#การอรรถาธิบายอัลกุรอานนั้น ต้องมาจากนบีและความเข้าใจของอัครสาวกของท่านก่อนเสมอ...นั้นเป็นความจริงในปัจจุบันหรือ?

"#การอรรถาธิบายอัลกุรอานนั้น ต้องมาจากนบีและความเข้าใจของอัครสาวกของท่านก่อนเสมอ"  คำกล่าวนี้อาจจะเป็นความจริง ถ้ามุสลิมอยู่ในสมัยท่านบนีมูฮัม
มัด และในสมัยที่สาวกผู้ติดตามท่านยังมีชีวิตอยู่.... แต่หลังจากที่ท่านนบีมูฮัมมัด และสาวกในสมัยขอท่านส้นชีวิตไปแล้ว มุสลิมจะอาศัยผู้ใดที่จะช่วยในการศึกษา
อัลกุรอาน   

   มุสลิมในปัจจุบันส่วนมาก เข้าใจว่า เรื่องบอกเล่าหรือ ฮาดีษต่างๆนั้นเป็นคำพูด หรือ คำอธิบาย ข้อความของบัญญัติอัลกุรอาน ของท่านนบีหรือสาวกของท่านบีที่แท้ 
จริง ดังนั้นในการที่เขาจะเข้าใจอัลกุรอานได้ เขาจะต้องใช้ฮาดีษหรือเรื่องบอกเล่าเหล่านั้นมาอธิบายอัลกุรอาน...ตัวอย่างเช่น การอธิบายบัญญัติ ที่ 4:24 ดังนี้;

ซูเราะฮฺอันนิสาอ์ (บท เหล่าสตรี)เป็นบทหนึ่งของคัมภีร์อัลกุรอาน,มีเนื้อเรื่อง 'เกี่ยวกับผู้หญิง, เป็นซูเราะห์หนึ่งใน ซูเราะฮฺมะดะนียะห์ 
ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องชุมชนมุสลิมที่เพิ่งจัดตั้งใหม่ๆ โดยการสรุปพฤติกรรมที่ยอมรับได้สำหรับชาวมุสลิม ที่แสดงให้เห็นถึงบท
บาทของอัลกุรอานในฐานะบทบัญญัติของกฎหมายที่เชื่อถือได้ และความสามารถในการสร้างชุมชน ที่ อยู่ในระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ
จากชุมชนอรับที่ป่าเถื่อนขาดคุณธรรม ให้อยู่ในกรอบคุณธรรมตามหลักการของอิสลาม มีหลายบัญญัติในซูเราะห์นี้ที่วางกฏในการให้
ความยุติธรรมกับเด็กกำพร้า ทั้งนี้เพราะว่าผู้ชายอรับ ในยุคก่อนอิสลามนั้นชอบที่จะเอา เด็กหญิงกำพร้ามาเป็นคู่ครองเพื่อที่จะะหลอก
ใช้ทรัพย์สินของพวกเขา 

ในกระทู้นี้จะกล่าวถึงข้อผิดพลาดในการอธิบายอัลกุรอานโดยใช้ฮาดีษที่เกี่ยวกับความมักมากในกามรมณ์ของผู้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ในสงครามที่เมืองเอาตัส เรื่องมีอยู่ว่า:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


"ผู้ซึ่งมือขวาของเธอครอบครอง"  หมายถึงทาสหรือเชลยศึก หญิงหรือชาย ที่จับมาหลังจากชัยชนะในสงคราม ในเรื่องราวข้างบนนี้ เป็นเชลยศึกหญิง ซึ่งมีสามี/แต่งงานมาแล้ว สามีอาจจะตายในสงครามหรือพลัดพรากจากกันในระหว่างสงคราม  ผู้ติดตามท่านศาสดา มีความต้องการจะผ่อนคลายอารมณ์ทางเพศ แต่ไม่กล้าจทำเนื่องจาก หญิงเหล่านั้นไม่ใช่มุสลิม และมีสามีมาแล้ว  แต่เมื่อผู้ติดตามเข้าไปถามท่านศาสดาในเรื่องนี้  อัลกุรอานบัญญัติที่ 4-24 ก็ถูกประทานมา ความว่า:
 
