🔴มาลาริน/15 ธ.ค.ไทยพบโควิด 9 ราย จากตปท./เชียงใหม่ปลอดภัยแล้ว/เตรียมดำเนินคดี1G1/ศบค.ถกลงโทษผู้จัดMusic/ร.พ.หน้ากาก100%

🔴วันนี้ ไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 9 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ รวมป่วย 4,246 ราย



เพี้ยนแคปเจอร์วันนี้ (15 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ (15 ธ.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 28 ราย
ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine ดังนี้....🔻

สหราชอาณาจักร 1 ราย
สวิตเซอร์แลนด์ 2 ราย
เอธิโอเปีย 1 ราย
โรมาเนีย 1 ราย
สหรัฐอเมริกา 2 ราย
เนเธอร์แลนด์ 1 ราย
กาตาร์ 1 ราย

ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,246 ราย หายป่วยแล้ว 3,949 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 237 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม มีผู้เสียชีวิตรวม 60 ราย



https://www.sanook.com/news/8316230/

เพี้ยนชอบเชียงใหม่ส่งผู้ป่วยโควิด 3 รายพ้นระยะแพร่เชื้อกลับบ้านแล้ว หมอยันปลอดภัยเที่ยวได้ ไม่ปิดเมือง ไม่กักตัว



🔴15 ธ.ค.63-ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่ นพ.กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์โรคโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ ว่า ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 5 ราย ซึ่งเป็นการนำเชื้อเข้ามาจากต่างประเทศทั้งหมด ปัจจุบันไม่พบการแพร่ระบาดเกิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่แต่อย่างใดแล้ว ส่วนผู้ป่วยอาการดี รักษาตัวอยู่ห้องแยกความดันลบ ของโรงพยาบาลนครพิงค์​ ล่าสุดวันนี้ผู้ป่วยรายที่ 42, 43 และ44 ได้รับการรักษาหายเป็นปกติ ผลการตรวจซ้ำหลังให้การดูแล ผลทั้งหมดเป็นลบ โรงพยาบาลนครพิงค์ได้แยกกักตัวจนครบเวลาตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด จนพ้นระยะแพร่เชื้อเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ พบว่า.....🔻

ผู้ติดเชื้อทั้งสามราย มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19​ แล้ว แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ในวันนี้ (15 ธ.ค.) และส่งต่อให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการต่อไป
สำหรับผู้สัมผัสทั้งหมด 1,670 ราย ไม่มีอาการป่วย ผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดเป็นลบ ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 88 ราย ได้รับการกักตัวครบระยะ 14 วัน ผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ สามารถกลับบ้านได้แล้ว และยังคงมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 7 ราย ที่กักตัวเพื่อสังเกตอาการจนครบ 14 วัน(หลังวันสัมผัส) อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 3 ราย กักกันตนที่บ้านโดยมีผู้ดูแลใกล้ชิด 4 ราย ซึ่งจะครบในวันที่ 16 และ 20 ธ.ค. 2563​ นี้
  
นอกจากนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินโครงการตรวจค้นหาเชิงรุก โดยได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมรถพระราชทาน และโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับพนักงานสถานบันเทิงสถานประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 4-11 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทั้งสิ้น 148 แห่ง จำนวน 2,292 ราย ผลเป็นลบทั้งหมด

ทั้งนี้ขอแจ้งให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ว่าทางจังหวัด ไม่มีการปิดเมือง และไม่มีการกักตัวแต่อย่างใด สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติในทุกพื้นที่ โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้วางมาตรการอย่างเข้มข้น และมีแนวทางในการกำกับติดตามร่วมกับเครือข่าย เพื่อให้ความมั่นใจแก่ประชาชน และผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ ว่าปลอดภัยแน่นอน

https://www.thaipost.net/main/detail/86884

🔴ดำเนินคดี 3 ข้อหาหนักแก๊ง 1G1 ทำป่วนทั้งประเทศ ป่วยโควิด 3 รายที่ออก รพ.



