของคุณหมอ นอนโรงพยาบาล 2 คืน วันที่สามก็กลับบ้านได้ คุณหมอบอกว่าใช้ชีวิตได้ปกติเลย แต่ขอให้ลดอาหารรสจัด หลีกเลี่ยงการยกของหนัก แล้วก็ให้บริหารคอ เพื่อไม่ให้พังผืดติด อีก 1 สัปดาห์มาลุ้นผลกัน
ช่วงระหว่าง 1 สัปดาห์ก่อนฟังผล เป็นช่วงที่ผมกังวลมาก ลุ้นผลว่าจะออกมายังไง พอถึงวันฟังผลจริง ผมเดินทางไปฟังผลพร้อมแฟน ช่วงระหว่างที่รอเรียกเข้าไปฟังผลก็เครียดมากเลย พอพยาบาลเรียกเข้าไปพบคุณหมอ ช่วงเวลานั้นหัวใจเต้นเร็วมาก คุณหมอหยิบซองผล Lab ขึ้นมาบอกว่ามาลุ้นด้วยกันนะ พอคุณหมอเปิดซองแล้วค่อย ๆ อ่าน ผลออกมาเป็น Nodular goiter (คอหอยพอก) คือไม่เป็นมะเร็ง น้ำตาของผมก็ไหลออกมาเลย สิ้นสุดการรอคอยสักที คุณหมอยินดีกับผลที่ออกมา แล้วก็แนะนำให้ follow up อัลตร้าซาวด์ไทรอยด์ปีละ 1 ครั้ง และแนะนำเรื่องอาหาร ให้หลีกเลี่ยงการรับประทาน กะหล่ำปลีดิบ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านกันมาจนจบนะครับ ผมอยากขอสรุป Key Points ของเรื่องที่เล่ามานี้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับทุก ๆ คนนะครับ
- ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง กรณีที่ทำงานบริษัทแล้วเค้ามีตรวจให้ ก็ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญ ถ้ามีอะไรต้องตรวจเพิ่ม ก็ตรวจไปเถอะ
- ประกันสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าพอมีเงินทำได้ก็อยากให้ทำเพิ่มกันครับ แล้วก็รีบทำตอนที่ยังไม่ป่วย เพราะถ้าทำช้าก็อาจจะไม่ครอบคลุม ส่วนเรื่องประกันสังคม ก็มีไว้เผื่อฉุกเฉิน แต่กระบวนการอาจจะช้า และการบริการอาจจะไม่ดีเท่าที่คาดหวังไว้
- พ่อแม่พี่น้องหรือแม้กระทั่งคนรักของเรา เป็นคนที่สำคัญมากในช่วงเวลาที่เราทุกข์ ดูแลพวกเขาให้ดี ๆ เพราะพวกเขาช่วยเป็นกำลังใจให้เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ไม่ต้องอยู่เดียวดายตัวคนเดียว
ขอเป็นกำลังใจทุก ๆ คนที่กำลังรอผลตรวจชิ้นเนื้ออยู่นะครับ ว่าทุกคนยังมีความหวังได้ ว่าผลตรวจจะออกมาเป็นปกติ ไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่ถึงโชคไม่ดี มะเร็งบริเวณนี้ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น ๆ ครับ ขอบคุณครับ
วันที่ไม่คาดคิด ว่าต้องผ่าตัดไทรอยด์
ผมอายุ 44 ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชน ซึ่งสุขภาพร่างกายปกติดี โดยปกติแล้วจะตรวจสุขภาพประจำปีซึ่งบริษัทดำเนินการให้ ซึ่งการตรวจสุขภาพในทุก ๆ ปี ที่ผ่านมา จะมีปัญหาเรื่องไขมันบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีประเด็นอะไรที่ร้ายแรงน่ากังวล
