หญิงสาวที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างคนนั้น เธอกำลังรอคนรักกลับมา..

ตั้งแต่เล็กแต่น้อย ผมเคยเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผี ไม่เชื่อว่าผีมีจริง ผมเคยคิดว่าถ้าคนตายทุกคนเป็นผี ป่านนี้ผีคงเต็มโลกแล้วแหละ
ต่างกับพี่สาวคนโต รายนั้นเห็นผีเป็นกิจวัตรประจำวัน ตอนรุ่นๆ ผมเคยถามเขาว่า ทำไมผมไม่เห็นผีเหมือนพี่บ้างเลย
"เอ็งมันจิตหยาบ" พี่ผมบอก
"มีแต่คนจิตละเอียดเท่านั้นแหละที่จะเห็น"
บอกตรงๆ ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

   ด้วยความอยากจะเจอผี ตอนวัยรุ่นที่กำลังห้าวได้ที่ ผมถึงกับท้าทายผีด้วยซ้ำ
ผมเคยเข้ากลุ่มล่าผีกับเพื่อนๆ แถวบ้าน
ที่ไหนมีข่าวผีดุ บ้านร้างตึกร้าง  ผมก็ไปพิสูจน์มาหมด
แต่ก็ไม่เคยเจอจะจะซะที บ้านผีสิงบางหลัง กลายเป็นที่มั่วสุมของผมกับเพื่อนๆ ไปซะฉิบ

   แต่ถึงจะไม่เชื่อ ผมก็ยังมีหวาดๆ อยู่บ้าง
ที่ผ่านมา เวลาไปเที่ยวที่ไหนที่ต้องพักค้างคืน ผมก็ไม่ลืมทำตามคำแนะนำที่เคยอ่าน ที่จะทำให้ไม่ต้องเจอกับสิ่งลี้ลับที่อธิบายไม่ได้
เช่น การสวดมนต์ก่อนนอน การบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางประมาณว่า "ลูกแค่มาพักผ่อนนะจ๊ะ ลูกไม่เคยคิดจะท้าทาย"
ไปจนถึงการขยับเตียงออกจากจุดเดิมเล็กน้อย การเปิดไฟดวงเล็กไว้ดวงหนึ่ง การเปิดไฟห้องน้ำเอาไว้และแง้มประตูห้องน้ำไว้เล็กน้อย
ถึงไม่ค่อยเชื่อว่าจะช่วยได้แต่ผมก็ไม่ดูแคลน
ด้วยอายุที่มากขึ้น ประสบการณ์มากขึ้น ทำให้ผมเรียนรู้ว่า สิ่งที่เราไม่เห็น ใช่ว่าจะไม่มี
ใครจะไปรู้ ห้องที่เรานอนอยู่นี้อาจเคยมีคนฆ่าตัวตาย ผูกคอตาย หรือเกิดเหตุฆาตกรรม เมียฆ่าผัวหมกห้อง ผัวฆ่าเมียกับชู้ ก็เป็นได้ ....บรื๋ออ..... น่ากลัวใช่ไหมล่ะ
อาจจะมีพนักงานที่รู้ แต่คงไม่บอกเราแน่ๆ
ฉากผีสาวผมยาวห้อยหัวผมสยายลงจากเพดาน จากเรื่องเล่า จากภาพยนตร์ที่เห็นกันบ่อยๆ ยังติดตา
   ผมเคยท่องเที่ยวไปทั่วประเทศ ก็ไม่เคยเจอผีแบบตัวเป็นๆ อาจจะเคยเจอเหตุการณ์ผิดปกติบ้าง แต่ผมก็หาเหตุผลมาหักล้างไปได้หมด
แต่มีอยู่ที่หนึ่ง ที่ผมเคยไปเที่ยวมาเกือบสิบครั้ง
และก็เรียกได้ว่า "เจอดี" มาแทบทุกครั้ง
ที่นั่นคือ กาญจนบุรี หรือ เมืองกาญจน์ ที่เราเรียกกันติดปากนั่นเอง

   ครั้งล่าสุดประมาณห้าปีที่แล้ว ผมกับแฟนได้ไปเที่ยว และพักที่รีสอร์ตขนาดกลางแห่งหนึ่งริมแคว
ที่ด้านหน้าติดแม่น้ำ ด้านหลังเป็นป่า
มีแพริมน้ำไว้ทำกิจกรรม
มีบ้านพักเป็นหลังๆ ประมาณสิบหลัง อยู่ใกล้แม่น้ำ ลึกเข้าไปใกล้ราวป่าอีกนิดมีเรือนพักสองชั้นอีกประมาณชั้นละสิบห้อง
เราได้ห้องที่ตึกนี้ ห้องกลางๆ ชั้นล่าง
ช่วงบ่ายหลังจากเช็คอินเรียบร้อยเราก็เข้าห้องพัก
ผมเปิดประตูด้านหลังห้องเพื่อสำรวจและกะจะเอาแจ็กเก็ตไปผึ่งลมไว้
ผมกวาดตาเข้าไปในป่าที่มืดครึ้ม มีต้นไม้ใหญ่หนาแน่น เถาวัลย์ระโยงระยาง ที่พื้นก็มีหญ้าขึ้นรกชัฏ แทบไม่เห็นผืนดิน
ผมรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่วูบเข้ามาปะทะเนื้อตัวโสตประสาท จนผมรู้สึกหนาวสั่น รีบหาที่แขวนเสื้อแล้วรีบปิดประตู

