เรื่องสั้น : กล้ามาก เก่งมาก

กระทู้สนทนา


.

               ชอบเขียนสไตล์นี้ค่ะ แนวเรื่องเล่า และยืมตัวละครในไดอารี่ความคิดถึงมาด้วย สมมุติว่าโตแล้ว
————————————————————————
               
               วันนี้ที่หมู่บ้านของเธอมีงานบุญกฐิน ทว่าไม่ได้ตรงกับวันหยุด แต่! ถึงวันแห่กฐินจะเป็นวันศุกร์ ตอนเย็นมีหมอลำ พรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์แล้ว เพราะฉะนั้นเธอถึงไม่ซีเรียสเท่าไหร่ ดูหมอลำยันฟ้าสางได้สบายมาก

               บอสยังคงเดินไปโรงเรียนกับเพื่อน ๆ เช่นเดิมในตอนเช้า วันนี้ที่ศาลาการเปรียญมีกองกฐินตั้งอยู่ ผู้คนต่างนำหมอนมาบริจาค บรรยากาศครึกครื้นแต่เช้า มีเสียงเพลงและเสียงผู้ใหญ่บ้านประกาศรายนามผู้มาบริจาคเรื่อย ๆ

               ตาของเธอก็อยู่ที่นี่ มาเฝ้ากองกฐิน จะว่าไปตาของเธอเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่สุดในหมู่บ้าน เป็นพ่องานทุกงานเวลามีงานบุญประจำหมู่บ้าน ตอนยังไม่อายุเยอะเท่าไหร่ตาเคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน ดังนั้นการบ้านการเมืองตาจึงชอบมีส่วนร่วมด้วยเสมอ

               จุดนัดพบกันก่อนเดินทาง เช่นเดิมคือที่บ้านของออย และบ้านของออยก็อยู่ติดกับศาลาการเปรียญด้วย เธอเดินมาบ้านออยด้วยกันกับนิน ระหว่างทางเจอกับพี่ยอร์ด พี่ชายลูกพี่ลูกน้องอีกคนที่ร้านค้า พี่ชอบมาอยู่ที่นี่ประจำ ไม่ค่อยเข้าเรียน

               รายนี้ไม่เคยเข้าเรียนสักวัน เรียนไม่มาแต่ ร.ด.ไม่ขาด อายุห่างกัน 5 ปีกับเธอ พี่ยอร์ดเรียนอยู่ ชั้น ม.6  โรงเรียนเดียวกันกับเธอนี่แหละ คงกลัวได้เกณฑ์ทหาร เป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยสนิทกันเลย

               ไม่ค่อยได้คุยได้เล่นด้วยกัน บ้านก็อยู่ไกลกัน นานทีปีหนถึงจะได้เจอหน้ากัน ทั้งที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันนั่นแล นานทีปีหนพี่ยอร์ดจะมาบ้านหาตากับยาย แต่เวลาตายายเรียกใช้ไม่เคยบ่น

               ทว่าวันนี้พี่ชายมาแปลก แปลกมาก ๆ ผิดกับทุกวัน มีเหรอเจอกันข้างนอกจะเรียกเธอชวนคุยแบบวันนี้ “แห้งมืงจะไปไหนน่ะ “ พี่ยอร์ดนั่งพ่นควันบุหรี่ที่หน้าร้านค้า ใกล้กับบ้านของออย เมื่อเห็นเธอเดินมากับนินจึงเอ่ยถาม สวมชุดนักเรียนเรียบร้อยไม่รู้จะเข้าเรียนหรือเปล่า

               “ไปบ้านออย นั่นหลังนั้น” เธอตอบพี่ชาย และชี้ไปยังบ้านหลังที่สาม ถัดจากร้านค้าไป นาน ๆ เขาจะเอ่ยถามเธอที

               “ไอ้บอมไปโรงเรียนแล้วเหรอ”

               “ยังเลย ยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย” เธอหยุดคุยกับพี่ชายสักหน่อย นี่ก็ยังไม่สายเท่าไหร่

