🔴มาลาริน/9พ.ย.ไทยพบโควิด 3 ราย มาจากตปท./สสจ.พบกลุ่มเสี่ยง 290 รายเคสชายอินเดีย/สธ.ชี้โควิดแฝงตัวในไทย ไม่แสดงอาการ

วันนี้ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย รวมป่วยสะสม 3,840 ราย



วันนี้ (9 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า....✏

ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ (9 พ.ย.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine ดังนี้

เอธิโอเปีย 2 ราย
โอมาน 1 ราย

ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,840 ราย หายป่วยแล้ว 3,661 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 119 คน ผู้เสียชีวิตรวม 60 ราย 

https://www.sanook.com/news/8292875/

🔴เชียงใหม่วุ่น! สสจ.พบกลุ่มเสี่ยง 290 รายเคสชายอินเดียติดโควิด-19 ตระเวนเที่ยว รอผลคืนนี้



เชียงใหม่-สสจ.เชียงใหม่ เผยความคืบหน้าสอบสวนโรคเคสชายอินเดียติดเชื้อโควิด-19 พบในพื้นที่มีกลุ่มเสี่ยงสูงและต่ำรวม290ราย เก็บตัวอย่างเชื้อส่งตรวจแล้วจะทราบผลคืนนี้(9พ.ย.63) ย้ำยังไม่พบระบาด วอนอย่าตื่นตระหนก

วันนี้(9พ.ย.63)ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงถึงความคืบหน้าในการดำเนินการของทีมสอบสวนโรคของ สสจ.เชียงใหม่ กรณีที่กระทรวงสาธารณสุขแจงความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย 1 รายเป็นเพศชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 37 ปี อาชีพพนักงานในร้านอาหาร จังหวัดกระบี่ ขณะนี้ผู้ป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลกระบี่ อาการทั่วไปปกติ ไม่มีไข้ ไอเล็กน้อย ติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ 290 ราย ยังไม่พบการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง

โดยผู้ป่วยรายนี้ตรวจพบเชื้อจากการตรวจสุขภาพเพื่อขอใบอนุญาตทำงาน (work permit) โดยได้ทำการตรวจ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 ตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ที่โรงพยาบาลเอกชนและผลตรวจยืนยันของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11/1 จังหวัดภูเก็ตพบเชื้อเช่นกัน แต่ผลการตรวจบ่งชี้ว่าน่าจะมีปริมาณเชื้อน้อยมาก และได้เก็บตัวอย่างตรวจ RT-PCR ซ้ำครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ผลไม่พบเชื้อ ประกอบกับผลการตรวจหาภูมิคุ้มโควิด 19 ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่าผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันชนิด IgG ซึ่งช่วยยืนยันการติดเชื้อจริง แต่มีความเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยได้ติดเชื้อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์แล้ว เนื่องจากผมตรวจภูมิคุ้มกัน IgM เป็นลบ ข้อมูลข้างต้นชี้ให้เห็นว่าผู้ป่วยมีโอกาสต่ำมากที่จะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นในระหว่างการเดินทางในจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2563

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการประสานจากกรมควบคุมโรคถึงข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยรายดังกล่าวจึงส่งทีมสอบสวนโรคของ สสจ.เชียงใหม่ ร่วมกับ สคร.1 ลงพื้นที่สอบสวนโรค และติดตามผู้สัมผัสในจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวเดินทางพร้อมกับเพื่อนชาวไทย จำนวน 1 ราย วันที่ 30 ตุลาคม 2563 ได้เดินทางเข้ามาจังหวัดเชียงใหม่โดยเครื่องบิน เที่ยวบิน FD3167 นั่งแท็กซี่ไปโรงแรมในตัวเมืองเชียงใหม่ และเที่ยวสถานบันเทิงกับเพื่อนชาวไทย วันที่ 31 ต.ค. 2563 เช่ารถยนต์ขับจากโรงแรมในเชียงใหม่ ไปสุโขทัย พร้อมกับเพื่อนชาวไทย วันที่ 1 พ.ย. 2563 ขับรถยนต์กลับเชียงใหม่และเที่ยวในเมือง และเข้าพักที่โรงแรมเดิม วันที่ 2 พ.ย. 2563 คืนรถเช่าที่สนามบินเชียงใหม่ และเดินทางกลับภูเก็ตกับเพื่อนชาวไทย เที่ยวบิน FD3168

สำหรับผลการติดตามผู้สัมผัสในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 1 ราย เป็นพนักงานขับรถแท็กซี่ และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 20 ราย ทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ในท่าอากาศยานเชียงใหม่ และจากการการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่โรงแรมและตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 1 ราย เป็นพนักงานขับรถของโรงแรม และเสี่ยงต่ำ จำนวน 13 ราย ซึ่งเป็นพนักงานต้อนรับ และพนักงานทำความสะอาด 
นอกจากนี้ยังได้มีการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่บริษัทรถเช่าเชียงใหม่ พบผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอีก 4 ราย เป็นการสัมผัสระหว่างรับ ส่งรถเช่า รวมมีผู้สัมผัสทั้งเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำทั้งสิ้น 39 ราย และได้รับการเก็บตัวอย่าง เพื่อตรวจหาเชื้อก่อโรค COVID-19 ในวันที่ 9 พ.ย. 2563 ขณะนี้กำลังรอผลผลการตรวจซึ่งผลทั้งหมดจะออกราว 20.00 น. วันนี้