เพี้ยนปักหมุดผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สั่งดำเนินคดี 3 ข้อหาหนักแก๊ง 1G1 ผู้ป่วยโควิด-19 3 รายที่จะออกโรงพยาบาลวันนี้ เพื่อเป็นตัวอย่างไม่ให้มีผู้ใดกระทำตาม เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนให้กับทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.63 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 270 นาย เข้าตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยทางโรงพยาบาลลานนาได้ จัดทีมแพทย์ พยาบาล มาดำเนินการตรวจเชื้อโควิด-19 ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 รวมถึงกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จำนวนกว่า 500 นาย โดยการดำเนินการตรวจครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ทำให้จำเป็นต้องมีการตรวจหาโรค เพื่อเป็นการป้องกันและเฝ้าระวังหากมีผู้ติดเชื้อขึ้นมา



พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า การนำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 นั้นเพราะตอนนี้พื้นที่ภาค 5 เป็นพื้นที่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้านที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 และตำรวจก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มต้นๆ ในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งการตั้งด่าน การปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปราม เราจึงทำการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดมาทำการคัดกรองในองค์กร เพื่อความปลอดภัย และได้เน้นย้ำตำรวจออกปฏิบัติการด้วยความระมัดระวัง โดยเบื้องต้นตรวจคัดกรองแล้วยังไม่พบข้าราชการตำรวจติดเชื้อ ขณะที่ผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 3 รายที่เข้ารักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลนครพิงค์ นั้นล่าสุดวันนี้ทางแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว



เบื้องต้นทางตำรวจภูธรภาค 5 ได้ส่งเรื่องไปยัง สภ.แม่สาย ให้ตั้งคดีรอแล้ว เนื่องต้องทำให้เป็นตัวอย่างเพื่อให้บุคคลอื่นได้เกรงกลัวไม่กระทำผิดลักษณะนี้อีกเพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับคนทั่วประเทศ โดย 3 ข้อหาที่ทางตำรวจได้ตั้งรอเบื้องต้น...🔻

➡️3 ข้อหา คือ...🔻

1 เป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ได้เดินทางเข้ามาตามช่องทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่และตามกำหนดเวลา ตามที่รัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 (ปรับไม่เกิน 2,000 บาท)

2. ข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกมาตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 3 เรื่องการเปิดช่องเข้ามาในราชอาณาจักร มีโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปีปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



3. ข้อหา ไม่ปฏิบัติตามตคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือผู้ว่าราชการจังหวัด (จังหวัดเชียงราย) ตามมาตรา 35 (1) แห่ง พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ.2558 (คำสั่งจังหวัดเชียงรายที่ 1380/2563 เรื่องการระงับการเดินทางเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะและสิ่งของ ณ จุดผ่านแดนถาวร จุดผ่อนปรนการค้าและช่องทางอื่นๆตลอดแนวชายแดนจังหวัดเชียงรายเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 21 มีนาคม 2563 (จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท ) หรือทั้งจำทั้งปรับ

https://www.thairath.co.th/news/local/north/1995136

🔴วิษณุ' ชี้ปมลงโทษผู้จัด 'บิ๊กเมาท์เทน' สั่งห้ามแล้วยังไม่หยุด ศบค.จ่อถก 17 ธ.ค.นี้



เพี้ยนดีออก15 ธ.ค.63 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากช่อง เจ้าของพื้นที่ดำเนินคดีกับผู้จัดคอนเสิร์ต Big Mountain Music Festival ที่ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมาให้ยุติการแสดง เนื่องจากได้รับร้องเรียนว่าไม่มีมาตรการป้องกันโควิด-19 ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้รายงานให้ที่ประชุม ครม.รับทราบว่า จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งมีโทษหนักกว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ว่าหนักอย่างไรอาจจะแค่ปรับ เพราะโทษกำหนดไว้แค่นั้นคือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้จะทำให้ผู้ที่จัดคอนเสิร์ตหรือกิจกรรมที่มีคนจำนวนมากต้องนำไปเป็นบทเรียนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องใช้เป็นบทเรียน ในแง่ที่ต้องมีการกำหนดมาตรการระมัดระวังโควิด-19  และเมื่อเตือนหรือห้ามแล้วต้องหยุด ปัญหาเวลานี้คือ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ระมัดระวัง แต่เป็นเรื่องที่ห้ามแล้วยังไม่หยุด ซึ่งเราเป็นห่วง เพราะจากนี้ไปจะมีอีก เราห่วงช่วงเวลาต่อจากนี้ไปคือ ปีใหม่ เคาท์ดาวน์ อะไรก็แล้วแต่ เช่น ตอนนี้ได้ยินว่าบางแห่งจะมีบวชชีพราหมณ์ มีผู้สูงอายุจำนวนมาก หากมีการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่างก็ไม่ว่ากัน แต่การไปตะโกนสวดมนต์พร้อมๆ กันแล้วนั่งติดกัน เราก็เป็นห่วง เพราะคนเข้าร่วมแต่ละครั้งเป็นหมื่นคน
 