ในปีนี้เดือน ก.ย. 2567 ก็ถึงรอบตรวจสุขภาพประจำปีเหมือนเคย แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือปีนี้ผมเปลี่ยนงาน แล้วบริษัทให้เป็นวงเงินในการไปตรวจสุขภาพแทน ซึ่งสามารถเลือกซื้อโปรแกรมที่ตัวเองอยากตรวจเพิ่มได้ ผมได้ปรึกษาเรื่องแพ็คเกจการตรวจสุขภาพกับแฟน (ซึ่งเป็นหมอ) ซึ่งตอนแรกจะเลือกตรวจโรงพยาบาลเอกชนใกล้บ้าน เพราะเดินทางสะดวก แต่แฟนดูรายละเอียดโปรแกรมที่ตรวจแล้ว แนะนำให้ไปโรงพยาบาลอีกแห่งนึง เพราะมีโปรแกรมการตรวจที่ครบถ้วนมากกว่า ซึ่งมีโปรแกรมหนึ่งซึ่งผมไม่ได้สนใจนัก คิดว่าแถมมาแล้วกัน ก็คือ อัลตร้าซาวด์ไทรอยด์ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ไม่เคยตรวจ และไม่คิดจะตรวจมาก่อน
เมื่อถึงวันตรวจก็ไล่ตรวจไปทุกอย่างปกติ พอมาถึง อัลตร้าซาวด์ไทรอยด์ หมอที่กำลังตรวจก็มีสีหน้าเหมือนพบสิ่งผิดปกติ ผมก็เลยถามรายละเอียดไปว่ามีอะไรรึเปล่าครับ ซึ่งหมอก็แจ้งว่า เจอก้อนเนื้อที่ต่อมไทรอยด์ข้างขวาขนาดประมาณ 2.6 ซ.ม. ซึ่งถือว่าผิดปกติ แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางอีกที ตอนนั้นผมก็ค่อนข้างตกใจก็เลยโทรปรึกษาแฟนว่าควรทำยังไง แฟนแนะนำให้เจาะเลือดเพื่อดู Thyroid Function Test ประกอบ เพื่อไว้ใช้คุยกับคุณหมอ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเผื่อต้องตรวจเพิ่ม
เมื่อถึงเวลาคุยกับหมอ คุณหมอแจ้งว่า ผลอัลตร้าซาวด์ไทรอยด์ เจอก้อนที่ต่อมไทรอยด์ข้างขวา ขนาด 2.0*1.7*2.6 cm. เป็น Moderately suspicious ซึ่งควรเจาะตรวจชิ้นเนื้อเนื่องจากขนาดโตกว่า 2.5 cm. ส่วนไทรอยด์ข้างซ้าย เจอเป็นซีสต์ขนาด 0.5 cm. เป็น Benign แพทย์แนะนำให้เจาะตรวจชิ้นเนื้อก้อนที่ไทรอยด์ด้านขวา เนื่องจากขนาดใหญ่และมีแคลเซียมเกาะที่ตัวก้อน ซึ่งถ้าตีเป็นคะแนน ก็ 4 เต็ม 6 (ในทางที่ไม่ดี) ซึ่งการเจาะชิ้นเนื้อยังไม่สามารถเจาะได้ในวันนั้น เนื่องจากไม่มีแพทย์เฉพาะทางอยู่ ผมจึงกลับบ้านก่อนเผื่อกลับไปคิดว่าจะทำยังไงต่อดี
หลังจากกลับไปถึงบ้าน ผมก็รีบเปิดอินเตอร์เน็ต เพื่อหาข้อมูลว่าจะไปเจาะชิ้นเนื้อที่ไหนดีที่จะทราบผลเร็วที่สุด เพราะถ้าเป็น ร.พ.รัฐบาล อาจจะต้องรอนาน จนไปเจอว่ามีที่ รพ.พญาไท 2 ที่ใช้เวลาตรวจและทราบผลภายใน 1 สัปดาห์ ผมจึงตัดสินใจไปเจาะตรวจชิ้นเนื้อที่ รพ.พญาไท 2 เป็น Ultrasound-guided FNA
จากนั้น 1 สัปดาห์ หมอก็นัดไปฟังผลตรวจชิ้นเนื้อ ผลชิ้นเนื้อออกมาเป็น Likely follicular neoplasia (Bethesda category IV) หมอแจ้งว่าผลออกมาก้ำกึ่ง โอกาสเป็นมะเร็ง 20-30% โดยหมอแพลนว่าจะผ่าตัดต่อมไทรอยด์ด้านขวาออกก่อน เก็บข้างซ้ายไว้ เนื่องจากจะไม่ต้องทานยาฮอร์โมนไทรอยด์ ไปตลอดชีวิต เพราะยังมีไทรอยด์ด้านซ้ายเหลืออยู่ แต่ถ้าผลชิ้นเนื้อที่ผ่าตัด ออกมาเป็นมะเร็ง จะนัดมาผ่าตัดอีกข้าง และต้องกลืนแร่ไอโอดีนต่อ ซึ่งอันนี้ก็ทำให้ผมคิดหนัก เพราะถ้าตัด 2 ข้างทีเดียวเลยก็ไม่ต้องเจ็บ 2 ครั้ง และค่าใช้จ่ายถูกกว่า อย่างไรก็ตามเนื่องจากผมทำประกันสุขภาพไว้ จึงเลือกผ่าตัดข้างเดียวก่อน แล้วไปลุ้นผลเอาอีกที
