ถุงมือกวีลำดับที่ 6 ของเกมรอบใหม่ สมัยที่ 7 สมัยสุดท้ายแห่งปี 2020 ....กลับเข้าสู่โหมดสวีทหวานน้ำตาลล่อมดอีกรอบครับ ^^

คราวนี้ มาเสพงานกวีชนิด "ฉันท์" กันบ้าง อันจะทำให้เพลิดเพลินกับท่วงทำนองจังหวะสั้นบ้างยาวบ้าง อันเกิดจากอำนาจ "ครุ-ลหุ" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของฉันท์นั่นเอง

และบทกวีนี้ จขถม. เลือกใช้ฉันท์ซึ่งมีชื่อว่า “วุตตฉันท์” หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “อีทิสฉันท์” หรือ “อีทิสังฉันท์” (ซึ่งความหมายตามภาษาบาลีก็จะฟังดูแปลกๆ หน่อยครับเพราะคำว่า "อีทิส" (รูปศัพท์เดิมซึ่งยังมิได้ผัน) แปลว่า "อันเป็นเช่นนี้" ครับ)

จขถม. ฝากเกร็ดความรู้เรื่องฉันท์ชนิดนี้มาด้วยครับ ดังนี้...

วุตตฉันท์ ๒๐
    “วุตตฉันท์” หรือ “อีทิสฉันท์” หรือ “อีทิสังฉันท์” เป็นชื่อที่เรียกตามแบบไทย แต่ในคัมภีร์วุตโตทัย ท่านเรียกว่า “วุตตคาถา” เป็น กติฉันท์ ฯ “กติ” แปลว่า “ฉันท์ที่แต่งด้วยคณะและยติตามที่กล่าวมาแล้ว”  “วุตตะ” แปลว่า “คาถาที่กล่าวด้วย ร คณะ เป็นต้น”   เป็นคาถา ๔ บาท ๆ ละ ๒๐ คำ มีสูตรว่า “วุตฺตมีทิสํ ตุ นามโต รชา รชา รชา ครูลหู จ” แปลว่า “คาถาที่มี ร คณะ ช คณะ ร คณะ ช คณะ ร คณะ ช คณะ ครุลอยและลหุลอย ชื่อว่า“วุตตคาถา”

        ในการบัญญัติฉันท์ไทยนั้น ท่านนำสูตรดังกล่าวมาเป็นสูตร โดยกำหนดนำมาเพียง ๑ บาท แล้วปรับปรุงให้เป็น ๓ วรรค รวม ๒๐ คำ เพราะรวมทั้งบทมี ๒๐ คำ จึงเรียกว่า “ฉันท์ ๒๐” เปลี่ยนลหุลอยเป็นครุลอยเสีย แล้วเพิ่มสัมผัสเข้า คือ คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้ายของวรรคที่ ๒, และคำสุดท้ายของวรรคที่ ๓ ส่งสัมผัสไปยังคำที่พร้อมจะรับในบทที่จะแต่งต่อไป มีแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้


CREDIT : ขอกราบขอบพระคุณ ข้อมูล จากเว็บฯ "วัดโมลี" (หนึ่งในสำนักเรียนบาลีใหญ่ครับ) = https://www.watmoli.com/poetry/990/

ตอนนี้...ก็มาเสพความสวีทหวานจากฉันท์ของ จขถม.นี้ ได้เลยครับ ^^