ทั้งนี้ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กำลังตรวจสอบผู้สัมผัสจากกล้องวงจรปิดของสถานบันเทิงที่ผู้ป่วยได้เดินทางไป และยังได้ส่งข้อมูลผู้ป่วย รวมถึงป้ายทะเบียนรถเช่า เพื่อให้ทางตำรวจได้ตรวจสอบการเดินทางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติมต่อไป
ขณะเดียวกันนายแพทย์จตุชัย ระบุว่า เนื่องด้วยในขณะนี้ยังไม่พบการระบาดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงสถานที่ที่ผู้ป่วยรายดังกล่าวได้เดินทางไป และยังอยู่ในระหว่างรอผลการตรวจหาเชื้อของผู้สัมผัสที่เหลือ หากพบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทางทีมสอบสวนโรคจะมีการประกาศเพื่อค้นหาผู้สัมผัสรายต่อไป ตามมาตรการของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้การปฏิบัติตัวประชาชนที่สัมผัสใกล้ใช้ผู้ป่วยรายนี้ให้เฝ้าระวังตนเองสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน หากมีอาการให้รีบพบแพทย์ ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านพร้อมบอกประวัติ

นอกจากนี้ขอความร่วมมือประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่อย่าตื่นตระหนก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการควบคุมป้องกันโรคตามมาตรการอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตามทุกคนยังคงต้องอยู่กับโควิด 19 ไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดเปรียบเสมือนวัคซีนช่วยป้องกันการติดเชื้อคือ การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เข้ารับบริการสถานที่ต่างๆ ลงทะเบียนด้วย “ไทยชนะ” ทุกครั้ง

https://mgronline.com/local/detail/9630000115965

🔴สธ.ชี้เชื้อโควิดแฝงตัวในไทย ไม่แสดงอาการ


ระบุตัวเลขผู้ติดเชื้อในต่างประเทศยังน้อยกว่าความจริงอยู่มาก จากที่บางรายไม่มีอาการป่วย-ไม่ได้เข้ารักษา ยกเคสชาวอินเดียติดโควิด ชื่นชมชาวกระบี่ที่ไม่ตื่นตูมกับสถานการณ์ ย้ำต้องอย่าประมาท การ์ดอย่าตก

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรคกล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกวันนี้ มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 472,468 ราย มีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกแล้วกว่า 50 ล้านราย ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับรายงานนี้มีความเป็นไปได้ว่าน้อยกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจริงอยู่มาก เนื่องจากบางรายไม่แสดงอาการป่วยหรือไม่ได้เข้าสู่ระบบการรักษา
 
สถานการณ์ในประเทศไทย ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ขณะนี้ยังคงเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ดังนั้นประเทศไทยจึงมีโอกาสพบผู้ติดเชื้อในประเทศได้ เนื่องจากอาจมีผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการปะปนอยู่ในสังคม อย่างเช่น กรณีชายชาวอินเดีย ที่พบในจังหวัดกระบี่ ต้องขอบคุณประชาชน โดยเฉพาะชาวกระบี่ที่ไม่ตื่นตระหนกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และยังให้ความสำคัญกับการป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรฐานก.สาธารณสุข ซึ่งเป็นวินัยที่ประชาชนควรปฏิบัติต่อเนื่อง ไม่ประมาทการ์ดอย่าตก ตามวิถี New Normal นอกจากนี้ ขอให้ทุกคนสังเกตตนเองหากพบว่ามีอาการป่วย ไข้ ไอ อาการระบบทางเดินหายใจ การรับรสและกลิ่นลดลง ให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที

นพ.โสภณกล่าวว่า สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะเริ่มในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือความเสี่ยงใกล้เคียงกับประเทศไทย โดยมีมาตรการรองรับในการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้น ตั้งแต่ก่อนเดินทาง จะต้องมีใบรับรองตรวจไม่พบเชื้อโควิดก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง ระหว่างเดินทาง ทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน และเมื่อเดินทางมาถึง จะมีระบบคัดกรอง ระบบกักกัน ตรวจหาเชื้อเป็นระยะตามมาตรฐาน เพื่อให้พบผู้ที่อาจติดเชื้อโดยเร็วที่สุด รวมถึงมีระบบติดตามขณะที่อยู่ในประเทศ เพื่อให้เกิดความปลอดสูงสุดสำหรับคนในประเทศ

อีกประการสำคัญคือ นักท่องเที่ยวทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองที่ก.สาธารณสุขกำหนด ได้แก่ หน้ากากอนามัย/ หน้ากากผ้า เว้นระยะห่าง ตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย แม้ว่าขณะนี้จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่ม long stay เข้ามาบ้างแล้วแต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อจากกลุ่มนี้

https://siamrath.co.th/n/195952

ระมัดระวังอย่าประมาท การ์ดอย่าตกค่ะ...อมยิ้ม34

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่