               “ไปรอเค้าทำไม ให้กูไปส่งที่โรงเรียนมั้ยเนี่ย” เธอแทบอยากจะกรี๊ดลั่น ณ ตรงร้านค้าตอนนี้เลย ร้อยวันพันปีพี่ยอร์ดจะใจดีกับเธอ แต่เธอไม่ต้องการ เพราะว่าต้องการเดินไปกับกลุ่มเพื่อนของตัวเองมากกว่า

               “อี่ตาอยู่กองกฐินเด้อ ไม่เข้าเรียนระวังโลด” บอสเตือนพี่ชาย หลาน ๆ ทุกคนจะไปเกเรที่ไหนก็ได้ แต่ห้ามให้ตาเห็น

               “รู้แล้วน่า ไม่ให้ไปส่งก็ตามใจ” แล้วเธอก็เดินไปบ้านออย ส่วนนินเดินไปถึงก่อนหน้าเธอแล้ว เพราะมัวแต่หยุดคุยกับพี่ยอร์ดนี่แหละ

               วันนี้พวกเธอนัดกันโดดเรียนคาบว่าง หลังจากที่เรียนคาบสุดท้ายเสร็จ ไม่รอโรงเรียนเลิก พวกเธอจะแอบหนีกลับมาแห่กฐินที่หมู่บ้านกัน

               เวลาผ่านไปค่อนวัน สุดท้ายก็ถึงคาบว่างรอโรงเรียนเลิกสักที ทว่ากลุ่มของพวกเธอไม่รอ พอหมดคาบเรียนก็พากันมารวมตัว จะหาทางแอบหนีกลับบ้านให้ได้ โดยหนีออกทางหลังโรงเรียน เดินลัดทุ่งเข้าหมู่บ้านไป

               พวกเธอแอบนัดแนะวางแผนกันเบา ๆ ค่อย ๆ เคลื่อนย้ายตัวเองให้แนบเนียนที่สุด ไม่เดินทะเล่อทะล่าออกไป แบบนั้นครูฝ่ายปกครองเห็นงานเข้าแน่นอน

               กลุ่มของพวกเธอพากันมานั่งเล่นติดชายขอบรั้วโรงเรียน ฝั่งทางหมู่บ้านของเธอ ก็มีเพื่อนบางกลุ่มมานั่งด้วย สุดท้ายก็พากันแอบลอดรั้วลวดหนามไปจนได้ กว่าบอสจะข้ามได้ทำใจอยู่นาน เธอข้ามเป็นคนสุดท้าย เนื่องจากยังสยองกับเหตุการณ์ครั้งมันเกี่ยวขาเธออยู่ที่นาไม่หาย

               “อี่บอสเร็ว ๆ สิ เดี๋ยวพ่อบรรจงมืงก็มาเจอหรอก” พ่อที่จอยพูดถึงคือครูฝ่ายปกครอง โหดที่สุดในโรงเรียน ทุกคนช่วยกันง้างดึงลวดหนามให้เธอข้ามมา

               ทันใดนั้นเมื่อลอดข้ามมาได้หวุดหวิดพอดีก็มีเสียงใครบ้างคนร้องทักอยู่ด้านหลัง “เฮ้ย! ทำอะไร จะไปไหน “

               กรี๊ด!  “รอไรล่ะ วิ่งสิพวกมืง!” ไม่ทันได้หันไปดูว่าใครทัก พวกเธอก็รีบวิ่งกระเจิงกันไป โชคดีที่เธอมีเรียนพละภาคบ่าย นำชุดพละมาเปลี่ยนด้วย จึงไม่เป็นอุปสรรคในการวิ่งบนคันนา

               เมื่อวิ่งมาได้ไกลพอสมควร คิดว่าไม่มีใครตามมาแล้ว พวกเธอจึงหยุดวิ่งและนั่งพักใต้ร่มต้นจาน นาของใครก็ไม่รู้ อยู่ติดกับโรงเรียน ทุกคนหัวเราะให้กับความพยายามของตัวเอง