ผมเลือกนัดเวลาผ่าตัดให้เร็วที่สุดคือสัปดาห์ถัดไปเลย เป็นการผ่าตัดส่องกล้อง นอนโรงพยาบาล 2 คืน ราคาประเมินค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 300,000 บาท โชคดีมากที่ผมทำประกันสุขภาพล่วงหน้าไว้ก่อน 3 ปีแล้ว จึงครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่พึ่งมารู้ว่าประกันกลุ่มของบริษัทไม่ครอบคลุมการรักษานี้ เพราะพึ่งย้ายงานมาไม่ครบ 1 ปี
พอถึงวันผ่าตัดจริง หมอให้งดน้ำงดอาหารล่วงหน้า 1 คืน ตอนเช้ามาเจาะเลือด เช็คเบื้องต้นก่อน จากนั้นก็ให้เข้าไปรอที่ห้องพัก พอถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัด ผมมีแจ้งกับคุณหมอเพิ่มเติมว่า ถ้าเวลาผ่าจริงคุณหมอเห็นชิ้นเนื้อแล้วไม่น่าไว้ใจ ก็ผ่าไป 2 ข้างได้เลยนะครับ จากนั้นก็สลบไป
การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งออกมาราบรื่น หลังจากผ่าตัดออกมารู้สึกชาที่บริเวณปาก พูดได้ตามปกติ และเสียงก็ไม่แหบด้วย ซึ่งก็เป็นเพราะฝีมือผ่าตัดของคุณหมอ นอนโรงพยาบาล 2 คืน วันที่สามก็กลับบ้านได้ คุณหมอบอกว่าใช้ชีวิตได้ปกติเลย แต่ขอให้ลดอาหารรสจัด หลีกเลี่ยงการยกของหนัก แล้วก็ให้บริหารคอ เพื่อไม่ให้พังผืดติด อีก 1 สัปดาห์มาลุ้นผลกัน
ช่วงระหว่าง 1 สัปดาห์ก่อนฟังผล เป็นช่วงที่ผมกังวลมาก ลุ้นผลว่าจะออกมายังไง พอถึงวันฟังผลจริง ผมเดินทางไปฟังผลพร้อมแฟน ช่วงระหว่างที่รอเรียกเข้าไปฟังผลก็เครียดมากเลย พอพยาบาลเรียกเข้าไปพบคุณหมอ ช่วงเวลานั้นหัวใจเต้นเร็วมาก คุณหมอหยิบซองผล Lab ขึ้นมาบอกว่ามาลุ้นด้วยกันนะ พอคุณหมอเปิดซองแล้วค่อย ๆ อ่าน ผลออกมาเป็น Nodular goiter (คอหอยพอก) คือไม่เป็นมะเร็ง น้ำตาของผมก็ไหลออกมาเลย สิ้นสุดการรอคอยสักที คุณหมอยินดีกับผลที่ออกมา แล้วก็แนะนำให้ follow up อัลตร้าซาวด์ไทรอยด์ปีละ 1 ครั้ง และแนะนำเรื่องอาหาร ให้หลีกเลี่ยงการรับประทาน กะหล่ำปลีดิบ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านกันมาจนจบนะครับ ผมอยากขอสรุป Key Points ของเรื่องที่เล่ามานี้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับทุก ๆ คนนะครับ
- ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง กรณีที่ทำงานบริษัทแล้วเค้ามีตรวจให้ ก็ขอให้ทุกคนให้ความสำคัญ ถ้ามีอะไรต้องตรวจเพิ่ม ก็ตรวจไปเถอะ
- ประกันสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าพอมีเงินทำได้ก็อยากให้ทำเพิ่มกันครับ แล้วก็รีบทำตอนที่ยังไม่ป่วย เพราะถ้าทำช้าก็อาจจะไม่ครอบคลุม ส่วนเรื่องประกันสังคม ก็มีไว้เผื่อฉุกเฉิน แต่กระบวนการอาจจะช้า และการบริการอาจจะไม่ดีเท่าที่คาดหวังไว้
- พ่อแม่พี่น้องหรือแม้กระทั่งคนรักของเรา เป็นคนที่สำคัญมากในช่วงเวลาที่เราทุกข์ ดูแลพวกเขาให้ดี ๆ เพราะพวกเขาช่วยเป็นกำลังใจให้เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ ไม่ต้องอยู่เดียวดายตัวคนเดียว
ขอเป็นกำลังใจทุก ๆ คนที่กำลังรอผลตรวจชิ้นเนื้ออยู่นะครับ ว่าทุกคนยังมีความหวังได้ ว่าผลตรวจจะออกมาเป็นปกติ ไม่ได้เป็นมะเร็ง แต่ถึงโชคไม่ดี มะเร็งบริเวณนี้ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น ๆ ครับ ขอบคุณครับ