Juliane Koepcke ฉันรอดตายจากเครื่องบินตกได้อย่างไร

.

.
ปี 1998 Juliane Koepcke
เดินทางไปที่เครื่องบินตก
.
.

Juliane Koepcke วัย 17 ปี
ชาวเปรู เชื้อสายเยอรมัน
พร้อมกับแม่เธอกำลังนั่งบนเครื่องบิน
สายการบิน Lansa Flight 508
ที่บินอยู่เหนือป่าฝน Peruvian rainforest
ทันใดนั้น ฟ้าก็ผ่าตรงเข้าที่ไปลำเครื่องบิน
ทำให้เธอตกลงมาจากฟากฟ้า
ที่ความสูงราว 2 ไมล์
เหตุการณ์ครั้งนั้น 49 ปีแล้ว
แต่เธอยังจำเรื่องราวได้เป็นอย่างดี

วันนั้นเป็นวัน  Christmas Eve  ปี 1971
ผู้โดยสารทุกคนต่างไม่พอใจอย่างแรง
เพราะต่างคนต่างรีบร้อนจะกลับบ้าน
ไปฉลองวัน Christmas ร่วมกับครอบครัว
แต่เที่ยวบิน Delay ไปถึง 7 ชั่วโมง

ตอนที่เครื่องบินบินอยู่เหนือน่านฟ้า
อยู่ท่ามกลางเมฆมืดเขียวอื๋อเลย(ดำมาก)
แม่ของฉันค่อนข้างกังวล 
แต่ฉันสบายใจมากเพราะฉันชอบนั่งเครื่องบิน
สิบนาทีต่อมา เห็นได้ชัดว่า
มีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ
เพราะบนเครื่องบินเกิดอาการปั่นป่วนอย่างหนัก
เครื่องบินเชิดขึ้นเชิดลงเป็นระยะ ๆ
(ตกหลุมอากาศ)
พัสดุ/กระเป๋าเดินทางหล่นออกมา
จากตู้เก็บของด้านบนเหนือศีรษะ
ทำให้มีของขวัญ ดอกไม้และเค้กคริสต์มาส
ลอยละล่องบินว่อนไปมารอบ ๆ ห้องโดยสาร

เมื่อเราเห็นฟ้าผ่ารอบเครื่องบินแล้ว
ฉันรู้สึกกลัว แม่และฉันต่างจับมือกัน 
แต่เราไม่สามารถพูดคุยกันได้ 
ผู้โดยสารคนอื่น ๆ ต่างเริ่มร้องไห้และกรีดร้อง
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที
ฉันเห็นแสงไฟสว่างมาก
ที่ด้านซ้ายเครื่องยนต์ด้านนอก
แม่ของฉันพูดอย่างใจเย็น  
" มันจบแล้ว ม้นจบแล้ว " 
นั่นคือ คำพูดสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากแม่
 
เครื่องบินปักหัวลงและดิ่งลงด้านล่าง
มันมืดสนิทในเวลานั้น
และผู้โดยสารต่างกำลังกรีดร้อง
หลังจากนั้น เสียงคำรามของเครื่องยนต์
ก็เต็มก้องหูของฉันไปหมด

.

.
Juliane Koepcke ขึ้นเครื่องบินอีกครั้ง
เพื่อเดินทางไป Frankfurt ในปี 1972
.
.

ทันใดนั้นเสียงเครื่องยนต์ก็หยุดลง
และฉันก็อยู่นอกเครื่องบิน 
ฉันตกอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า
ลำตัวผูกติดกับม้านั่งและหัวทิ่มดิน
เสียงกระซิบจากสายลม
เป็นเพียงเสียงเดียวที่ฉันได้ยิน
ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างสิ้นเชิง

ฉันสามารถมองเห็นท้องฟ้า
เหนือป่าหมุนมาทางฉัน 
จากนั้นฉันก็หมดสติและจำอะไรไม่ได้เลย 
ต่อมา ฉันรู้ว่าเครื่องบินแหลกเป็นชิ้น ๆ 
ตกลงมาสูงจากพื้นประมาณสองไมล์

ฉันตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น
และมองขึ้นไปบนท้องฟ้า 
ความคิดแรกที่ฉันมีอยู่คือ
ฉันรอดตายจากเครื่องบินตก
ฉันตะโกนเรียกหาแม่  
แต่ฉันได้ยินเพียงเสียงของป่า 
ฉันอยู่ตัวคนเดียวตามลำพังแล้วในตอนนี้
กระดูกไหปลาร้าของฉันหัก
และมีบาดแผลลึกที่ขา 
แต่อาการบาดเจ็บไม่ร้ายแรงมากนัก
ฉันมารู้ทีหลังว่า เอ็นหัวเข่าฉันขาด
แต่ฉันยังเดินได้

ก่อนเกิดเหตุครั้งนั้น
ฉันใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งกับพ่อแม่
ในสถานีวิจัยที่อยู่ห่างจาก Lima 30 ไมล์ 
ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย
เกี่ยวกับชีวิตในป่าดงดิบ
มันไม่อันตรายมากเกินไป  
มันไม่ใช่นรกสีเขียว
อย่างที่คนทั่วไปคิดกัน

(Hans-Wilhelm Koepcke พ่อเป็นนักชีววิทยา 
Maria Koepcke แม่เป็นนักปักษาวิทยา 
เมื่อตอนที่เธออายุได้ 14 ปี
พ่อแม่ของเธอออกจาก Lima
เพื่อก่อตั้ง Panguana สถานีวิจัยใน Amazon rainfores)

ฉันได้ยินเสียงเครื่องบินบินอยู่เหนือหัว
เครื่องบินกำลังวนหาค้นหาซากเครื่องบิน
แต่มันเป็นป่าทึบมาก
และฉันมองไม่เห็นเครื่องบินเลย
ฉันสวมชุด Mini Dress เสื้อแขนกุด
และรองเท้าแตะสีขาว 
ฉันทำรองเท้าหายไปข้างหนึ่ง 
แต่ฉันเก็บอีกข้างหนึ่งไว้
เพราะฉันสายตาสั้นมาก
และทำแว่นตาหายไปด้วย
ฉันจึงใช้รองเท้าข้างนั้น
ทดสอบพื้นข้างหน้า ขณะที่ฉันเดิน
เพราะมักจะมีงูพรางตัวอยู่ในป่า
และมันดูเหมือนใบไม้แห้ง 
แต่ฉันโชคดีที่ไม่ได้พบกับพวกงูเลย
หรือฉันอาจจะไม่เห็นงูเลยก็เป็นไปได้
.
.

.
Juliane Koepcke  อายุ 14 ปี
อาศัยอยู่ในป่าฝนกับพ่อแม่
.
.

ฉันเจอลำห้วยเล็ก ๆ  
ฉันเลยลงไปเดินในน้ำ
เพราะรู้ว่าปลอดภัยกว่า
ตรงจุดที่เกิดเหตุ
ฉันพบถุงขนมที่พอกินเสร็จแล้ว
ฉันก็ไม่มีอะไรให้กินอีกแล้ว  
ฉันกลัวว่าฉันอาจจะอดตาย
มันร้อนอบอ้าวมากทั้งยังเปียกชื้น
และมีฝนตกหลายต่อหลายครั้งในแต่ละวัน 
แต่กลางคืน อากาศหนาวมาก
และการอยู่คนเดียวในชุด Mini Dress
เป็นเรื่องลำบากมาก

ในวันที่ 4  ฉันได้ยินเสียงนกแร้งบินร่อนลง
ฉันจำเสียงพวกมันได้เพราะมีประสบการณ์
กับเสียงนกแร้งตอนที่ฉันอยู่ที่เขตสงวนกับพ่อแม่
ฉันกลัวมาก เพราะฉันรู้ว่าพวกมันร่อนลงไป
ก็ต่อเมื่อมีซากศพมากมายให้พวกมันกิน
และฉันรู้ว่านั่นคือ ศพของพวกคนเครื่องบินตก

เมื่อฉันหันหลังกลับไปมองที่ลำห้วย
ฉันพบม้านั่งที่มีผู้โดยสาร 3 คน
หัวกระแทกพื้นโลกก่อนตาย
ฉันแทบช็อคจนนิ่งอยู่เป็นเวลานาน
เพราะเกิดอาการกลัวมาก
และนี่เป็นครั้งแรก ที่ฉันได้เห็นศพ
ฉันคิดว่าแม่ของฉันอาจเป็นหนึ่งในนั้น
แต่เมื่อฉันเอาไม้ไปเขี่ยศพดู
ฉันเห็นว่าเล็บเท้าของผู้หญิงคนนั้นทาสีเล็บ
แม่ของฉันไม่เคยทาสีเล็บของเธอเลย
ฉันรู้สึกโล่งใจทันที
แต่แล้ว ฉันก็รู้สึกละอายใจกับความคิดนั้น