               “ฮา โอ้ยกูเหนื่อย” จอยหัวเราะบ่นเหนื่อยยกมือขึ้นมาพัดให้ตัวเองหายร้อน หายใจหอบจากการวิ่งเมื่อครู่ แต่ละคนหัวเราะท่าทางของกันและกัน ที่วิ่งหนีด้วยความตกใจ ซึ่งไม่รู้เลยว่าเป็นใคร

               “อี่บอสขาสั้น ๆ วิ่งเร็วกว่าใครเลย วิ่งแซงกูเฉย ฮา “ แพทหัวเราะเธอ รวมทั้งเธอที่หัวร่อตัวเองด้วย

                “พวกมืงว่าเสียงใครวะ เสด็จพ่อบรรจงมั้ย” บอสหมายถึงครูปกครองที่โหดที่สุด พวกเธอทุกคนไม่มีใครหันไปดูที่มาของเสียงนั้นเลยว่าเป็นใคร

               “ไม่ ๆ! กูว่าไม่ใช่ กูจำเสียงครูได้” น้ำพูดอย่างมั่นใจ พร้อมยกแขนใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาตามใบหน้าตนเอง

                “กูว่าพวกไอ้พี่แสบ พี่นนท์แหละ พวกแมร่งชอบไปนั่งแถวนั้น”

               “วันจันทร์มืงว่าพวกเราจะโดนมั้ย” นินถามแววตาฉายความกังวลนิดหน่อย

               “ไม่รู้แต่ที่รู้ ๆ วันนี้ไปแห่กันเว้ย ปะหายเหนื่อยกันยัง เราออกเดินทางกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทัน” เตยผู้ไม่แคร์อะไร เรียนก็ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ด้วย ชวนให้เดินทางต่อ เพราะพักเหนื่อยนานแล้ว

               หลังจากที่พักกันให้หายเหนื่อย หายใจหายคอโล่งแล้วจึงพากันเดินทางต่อ เดินลัดเลาะมายังถนนเส้นเดิมที่ใช้มาโรงเรียน พวกเธอไม่มีใครยอมเดินลัดทุ่งเข้าหมู่บ้านแน่นอนมันจะดูไม่ดี

               มาถึงศาลาการเปรียญขบวนแห่กลองยาวกำลังจะเริ่มขึ้นพอดี กลองยาวที่ใช้แห่บุญกฐินเป็นของตา ตาของเธอเป็นเจ้าของวงกลองยาวนี้ ตาทำกลองเอง เจาะเอง ทั้งกลองโทน กลองรำมะนา พิณ คีย์บอร์ดตาก็ลงทุนซื้อเองทั้งหมด

                  ที่บ้านของเธอตาทำห้องเก็บกลองเครื่องเสียงโดยเฉพาะ ตารับงานทั่วราชอาณาจักร ชื่อวงว่า “สาวน้อยเพชร...” หมู่บ้านใกล้เคียง จังหวัดใกล้เคียง อำเภอใกล้เคียง ภาคเหนือ ภาคกลางตาเดินสายไปมาหมด วงค์กลองยาวของตาค่อนข้างดังพอสมควร

               พวกเธอนำกระเป๋าไปเก็บไว้ที่บ้านออย ยังไม่กลับบ้านตัวเองเกรงจะไม่ทัน แล้วก็พากันมารอแห่ มีนักเรียนหลายคนทยอยมาดู คงจะหนีชั่วโมงสุดท้ายมาเหมือนกัน ด้านหน้ามีเวทีหมอลำตั้งรอแล้ว ชื่อว่าคณะฟ้าสีคราม

               ขบวนแห่กฐินแห่รอบหมู่บ้าน โดยเริ่มแห่ขึ้นไปทางหมู่ 1 วนมาหมู่ 2 และมาบรรจบที่ศาลาการเปรียญที่เดิม พวกผู้ใหญ่ทั้งหญิงชาย เด็ก ๆ วัยรุ่นต่างสนุกสนานไปกับเสียงกลองยาว ที่เล่นเป็นทำนองเพลงต่าง ๆ มีการไปขอเพลงกับตาด้วย ให้เล่นทำนองเพลงสาวผัวเผลอก็ว่ากันไป

