หลังจากผ่านการงอแงของป๋าทรัมป์แล้ว
1 กำไรของบ.ต่างๆจะลดลง จากการขึ้นภาษีนิติบุคคล
2 กำไรของบ.ต่างๆจะมีทั้งได้และเสียประโยชน์จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเกือบเท่าตัว
3 มีแนวโน้มว่า พลังงานสะอาดจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้น พวกพลังงานฟอสซิลอาจจะมีความต้องการใช้ลดลงเร็วกว่าเดิม
4 คชจ.ของประเทศด้านสาธารณสุขน่าจะเพิ่มขึ้น
5 แนวโน้มความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆน่าจะดีขึ้น เราก็น่าจะดีขึ้น(มั้ง)
(แต่กับจีนไม่แน่ แม้จะไม่ใช้กำแพงภาษีเหมือนป๋าทรัมป์ แต่น่าจะมีเครื่องมืออื่นเพื่อเตะสกัดขาจีนอยู่ดี)
6 การจ้างงาน บอกอยากว่า จะดีขึ้นหรือแย่ลง นโยบาย Made In America ของป๋าไบเดน น่าจะช่วยให้มีการจ้างงานมากขึ้น
แต่จากข้อ 1-2 ก็ไม่แน่ใจว่า จะจูงใจให้บ.ต่างๆยังอยากตั้งฐานการผลิตเหมือนที่ป๋าทรัมป์พยายามทำหรือไม่
7 โควิด ถ้าแนวโน้มแย่ลงมากๆ และยังไม่มีวัคซีน ป๋าไบเดนน่าจะมีการใช้มาตรการปิดเมืองก็เป็นได้
8 เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแน่ๆ จากปัญหา cost push ที่มาจากการขึ้นค่าแรงอย่างมีนัยยะขนาดนั้น
การขึ้นค่าแรงแบบนั้นจะตามมาด้วยปัญหาหรือไม่ต้องรอดู
เพราะประเทศนึงเคยทำแบบนี้ไปแล้ว ก็สร้างปัญหามาจนถึงวันนี้
คือ กลุ่มคนที่ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นที่เหมือนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่รายจ่ายก็เพิ่มตามมากกว่า ผลคือจนกว่าเดิม
และมีผลให้จุดเด่นของประเทศที่มีค่าแรงไม่แพง เสียเปรียบเพื่อนบ้านทันที
แต่ในส่วนของสหรัฐต้องรอดูก่อน เพราะโครงสร้างของประเทศ ไม่ได้อยู่ในฐานะประเทศรับจ้างผลิต
แต่เป็นประเทศที่ผลิตสินค้ามีนวัตกรรม มีแบรนด์ ถ้าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น แล้วประชาชนยังมีการจ้างงานอยู่ ก็อาจจะไหว
9 มาในส่วนของนโยบายการเงิน เฟดเคยบอกว่า ถัดจากนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเลิก QE ก็จะให้ความสำคัญกับ Average Infaltion แทน
ซึ่งจากข้อ 8 ผมบอกเลย เฟดจะอ้างไปใช้ค่าเฉลี่ยหรืออะไรก็ตาม ถ้าค่าแรงพุ่งขนาดนั้น ยังไงก็เกิน 2% แน่นอน
ถ้ามองในจุดนี้ การยกเลิกมาตรการกระตุ้นมีสูงมาก แน่นอน การสิ้นสุดของนโยบายดอกเบี้ยขาลงจะอยู่ตรงนี้ ไม่มีต่ำกว่านี้แล้ว
แต่ถ้าเฟดยังอ้างอยู่ว่า ต้องดูตัวเลขการจ้างงานเป็นตัวประกอบด้วย ก็คงต้องดูกันต่อไป
ผมรับรองได้ เงินเฟ้อพุ่งแน่นอน
ทั้งหมดที่ว่ามา สิ่งที่จะต้องผ่านไปให้ได้ก่อนคือ ลูกงอแงของป๋าทรัมป์ รับรองเจอแน่
ฟ้องศาล การทวิตรัวๆเพื่อปั่นให้ฐานเสียงออกมาอาละวาด (ฐานเสียงของป๋าทรัมป์ค่อนข้างฮาร์ดคอร์ อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเยอะ)
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากปัญหาโควิดที่ล่าช้าที่ยื้อกันมาจากเกมการเมืองอาจจะยื้อกันต่อ
