ความลับของเกาะ Banda ในประวัติศาสตร์

การยึดเกาะ Banda-Neira โดยกองเรืออังกฤษ ภายใต้การบังคับบัญชาของกัปตัน Cole
ในตอนเช้าของวันที่ 9 สิงหาคม1810 Cr.ภาพ พิพิธภัณฑ์การเดินเรือแห่งชาติกรีนิช (National Maritime Museum, Greenwich)
ในทะเล Banda ห่างจากจาการ์ตาไปทางตะวันออกประมาณ 2,500 กม. อยู่ที่หมู่เกาะบันดา (Banda) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอินโดนีเซีย เป็นเวลาหลายพันปีที่หมู่เกาะทั้ง 10 แห่งนี้เป็นแหล่งที่มาของลูกจันทน์เทศและผลจันทน์เทศ (nutmeg and mace) เพียงแห่งเดียวในโลก 

ก่อนการมาถึงของชาวยุโรป  Banda ถูกปกครองโดยขุนนางที่เรียกว่า orang kaya ที่ค้าขายกับชาวอินเดียและชาวอาหรับ ซึ่งขายเครื่องเทศให้ชาวยุโรปในราคาที่สูงเกินไป ในสมัยนั้นลูกจันทน์เทศมีค่าตามน้ำหนักมากกว่าทองคำ เนื่องจากเชื่อกันว่าเครื่องเทศเป็นยารักษาโรคระบาดที่สร้างความเสียหายให้กับประชากรทั่วยุโรปเป็นประจำ

ชาวอาหรับผู้มีฝีมือยังคงรักษาที่ตั้งของเครื่องเทศล้ำค่านี้ไว้เป็นความลับ ซึ่งช่วยให้เกาะนี้มีค่าและราคาสูง จนกระทั่งถึงปี 1511 เมื่อกษัตริย์แห่งโปรตุเกส Afonso de Albuquerque  พิชิตเกาะ Banda และเกาะใกล้เคียงได้  ความลับที่ได้รับการปกป้องอย่างดีของเกาะ Banda ก็ถูกเปิดเผย ในไม่ช้าหมู่เกาะนี้ก็กลายเป็นศูนย์กลางของการค้าเครื่องเทศ

พ่อค้าชาวโปรตุเกสพยายามที่จะตั้งหลักฐานที่มั่นคงบนเกาะนี้แต่ล้มเหลว  ชาวบันดานีเป็นศัตรูกับทุกสิ่งนอกจากการค้าที่เป็นธรรม และในช่วงที่เหลือของศตวรรษที่ 16 สิ่งที่ชาวโปรตุเกสทำได้คือมาเยี่ยมชมเกาะทุกๆสองสามปี และกลับไปพร้อมกับเรือที่เต็มไปด้วยลูกจันทน์เทศ ดอกจันทน์และกานพลู
มีครั้งหนึ่ง พ่อค้าชาวโปรตุเกสชื่อ Garcia Henriques พยายามที่จะสร้างป้อมปราการที่ Banda Neira  แต่ชาวเกาะได้ลุกฮือขึ้นพร้อมอาวุธและโจมตีทันที  เมื่อชาวโปรตุเกสตระหนักว่าการต่อสู้นั้นทั้งมีค่าใช้จ่ายสูงและน่าเหน็ดเหนื่อย  พวกเขาจึงเริ่มหลีกเลี่ยงหมู่เกาะ Banda โดยเลือกที่จะซื้อลูกจันทน์เทศจากผู้ค้าในมะละกาแทน

พ่อค้าชาวดัตช์ได้ติดตามชาวโปรตุเกสไปยังเกาะ Banda แต่พวกเขาได้รับการเสนอสินค้าที่น้อยกว่าชาวโปรตุเกส  พวกเขาจึงพยายามบังคับให้มีการผูกขาดการค้าเครื่องเทศโดยสั่งให้ชาวบันดานีขายสินค้าเหล่านี้ให้กับชาวดัตช์เท่านั้น แต่โดนปฏิเสธ โดยชาวบันดานีต้องการการค้าเสรีเพื่อที่พวกเขาจะได้ค้าขายกับพ่อค้าของประเทศต่างๆในยุโรป และขายสินค้าของตนให้กับผู้เสนอราคาสูงสุด  การเจรจาต่อรองเป็นไปอย่างยากลำบากและเมื่อถึงจุดหนึ่งชาวบันดานีได้หลอกล่อและซุ่มโจมตีในายทหารชาวดัตช์ และสังหารชาวดัตช์ไป 46 คน เพื่อเป็นการตอบโต้ทหารดัตช์ได้ปล้นหมู่บ้านของชาวบันดานีหลายแห่งรวมทั้งทำลายเรือของพวกเขาด้วย

แผนที่หมู่เกาะบันดา
(Cr.ภาพ Lencer / Wikimedia Commons)
ภาพวาดมุมหนึ่งของ Bandanaira (ของ Josias Cornelis Rappard , ในปี1883-1889)

เกาะ Banda-Neira และ Gunung Api
(Cr.ภาพ Collin Key / Flickr)
จากเรื่องที่เกิดขึ้น มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ โดยชาวบันดานียอมรับอำนาจของเนเธอร์แลนด์และผูกขาดการค้าเครื่องเทศ ในปีเดียวกันนั้นชาวดัตช์ได้สร้างป้อม Nassau เพื่อควบคุมการค้าลูกจันทน์เทศบนเกาะ Banda Neira