               บอสเดินตามขบวนแห่เฉย ๆ ไม่ได้โชว์สเต็ปการเซิ้งเหมือนเพื่อน เธอรู้สึกเกรงใจชุดนักเรียนที่สวมอยู่แปลก ๆ จึงทำแค่เดินตามเพื่อน ๆ เท่านั้น ส่วนจอย เตย แพท ชมพู่เซิ้งกันเต็มที่ ออกท่าออทางออกลีลาอย่างสนุก

               “หนึ่งทุ่มตรงมาเจอกันที่บ้านอี่ออยนะ” จอยนัดแนะทุกคน จอยค่อนข้างมีความเป็นผู้นำที่สุดในกลุ่ม คอยนัดแนะจัดแจงเรื่องต่าง ๆ เสมอ หลังจากแห่เสร็จ ก็นัดแนะกันก่อนกลับบ้านใครบ้านมัน

               “ได้ มืงอี่แฝดจะมาด้วยนะ” บอสหมายถึงพี่สาวฝาแฝดของตน ไม่แน่ใจว่าชวนแล้วสองคนจะมาหรือเปล่า แต่บอกเผื่อไว้ก่อน

               “มาก็มา ดีเหมือนกันจะได้ครบแก๊งใหญ่ พวกไอ้ดิว ไอ้เบลก็จะมา ดีเลยรวมรุ่นไปในตัว” จอยไม่ขัดอะไร เป็นเรื่องดีเสียอีก ตั้งแต่ขึ้นมัธยมเพื่อนก็แยกย้ายกันไป

               “ตามนั้น ทุ่มตรงเจอกันที่บ้านอี่ออย” บอสกลับมาถึงบ้าน เห็นยายกับน้องบีมอยู่กันสองคน พี่ ๆ ยังไม่กลับมาเลย น่าจะอยู่ที่ศาลาการเปรียญ ตาก็ยังไม่ทันได้กลับ

               “ยายคืนนี้บอสไปดูหมอลำนะ กับเพื่อน ๆ “ บอสถอดชุดนักเรียนออก รีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปหาพี่สาวสองฝาแฝด เนื่องจากได้โทรชวนไว้แล้ว วันนี้พวกเธอมีนัดกัน

               “พี่บอสน้องบีมไปด้วยนะ”

               “ไม่! พี่ไปกับเพื่อนพี่ เด็กไปไม่ได้” บอสทำหน้าเบื่อโลกให้กับน้องสาว ชอบตามไปนู่นนี่ด้วยอยู่เรื่อย บางครั้งบางคราวก็ให้ตามไปด้วยอยู่หรอก แต่รอบนี้เธอไม่อนุญาตให้ตามไปด้วย ก่อนจะรีบเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ

               “ยายน้องบีมอยากไปดูหมอลำกับพี่บอส” พอโดนเธอปฏิเสธน้องสาวก็หันไปงอแงยายแทน คงคิดว่ายายจะช่วยตนเองได้ ฝันไปเถอะเธอไม่ให้ตามไปด้วยหรอก ขณะอาบน้ำในห้องน้ำเธอก็คอยฟังน้องบีมงอแงยายไปด้วย

               “ยายบอสไม่ให้น้องบีมไปด้วยนะ บอสจะไปกับเพื่อนบอส” เมื่ออาบน้ำเสร็จ เปิดประตูออกมาเธอก็พูดแทรกเลยทันที ยังไงเธอก็ไม่ให้น้องสาวไปด้วย โตแล้วยังจะมาวิ่งตามอยู่ได้

               “มืงจะไปกับใคร อย่าให้รู้นะว่ามืงแอบออกนอกบ้านกลางค่ำกลางคืนเหมือนลูกหลานคนอื่นเค้า”

               “ใครจะออกนอกบ้านยาย ฮ่วย! ไปกับอี่แฝด ไปบ้านอี่ออยลูกแม่พึง” บอสหน้าบึ้งให้ยาย ไม่รู้ยายเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน หลังจากแต่งตัวเสร็จนั่งรอสองคนนั้นออกมาหา