เมื่อถามว่า ได้มีการมีรายงานในที่ประชุม ครม.หรือไม่ว่าจะต้องมีการกำหนดมาตรการอะไรหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เรายืนยันมาตรการเดิม แต่วันที่ 17 ธ.ค. จะมีการประชุม ศบค.ก็จะได้พูดเรื่องนี้กันอีก เพราะว่ามันเริ่มมีบทเรียนอะไรมา พ.ร.ก.ฉุกเฉินเองเราได้มีการประกาศอยู่แล้วจนถึงวันที่ 15ม.ค.64 แต่มาตรการที่ได้กำหนดเอาไว้ตอนนี้มันเบาลง พอมันเกิดเหตุขึ้นมา เช่น ที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย และเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา มันก็อาจจะฟื้นมาตรการอะไรบางอย่าง 

https://www.thaipost.net/main/detail/86923

🔴ทุกรพ.ควรเป็นพื้นที่สวมหน้ากาก100%



นานาโอเคนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้กำชับให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขทุกระดับ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ให้โรงพยาบาลเป็นพื้นที่สวมหน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์ ย้ำเตือนบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขสวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เป็นตัวอย่างประชาชนในการป้องกันโรคโควิด 19 และช่วยสอดส่อง แนะนำประชาชนให้สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลขอให้สวมหน้ากากตลอดเวลา
 
ซึ่งการสวมหน้ากากอนามัยเปรียบเสมือนวัคซีนป้องกันโรคที่ทำได้ด้วยตนเอง มีประสิทธิภาพสูง มีความคุ้มค่าโดยไม่ต้องลงทุน จากผลสำรวจล่าสุดพบว่า...🔻

ประชาชนสวมหน้ากากในโรงพยาบาล เพียงร้อยละ 73.49 รวมทั้งให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. กระตุ้นเตือนคนในชุมชนให้สวมหน้ากาก ลดความเสี่ยงการรับและแพร่กระจายเชื้อ ป้องกันตนเอง ครอบครัว และสังคมจากโรคโควิด 19 เนื่องจากขณะนี้พบว่าประชาชนมีพฤติกรรมสวมหน้ากากลดลงไม่ถึงร้อยละ 90 ทั้งที่การสวมหน้ากากถือเป็นวัคซีนที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคโควิด 19 ที่ประชาชนสามารถทำได้เอง

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจอนามัยโพล ครั้งที่ 3 วันที่ 7-11 ธันวาคม 2563 เก็บตัวอย่างจากประชาชนทั่วประเทศจำนวน 23,511 คน เรื่องการสวมหน้ากาก พบว่า สวมหน้ากากเป็นประจำร้อยละ 86.19 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งที่ 2 (วันที่ 23-27 พฤศจิกายน) ที่สวมหน้ากากป้องกันร้อยละ 81.21 สำหรับสถานที่สาธารณะที่ประชาชนสวมหน้ากากเป็นประจำมากที่สุด คือ ห้างสรรพสินค้า/คอมมูนิตีมอลล์ ร้อยละ 75.35 โรงพยาบาลร้อยละ 73.49 , ส่วนสถานที่ที่ประชาชนสวมหน้ากากน้อย คือ สวนสาธารณะ/สนามกีฬาร้อยละ 53.58 และฟิตเนส/โรงยิมร้อยละ 54.43 เนื่องจากต้องออกกำลังกาย และใส่หน้ากากเพียงบางเวลาเท่านั้น สำหรับความกังวลของประชาชนต่อสถานการณ์โควิด 19 พบว่า ส่วนใหญ่ มีความกังวลในระดับปานกลางร้อยละ 37 กังวลมากร้อยละ 33.6 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนที่อยู่ที่ร้อยละ 23.3 กังวลเล็กน้อยร้อยละ 25.3 และรู้สึกเฉย ๆ ร้อยละ 4.1

https://www.innnews.co.th/social/news_844137/

สถานการณ์วันนี้ดูดีขึ้นนะคะ...นานารักเลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่