   คืนนั้นหลังจากทำกิจกรรมที่ทางรีสอร์ตจัดให้
รับประทานอาหารและดื่มกันได้ที่ เราก็กลับเข้าห้องพักกันประมาณเที่ยงคืน
ทำธุระส่วนตัวเสร็จ เตรียมตัวนอน ผมก็ไม่ลืมปฏิบัติตามคำแนะนำเป็นปกติ แต่คราวนี้ผมเลือกปิดไฟในห้องทั้งหมด เปิดแต่ไฟห้องน้ำและแง้มประตูไว้เล็กน้อยเท่านั้น
เรานอนคุยกันไปเรื่อยๆ ประมาณตีสองเสียงคุยของแฟนก็ค่อยๆ เงียบไป ผมก็เริ่มเคลิ้มหลับ..

   ผมสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงคล้ายผู้หญิงร้องไห้อยู่หลังห้อง
ในแสงสลัว ผมกวาดตาไปทางแฟนก็เห็นเธอเบิกตาโพลงมองหน้าผมอยู่ เธอเอามือมาเกาะแขนผมไว้แล้วกระซิบละล่ำละลัก
"พี่ได้ยินด้วยหรือ"
ผมพยักหน้า พลางขยับตัวลุกจากที่นอน
แฟนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์สมัยวัยรุ่นของผมมาบ้าง ผมได้ยินเธอพูดเสียงสั่นไล่หลังมาเบาๆ
"พี่อย่าเปิดประตูนะ"
ผมก้าวไปที่ประตูบานนั้น เสียงร้องครางฮือๆ ก็ยังดังอยู่เป็นระยะ
ผมก้มลงไปมองกลอนประตูว่ายังล็อคอยู่ดีไหม
ทันใดนั้นกลิ่นสาบสางฉุนกึ๊กชวนสะอิดสะเอียนก็ลอดช่องประตูมาเข้าจมูก
ผมกลั้นใจเอาฝ่ามือแนบบานประตู เงี่ยหูฟัง
มีเสียงแกรกกรากคล้ายกรงเล็บข่วนประตูตรงที่มือผมแนบอยู่
คล้ายกับว่าสิ่งลึกลับข้างนอกรู้ว่าผมยืนอยู่หลังประตูบานนั้น
ผมผงะถอยหลังกลับมาเปิดไฟ
เสียงร้องครวญครางและเสียงข่วนประตูยังดังอยู่ต่อไป
ราวกับจะอ้อนวอนให้เราเปิดประตูต้อนรับ

   เสียงเขย่าขวัญสั่นประสาทนั้นหยุดไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าดังอยู่นานเหมือนไม่มีวันจบสิ้น
ตอนผมย้ายร่างขึ้นเตียงอีกครั้ง ผมบอกแฟนว่า "ไม่มีอะไร สัตว์ป่าน่ะ"
ผมรู้ว่าเธอไม่เชื่อผมแน่ และก็เป็นอย่างที่ผมคิด
เธอโพล่งถามย้อนกลับมาทันควัน
"สัตว์อะไรร้องไห้เหมือนคน มีด้วยเหรอพี่"
ผมหมดคำตอบ
เรานอนใจสั่นจ้องตากันโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก
จนผมผลอยหลับไปตอนรุ่งสางด้วยความอ่อนเพลีย
ผมตื่นมาตอนสาย แฟนแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เธอบอกว่ายังไม่ได้หลับทั้งคืน
ผมรีบล้างหน้าล้างตาลวกๆ แต่งตัวแล้วเผ่นออกจากห้อง ขับรถออกจากรีสอร์ตแทบไม่มองเหลียวหลัง
ทิ้งเสื้อไว้ให้สิ่งลึกลับนั้นดูต่างหน้าโดยไม่ต้องการการพิสูจน์ความจริงใดๆ
ปล่อยให้มันเป็นความลับดำมืดอยู่ต่อไปนั่นแหละ...


แต่เรื่องที่ผมตั้งใจจะเล่า ยังไม่ใช่เรื่องนี้..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่