               “บีมมา ๆ มาไปกับป้าหนิ จะตามเค้าไปทำไม เขาโตเป็นสาวแล้ว” ป้าแพงเดินมาพอดีพร้อมกับสองฝาแฝดและป้าคนอื่น ๆ สองสามคน ทว่าไปถึงก็แยกกัน

               “ไป นั่นไปกับป้ามืงน่ะ ฝากด้วยเด้อนาง” ยายฝากน้องบีมไปกับป้าแพง และป้าคนอื่น ๆ เธอก็เดินไปพร้อมกัน พอไปถึงศาลาการเปรียญ มีผู้คนมาจับจองที่นั่งดูหมอลำกันเต็มลานศาลา มีร้านค้าร้านส้มตำมาขายด้วย มีลูกโป่งสวรรค์ มีปลาหมึกย่าง ปลาหมึกบดเยอะแยะมากมาย

                  พอมาถึงงานพวกเธอสามคนจึงขอแยกตัวไปหาออย ซึ่งบ้านออยก็อยู่หลังเวทีหมอลำนี่เอง ขณะนี้เพื่อน ๆ มากันครบหมดแล้วทั้งหญิงและชาย พวกเธอพากันตั้งวงก่อนจะไปดูหมอลำ ตอนนี้ยังไม่ทำการแสดงเลย ผู้ใหญ่บ้านขึ้นเปิดงานเมื่อไหร่พวกเธอค่อยจะพากันเดินออกไป

                บอสกับเพื่อน ๆ ออกเงินกันซื้อเหล้ามากิน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มหัดดื่มแอลกอฮอล์ เบน 285 ผสมเป๊ปซี่ เป็นเหล้าขวดแรกของเธอ เธออยากลองตอนแรกว่าจะดื่มแค่น้ำอัดลม ทว่าความอยากลองมันมีมากกว่า อีกอย่างไอ้แฝดก็กินด้วย บอสจึงกินเหล้ากับเพื่อนด้วยเลย

               พวกเธอเทเหล้าผสมน้ำอัดลมใส่ลงไปในกระติก ส่วนอีกกระติกเป็นน้ำแข็ง ถือไปกินที่หน้าเวทีหมอลำ ขณะนี้หมอลำกำลังเปิดงานพอดี

               ช่วงกลางดึก ประมาณตีหนึ่ง หมอลำกำลังลำเรื่องต่อกลอนเข้าด้ายเข้าเข็ม น้องบีมกับป้า ๆ กลับไปตั้งแต่ห้าทุ่ม พี่ปาวก็วิ่งหน้าตั้งมาหาเธอ กับพี่บอมพี่บอลอยู่หน้าเวทีหมอลำ บอกว่าพี่ยอร์ดเกิดอุบัติเหตุ

               บอสกำลังสลึมสลือเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แทบสร่างขึ้นมาทันควัน ตกใจน้ำตาก็จะไหลนึกถึงใบหน้าของพี่ยอร์ดที่คุยกันเมื่อเช้า ภาวนาขอให้พี่ไม่เป็นอะไร พวกเธอสี่คนพี่น้องรีบวิ่งกลับบ้านทันที

               พอมาถึงบ้านยายเปิดประตูหลังบ้านเอาไว้ พวกเธอเดินเข้ามา บอสเห็นยายนั่งตำหมากสายตาทอดมองออกไปข้างนอกมืด ๆ เงียบ ๆ คนเดียว น้องบีมหลับไปแล้ว บอสไม่กล้าพูดถามอะไรมาก เพราะกลัวยายได้กลิ่นเหล้า

               “บอมกับบอลไปดูพี่มืงหน่อยเป็นไงบ้าง ตาก็อยู่ที่นู่น” ยายบอกให้พี่ชายสองคนขับรถไปที่บ้านพี่ยอร์ด ไปฟังข่าวว่าพี่เป็นยังไงบ้าง ส่วนตาไปตั้งแต่ที่พี่ชายของพี่ยอร์ดมาบอกว่าพี่ยอร์ดโดนรถชนแล้ว “ค่อย ๆ ขับไปนะไม่ต้องรีบ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่