พอถึงวันที่ 10 ฉันไม่สามารถยืนนิ่งได้แล้ว
ฉันต้องค่อย ๆ ลอยไปตามริมแม่น้ำที่ใหญ่กว่า
ลำห้วยที่ฉันพบในครั้งแรก
ที่เดินตามลำห้วยลงมา
ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือน
ฉันอยู่ในจักรวาลคู่ขนานที่ห่างไกลจากผู้คน
ฉันคิดว่า ฉันรู้สึกหลอน
เมื่อเห็นเรือลำใหญ่จริง ๆ
เมื่อฉันได้ไปจับต้องแล้ว
และรู้ว่ามันคือ เรือจริง ๆ
ทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายฉัน
สูบฉีดขึ้นอย่างแรง
(Adrenaline ทำให้คนมีพลังเหนือกว่าปกติ
แบบคนตกใจยกโอ่ง ยกตู้เย็น
แต่พอหายแล้วไร้เรี่ยวแรงไปเลย)

และแล้วฉันก็เห็น มีทางเล็ก ๆ เข้าไปในป่า
ฉันพบกระท่อมมุงหลังคาด้วยใบปาล์ม
เครื่องยนต์เรือวางอยู่บนพื้น
พร้อมน้ำมันเบนซิน 1 ลิตร
ฉันมีแผลที่ต้นแขนขวา
มันเต็มไปด้วยหนอนยาวประมาณ 1 เซนติเมตร 
ฉันจำได้ว่า หมาของเราเคยติดเชื้อมีหนอนขึ้น
และพ่อของฉันใช้น้ำมันก๊าดรักษาแผลมัน
ฉันจึงเทน้ำมันเบนซินออกมา
แล้วหยอดใส่เข้าไปในแผล
มันเจ็บปวดรุนแรงมาก
เพราะหนอนพยายามหนี
และไชเข้าไปในบาดแผลให้ลึกกว่าเก่ามาก
ฉันดึงหนอนออกมาได้ประมาณ 30 ตัว
และฉันภูมิใจในความสำเร็จของตัวฉันเองมาก 
ฉันจึงตัดสินใจพักค้างคืนที่นั่น
.
.

.
งานฉลองวันสำเร็จการศึกษา Juliane Koepcke
ที่โรงเรียนในคืนก่อนเครื่องบินตก
.
.

วันรุ่งขึ้น ฉันได้ยินเสียง
ของผู้ชายหลายคนอยู่ข้างนอก
มันเหมือนกับการได้ยินเสียงของทูตสวรรค์
เมื่อพวกเขาเห็นฉัน
พวกเขาต่างตกใจและหยุดพูด
พวกเขาคิดว่า ฉันเป็นเทพธิดาแห่งน้ำ
ตำนานท้องถิ่นที่เล่าว่า มีลูกผสมของ
โลมาน้ำจืดกับผู้หญิงผิวสีบลอนด์หรือผิวขาว

แต่เมื่อฉันแนะนำตัวเองเป็นภาษาสเปน
และอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น
พวกเขารักษาบาดแผลของฉัน
และให้ของกินกับฉัน
และวันรุ่งขึ้น
ก็พาฉันกลับคืนสู่อารยธรรม(เมือง Lima)

วันต่อมา หลังจากฉันได้รับการช่วยเหลือแล้ว
ฉันเห็นหน้าพ่อ พ่ออึ้งไปเลยในตอนแรก
แล้วโผเข้ากอดตัวฉันไว้แน่นเลย

2-3 วันต่อมา พ่อตามหาข่าวแม่อย่างเมามัน
วันที่ 12 มกราคม พวกเขาพบศพแม่
ต่อมา ฉันทราบว่า แม่รอดชีวิตจากเครื่องบินตก
แม่มีอาการบาดเจ็บสาหัสและขยับตัวไม่ได้
แม่เสียชีวิตในอีกหลายวันต่อมา
ฉันกลัวมากที่จะคิดว่า
แม่อยู่ถึงวันสุดท้ายได้อย่างไร
.