อะไรที่จะตามมาเมื่อป๋าไบเดนได้
1 กำไรของบ.ต่างๆจะลดลง จากการขึ้นภาษีนิติบุคคล
2 กำไรของบ.ต่างๆจะมีทั้งได้และเสียประโยชน์จากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเกือบเท่าตัว
3 มีแนวโน้มว่า พลังงานสะอาดจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้น พวกพลังงานฟอสซิลอาจจะมีความต้องการใช้ลดลงเร็วกว่าเดิม
4 คชจ.ของประเทศด้านสาธารณสุขน่าจะเพิ่มขึ้น
5 แนวโน้มความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆน่าจะดีขึ้น เราก็น่าจะดีขึ้น(มั้ง)
(แต่กับจีนไม่แน่ แม้จะไม่ใช้กำแพงภาษีเหมือนป๋าทรัมป์ แต่น่าจะมีเครื่องมืออื่นเพื่อเตะสกัดขาจีนอยู่ดี)
6 การจ้างงาน บอกอยากว่า จะดีขึ้นหรือแย่ลง นโยบาย Made In America ของป๋าไบเดน น่าจะช่วยให้มีการจ้างงานมากขึ้น
แต่จากข้อ 1-2 ก็ไม่แน่ใจว่า จะจูงใจให้บ.ต่างๆยังอยากตั้งฐานการผลิตเหมือนที่ป๋าทรัมป์พยายามทำหรือไม่
7 โควิด ถ้าแนวโน้มแย่ลงมากๆ และยังไม่มีวัคซีน ป๋าไบเดนน่าจะมีการใช้มาตรการปิดเมืองก็เป็นได้
8 เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแน่ๆ จากปัญหา cost push ที่มาจากการขึ้นค่าแรงอย่างมีนัยยะขนาดนั้น
การขึ้นค่าแรงแบบนั้นจะตามมาด้วยปัญหาหรือไม่ต้องรอดู
เพราะประเทศนึงเคยทำแบบนี้ไปแล้ว ก็สร้างปัญหามาจนถึงวันนี้
คือ กลุ่มคนที่ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นที่เหมือนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่รายจ่ายก็เพิ่มตามมากกว่า ผลคือจนกว่าเดิม
และมีผลให้จุดเด่นของประเทศที่มีค่าแรงไม่แพง เสียเปรียบเพื่อนบ้านทันที
แต่ในส่วนของสหรัฐต้องรอดูก่อน เพราะโครงสร้างของประเทศ ไม่ได้อยู่ในฐานะประเทศรับจ้างผลิต
แต่เป็นประเทศที่ผลิตสินค้ามีนวัตกรรม มีแบรนด์ ถ้าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น แล้วประชาชนยังมีการจ้างงานอยู่ ก็อาจจะไหว
9 มาในส่วนของนโยบายการเงิน เฟดเคยบอกว่า ถัดจากนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเลิก QE ก็จะให้ความสำคัญกับ Average Infaltion แทน
ซึ่งจากข้อ 8 ผมบอกเลย เฟดจะอ้างไปใช้ค่าเฉลี่ยหรืออะไรก็ตาม ถ้าค่าแรงพุ่งขนาดนั้น ยังไงก็เกิน 2% แน่นอน
ถ้ามองในจุดนี้ การยกเลิกมาตรการกระตุ้นมีสูงมาก แน่นอน การสิ้นสุดของนโยบายดอกเบี้ยขาลงจะอยู่ตรงนี้ ไม่มีต่ำกว่านี้แล้ว
แต่ถ้าเฟดยังอ้างอยู่ว่า ต้องดูตัวเลขการจ้างงานเป็นตัวประกอบด้วย ก็คงต้องดูกันต่อไป
ผมรับรองได้ เงินเฟ้อพุ่งแน่นอน
ทั้งหมดที่ว่ามา สิ่งที่จะต้องผ่านไปให้ได้ก่อนคือ ลูกงอแงของป๋าทรัมป์ รับรองเจอแน่
ฟ้องศาล การทวิตรัวๆเพื่อปั่นให้ฐานเสียงออกมาอาละวาด (ฐานเสียงของป๋าทรัมป์ค่อนข้างฮาร์ดคอร์ อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเยอะ)
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากปัญหาโควิดที่ล่าช้าที่ยื้อกันมาจากเกมการเมืองอาจจะยื้อกันต่อ