แม้จะมีความสงบสุข แต่ชาวบันดานีก็ไม่พอใจชาวดัตช์และจงใจละเมิดสนธิสัญญาโดยการค้าขายกับอังกฤษ, มาเลย์ และชวา และความเป็นปรปักษ์ของชาวเกาะซ้ำเติมความสัมพันธ์กับชาวดัตช์  ส่งผลให้ชาวดัตช์ยึดครองหมู่เกาะบันดานีอย่างรุนแรง โดยสังหารชาวบ้านโดยลดจำนวนประชากรจาก 15,000 คนเหลือเพียง 1000 คนที่รอดชีวิต  ประชากรที่ลดลงมากทำให้ชาวดัตช์ต้องนำทาสจากอินเดียและจีนมาเพิ่มเพื่อทำงานในไร่แทน

ชาวอังกฤษก็แย่งชิงส่วนของการค้าที่ร่ำรวยนี้  โดยก่อนที่ชาวดัตช์จะเข้าควบคุมหมู่เกาะนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ชาวอังกฤษมีตำแหน่งการค้าสองแห่งบนเกาะ Ai และเกาะ Runไอ เกาะเล็ก ๆ ห่างจากหมู่เกาะ Banda หลักประมาณ 10 และ 20 กม. ในปี 1615 ชาวดัตช์ขับไล่ชาวอังกฤษออกจากเกาะ Ai แต่พวกเขาก็เข้าไปอยู่ในเกาะ Run แทนจนถึงปี 1667  และทำการค้าใหม่กับเกาะ New Amsterdam ทางชายฝั่งตะวันออกของอเมริกาเหนือ ซึ่งอีก 350 ปี ต่อมาเกาะ New Amsterdam กลายเป็นศูนย์กลางการค้าระดับโลกที่เรารู้จักกันในชื่อ เกาะแมนฮัตตัน (Manhattan)

ในช่วงสงครามนโปเลียน เมื่อเนเธอร์แลนด์ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส  อังกฤษได้ใช้โอกาสเข้ายึดหมู่เกาะ Banda ชั่วคราวก่อนที่ชาวดัตช์จะกลับมาควบคุมหมู่เกาะนี้อีกครั้ง  ชาวอังกฤษได้ถอนต้นกล้าลูกจันทน์เทศที่มีค่าหลายร้อยต้น และขนย้ายไปยังอาณานิคมของตนในเกาะลังกา, สิงคโปร์ และอินเดีย ซึ่งทำลายการผูกขาดของชาวดัตช์ไปตลอดกาล  ทำให้ความพิเศษของเกาะ Bandas ได้ถูกทำลายลงและหมู่เกาะก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ลูกจันทน์เทศยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของชาวเกาะหลายคนใน Banda แต่ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจได้หายไป  ปัจจุบันเครื่องเทศเติบโตในหลายประเทศและแม้ว่าอินโดนีเซียจะยังคงเป็นผู้นำทางการค้า แต่ชาวเกาะ Banda ก็ไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป
ตอนนี้เกาะเป็นแหล่งน้ำนิ่งเขตร้อนอันเงียบสงบ มีประชากรน้อยกว่าสองหมื่นคน ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในธุรกิจลูกจันทน์เทศจะทำอาชีพจับปลาในน่านน้ำชายฝั่งที่ยังคงอยู่ในสภาพเดิม และส่วนหนึ่งได้เข้าสู่การท่องเที่ยว

ปัจจุบันหมู่เกาะ Banda ได้รับการยกย่องจากสภาพแวดล้อมทางทะเล รวมถึงแนวปะการังที่ฟื้นคืนสภาพและมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เชื่อกันว่าทะเล Banda โดยรอบทำหน้าที่เป็นเหมือนกันชนปกป้องหมู่เกาะนี้จากอุณหภูมิเส้นศูนย์สูตรที่รุนแรง และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลมทะเลและฝนที่ตกปรอยๆ ยังมีอิทธิพลต่อรสชาติและคุณภาพของลูกจันทน์เทศซึ่งยังคงอ้างว่าดีที่สุดในโลก


ผลลูกจันทน์เทศที่เก็บเกี่ยวสด  เมล็ดลูกจันทน์เทศจะมีเปลือกสีแดงหุ้มอยู่
(Cr.ภาพ Santhosh Varghese / Shutterstock.com)
การแปรรูปลูกจันทน์เทศในหมู่เกาะบันดาประมาณปี1899-1900
Cr.ภาพ University of Amsterdam

มุมมองทางอากาศของ Banda Neira พร้อมป้อมปราการ Belgica อยู่เบื้องหน้า
(Cr.ภาพ farhankudosan / Shutterstock.com)
ป้อม Belgica ใน Banda Neira
(Cr.ภาพ Riana Ambarsari / Shutterstock.com)
ที่มา
- Peter Milne, Banda, เกาะขุมทรัพย์ลูกจันทน์เทศ , The Jakarta Post 
- Ian Williams, ทำไมหมู่เกาะบันดาถึงมีค่ามากกว่าแมนฮัตตัน , NBC News
- UNESCO , Wikipedia
Cr.https://www.amusingplanet.com/2020/11/banda-secret-island-of-nutmegs.html / KAUSHIK PATOWARY
Cr.https://en.wikipedia.org/wiki/Nutmeg
Cr.http://www.thealami.com/main/content.php?page=sub&category=5&id=2047

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่