وَالْمُحْصَنَاتُ مِنَ النِّسَاءِ إِلَّا مَا مَلَكَتْ أَيْمَانُكُمْ ۖ كِتَابَ اللَّهِ عَلَيْكُمْ ۚ وَأُحِلَّ لَكُمْ مَا وَرَاءَ ذَٰلِكُمْ أَنْ تَبْتَغُوا بِأَمْوَالِكُمْ مُحْصِنِينَ غَيْرَ مُسَافِحِينَ ۚ فَمَا اسْتَمْتَعْتُمْ بِهِ مِنْهُنَّ فَآتُوهُنَّ أُجُورَهُنَّ فَرِيضَةً ۚ وَلَا جُنَاحَ عَلَيْكُمْ فِيمَا تَرَاضَيْتُمْ بِهِ مِنْ بَعْدِ الْفَرِيضَةِ ۚ إِنَّ اللَّهَ كَانَ عَلِيمًا حَكِيمًا {24}
[Shakir 4:24] And all married women except those whom your right hands possess (this is) Allah's ordinance to you, and lawful for you are (all women) besides those, provided that you seek (them) with your property, taking (them) in marriage not committing fornication. Then as to those whom you profit by, give them their dowries as appointed; and there is no blame on you about what you mutually agree after what is appointed; surely Allah is Knowing, Wise.

{4:24} และบรรดาหญิงมีสามี นอกจาก(เชลย)ที่มือขวาของพวกเธอครอบครอง เป็นบัญญัติของอัลลอฮฺที่มีแก่พวกเธอ และได้ถูกอนุมัติให้แก่พวกเธอที่นอกเหนือจากนั้น ในการที่พวกเธอจะแสวงหามาด้วยทรัพย์ของพวกเธอ ในฐานะเป็นผู้สมรส ไม่ใช่ในฐานะผู้ทำผิดประเวณี ดังนั้นหญิงใดที่พวกเธอเสพสุขกับนาง ในบรรดาหญิงเหล่านั้น ก็จงให้สินตอบแทนของพวกนางนั้นแก่พวกนาง ตามที่มีกําหนดไว้ และไม่เป็นบาปใด ๆ แก่พวกเธอในสิ่งที่พวกเธอต่างยินยอมกันในสิ่งนั้นหลังจากที่มีกําหนดนั้นขึ้น แท้จริง อัลลอฮฺคือพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงปรีชาญาณ

ผู้อธิบาย(ตัฟซิร)  เอาฮาดีษมาอธิบายว่า เนื่องจาก ข้อยกเว้นที่ว่า "นอกจาก(เชลย)ที่มือขวาของพวกเธอครอบครอง" ด้วยเหตุนี้ บรรดา เหล่าผู้ติดตามท่านศาสดาก็ได้ร่วมมีเพศสัมพันธ์กับเชลยศึกหญิงเหล่านั้นในที่สุด (หลังจากที่รอจนถึงระยะที่บรรดาหญิงเหล่านั้นหมดประจำเดือนครั้งหลังสุดแล้ว) เพราะว่าเป็นบัญญํติของอัลลอฮ์ที่อนุมัติให้แก่มุสลิม, โดยที่ไม่พิจารณาข้อความที่ตามหลังมาว่า "ในการที่พวกเธอจะแสวงหามาด้วยทรัพย์ของพวกเธอ ในฐานะเป็นผู้สมรส ไม่ใช่ในฐานะผู้ทำผิดประเวณี"

 เนื่องจากการอธิบายโดยใช้ ฮาดีษ/เรื่องบอกเล่า ดังกล่าว มาอ้างอิงเป็นตัวอย่าง ในปัจจุบันนี้ มุสลิมส่วนมากและผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม เข้าใจว่า ในประวัติศาสตร์ สงครามมุสลิมนั้น ทหารมุสลิมหรือผู้ติดตามท่านศาสดามูฮัมมัดนั้น ได้รับอนุมัติจากท่านศาสดามูฮัมมัดและจากอัลกุรอานให้ ร่วมเพศหรือทำซินา หรือ ข่มขืน เชลยศึกหญิง ได้โดยไม่ต้องมีการนิกะห์เสียก่อน เพียงแต่ต้องมีการ รอระยะให้หมดประจำเดือนครั้งหลังสุดเสียก่อนเท่านั้น 

ท่านสมาชิกเข้าใจการอธิบายบัญญํตินี้ว่าอย่างไร เมื่อกล่าวถึงเชลยศึกหญิงในสงคราม ตาม "ฮาดีษ/เรื่องบอกเล่า" เมื่อมุสลิมมีชัยชนะ?


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่