.
การรอดตายที่เหลือเชื่อของ Juliane Koepcke
มีการคาดการ/สันนิษฐานไปต่าง ๆ นานา
เรื่องราวที่ทราบกันดีคือ  เธอคาดเข็มขัดที่นั่ง
จึงยึดตัวเธอไว้ มีส่วนป้องกัน/ลดแรงกระแทก
แต่ก็มีทฤษฎีว่า เบาะนั่งด้านนอกของแถวที่ 3
ซึ่งอยู่คนละด้านของ Juliane Koepcke
ตกลงมาพร้อมกับเธอทำหน้าที่เหมือนร่มชูชีพ
ที่ชะลอการตกลงมาสู่พื้นดิน
และมีใบไม้หนาทึบที่จุดที่เธอตกลงมา

ในปี 1972 เธอพอหายจากอาการบาดเจ็บ
เธอได้ขึ้นเครื่องบินอีกครั้ง
หลังจากเครื่องบินตกในปี 1971
เพื่อเดินทางไปรักษาตัว
ที่เยอรมันจนหายเป็นปกติแล้ว
เธอไปเรียนต่อด้านชีววิทยาที่ University of Kiel
มหาวิทยาลัยที่เดียวกับพ่อแม่ของเธอจบมา
ในปี 1980 เธอสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี
และระดับปริญญาเอกในปี 1987
ที่ Ludwig Maximilian University of Munich
โดยเธอกลับไปเปรู เพื่อทำการวิจัย
ด้านสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทค้างคาว
ศึกษานิเวศวิทยาของฝูงค้างคาว
ในป่าฝนเขตร้อนของเปรู

ปัจจุบันเธอใช้ชื่อ Juliane Diller
เธอเป็นบรรณารักษ์  Bavarian State Collection of Zoology ที่ Munich
หนังสืออัตชีวประวัติของเธอ When I Fell From the Sky
(ภาษาเยอรมัน : Als ich vom Himmel fiel)
ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2011 โดย Piper Verlag
ทำให้เธอได้รับรางวัลวรรณกรรม
Corine Literature Prize ในปีเดียวกัน
ในปี 2019  รัฐบาลเปรูได้มอบรางวัล 
Order of Merit for Distinguished Services
รางวัลระดับ Grand Officer

.
.

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
.
Miracles Still Happen (I Miracoli Accadono Ancora - Giuseppe Scotese 1974)
.


มีการสร้างภาพยนตร์และสารคดีจากประสบการณ์ของเธอหลายเรื่อง
เรื่องแรกเป็นหนังต้นทุนต่ำ
และดาราต้องสวมบทบาทอย่างมาก
เรื่อง I miracoli accadono ancora (1974) 
โดย Giuseppe Maria Scotese ผู้สร้างภาพยนตร์ชาวอิตาลี 
มีการเผยแพร่เป็นภาษาอังกฤษในชื่อ Miracles Still Happen (1974) 
หรือบางครั้งเรียกว่า The Story of Juliane Koepcke 
ในภาพยนตร์เรื่องนั้น Susan Penhaligon
ชาวอังกฤษแสดงบทบาทเป็นเธอ

.

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Wings of Hope
.


25 ปีต่อมา Werner Herzog ผู้กำกับภาพยนตร์
ได้สร้างสารคดีเรื่อง Wings of Hope (1998) 
เพราะในปี 1971
ขณะที่ท่านกำลังถ่ายทำภาพยนตร์
เรื่อง Aguirre, the Wrath of God
Werner Herzog จำเป็นต้องขึ้น
เที่ยวบินลำเดียวกันกับเธอ (ที่ตก)
แต่เกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมเดินทางไป
ในนาทีสุดท้าย  เลยรอดตาย

Juliane Koepcke ยอมรับคำเชิญ Werner Herzog
ไปเยี่ยมเยือนสถานที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น
โดยเธอได้อธิบายว่า เป็นจิตกลไกบำบัดแบบหนึ่งสำหรับเธอ
ให้หายจากความกลัวความเจ็บปวดรวดร้าวในใจกับเรื่องราวในอดีต

.
เรียบเรียง/ที่มา

https://bbc.in/33knG9R
https://bit.ly/3o4UNqh
https://bit.ly/37ci02U
.
.
.

.

.

.
กระท่อมพ่อแม่ของเธอ ก่อนเกิดอุบัติเหตุ
.

.
The hoatzin bird of the Amazon,
whose call Koepcke
.

.

.

.
เทพธิดาชาวอิ้งก่า
.

.

.

.

.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่